เมื่อกองทัพขอให้ประชาชนเลือกข้าง

ท่าทีและวาจาของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในการให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 และ ช่อง 7 สี เมื่อค่ำวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น ไม่ต้องคิดมากว่า ต้องการอะไร เพราะมันชัดเจนอยู่ในตัวแล้วว่า พลเอกประยุทธ์ต้องการให้คนไทยเลือกข้าง ในการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ แบบชัดเจนเด็ดขาดไปเลย

“ขอให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า ช่วยไปเลือกตั้ง ทราบว่า มียอดผู้มีสิทธิ 30-40 ล้าน ออกมาเลือกตั้งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หากท่านปล่อยให้การเลือกตั้งเป็นเหมือนเดิมๆ เราก็ได้อะไรแบบเดิมๆ ตลอด อยากฝากให้ทุกคนเลือกตั้งอย่างใช้สติ มีเหตุผล รู้จักคิดว่า ทำอย่างไร บ้านเมือง สถาบัน จึงจะปลอดภัย ทำอย่างไรคนดี จึงจะได้มาบริหารชาติบ้านเมือง ประชาชนอย่าให้เขาดูถูกว่า ท่านชักจูงง่าย โดยไม่ได้ดูว่า คนนั้นดีหรือไม่ มีคุณธรรมหรือไม่ เขาทำผิดกฎหมายหรือไม่ กิริยาที่นักการเมืองบางท่านใช้ ไม่เหม่ะสม แล้วจะเลือกเขาเข้าไปทำไม เลอืทกคนที่ดี คนที่สุภาพ ตั้งใจทำงาน เพื่อชาติบ้านเมือง เข้าไปทำงานก็แล้วกัน”

ผบ. ทบ. ขอให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เทคะแนนให้ คนดี มีคุณธรรม เข้ามาบริหารชาติบ้านเมือง และปกป้องสถาบันให้ปลอดภัย

พรรคไหนเป็นพรรคของคนดี มีคุณธรรม ในความหมายของพลเอกประยุทธ์ เดาได้ไม่ยาก

พรรคไหน เป็นพวกล้มเจ้า เผาบ้านเผาเมือง ทำผิดกฎหมาย ไม่ต้องเดา เพราะรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าชื่อพรรคอะไร

การออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในครั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องถูกวิพากษ์ วิจารณ์ว่าเลือกข้าง ไม่เป็นกลาง นำกองทัพไปอิงกับการเมือง แต่ถ้ากล้าออกมาพูดเช่นนี้ ก็คงเตรียมใจไว้แล้วว่า จะต้องมีปฏิกิริยาในทางลบ จากผู้ที่มีอคติกับทหารอยู่แล้วแน่

ความจริงแล้ว ท่าทีแบบตรงไปตรงมาของ พลเอกประยุทธ์ ควรเป็นท่าที่ที่บรรดาบุคคล และองค์กร ที่มีอิทธิพลต่อความคิด ความเชื่อ ของคนในสังคม ควรจะเอาเป็นแบบอย่าง คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น และมั่นใจในความคิดเห็นของตน จนกล้าชี้นำให้สังคมเชือตาม ดีกว่าท่าที่แบบอีแอบ ทำเป็นว่าเป็นกลาง ยึดมั่นในหลักการ ทั้งที่รุ้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร

แต่ท่าที บุคคลิกแบบพลเอกประยุทธ์นั้น สังคมไทยไม่ชอบ เพราะตรงไปตรงมา แข็งกร้าวเกินไป ยิ่งเป็นผู้นำกองทัพ ซึ่งถูกวาดภาพให้เป็นปีศาจร้าย ศัตรูของประชาธิปไตยแล้ว แค่อ้าปากก็ถูกซัดแล้วว่า เห็นไหม นั่นไงอำนาจพิเศษ นั่นไงมือที่มองเห็น โดยไม่สนใจในเนื้อหาสระ ของสิ่งที่พูดออกมา

พลเอกประยุทธ์ เป็นคนไทยคนหนึ่ง ย่อมมีสิทธิที่จะพูดจา แสดงความคิดเห็นของตนได้ เช่นเดียวกับนักการเมือง นักวิชาการ สื่อมวลชนทั่วๆ ไป และการที่พลเอกประยุทธ์ มีความรับผิดชอบต่อความมั่นคงชาติ และราชับัลลังก์ เมื่อเห็นภัยที่ก่อตัวขึ้น ก็สมควรอย่างยิ่ง ที่จะต้อง ส่งสัญญาณเตือนให้ประชาชนได้รับทราบ

เป็น ผบ.ทบ.แล้ว ชี้นำประชาชน ผิดตรงไหน ถ้าสิ่งที่ชี้นำนั้น คือความถูกต้อง คือการเตือน ให้ตระหนักถึงอันตรายต่อชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์

พลเอกประยุทธ์ และกองทัพ เป็นเป้าที่ถูกคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย บิดเบือน โจมตีมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ พลเอกประยุทธ์ เข้ารับตำแหน่ง ผบ.ทบ. ทหารนั้นอยู่เฉยๆ ปฏิบัติหน้าที่ตามภาระกิจ แต่ก็ถูกคนเสื้อแดงพาดพิงหาเรื่องอยู่ตลอดเวลา

เหตุก็เพราะ พลเอกประยุทธ์ แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนมานานแล้วว่า ศัตรูของประเทศนั้น มีเพียงคนเดียว และเขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายสถาบันพระมหากษัตรย์ กองทัพบกจะต้องปกป้อง สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้ได้

การให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมา ส่งสัญญาญเตือนไปยัง "ขบวนการล้มเจ้า" ว่า กองทัพพร้อมที่จะจัดการกับผู้ที่ล่วงละเมิด จ้องทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ใครที่กำลังทำอยู่ ก็ขอให้หยุดเสีย ใครไม่เชื่อ ก็อย่ามาโอดครวญภายหลัง เพราะถือว่าได้เตือนแล้ว นอกจากจะเป็นคำพูดที่ "ระคายหู" ของคนบางกลุ่มแล้ว ยังทำให้วัวสันหลังหวะบางตัว "เสียววูบ" ขึ้นมาทันที

ความขัดแย้งในประเทศไทยขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่อง สองมาตรฐาน ไม่ใช่เรื่องความไม่เป็นธรรมในสังคม อย่างทีกลุ่มคนเสิ้อแดงกล่าวอ้างกัน แต่เป็นเรื่องของ ความต้องการโค่นล้ม ระบอบการปกครองระบบประชาธิปไตยที่มีสถาบันพระมหากษตริย์เป็นประมุข เพื่อ สถาปนารัฐไทยใหมขึ้นมา

เรื่องนี้ เป็น "ความจริง" ไม่ใช่ "ความเชื่อ" เรื่องนี้เป็นสี่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว และกำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ ไม่ใช่เป็นการผลักคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน ให้ไปอยู่ตรงข้าม หรือมิใช่ เป็นการนำกองทัพมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง