โฆษก ปชป.แถลงข่าวถึง นช.แม้ว เดินสายใช้สื่อเทศเป็นกระบอกเสียง หวังขอคืนทรัพย์สิน 7 หมื่นล้าน ที่ถูกสั่งยึด โวยอย่าทะลึ่งอ้างปรองดอง แถมใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน แขวะทิ้งท้ายหากเลือกไข่แม้ว ปรองดองในความหมายของยิ่งลักษณ์ หนีไม่พ้นนิรโทษกรรมให้พี่แม้วนั่นเอง
วันนี้ (17 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การเดินสายให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งล่าสุด ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ ว่า ขณะนี้จนลงเพราะได้ทรัพย์สินคืนมาเพียง 3 หมื่นกว่าล้านบาท ทั้งหมดนี้มองเห็นได้ว่าในที่สุดความจริง ก็ปรากฏว่า ที่อยู่ในใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ และการเคลื่อนไหวโดยอ้างถึงความปรองดองทั้งหมดนั้น ก็มาสิ้นสุดลงที่ความประสงค์เรื่องการได้เงิน 7 หมื่นล้านกลับมาทั้งหมด การกล่าวอ้างเช่นนี้ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตได้ชัดเจนว่า การกล่าวหาถึงศาลว่าเป็น 2 มาตรฐานว่าเพื่อลดความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม กลับส่งผลทำให้เปิดเผยความจริงจากการยืนยันว่าเงิน 3 หมื่นล้านคืนมาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เพราะข้อเท็จจริงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และญาติพี่น้องหลายคนได้ให้การและยืนยันที่ชั้นศาลมาตลอด โดยอ้างว่าการถือหุ้นของกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการถือหุ้นที่ได้มาจากการซื้อขายจริง ไม่ได้ถือแทนหรือเป็นนอมินี ซึ่งหมายความว่า เมื่อเงินจำนวน 3 หมื่นล้านที่ศาล ให้คืนแก่ผู้ถือหุ้นย่อมต้องตกแก่คนที่อยู่ในครอบครัว ที่พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่าขายหุ้นมาโดยสุจริต แต่ความจริงกลับเปิดเผยว่า ความจริงแล้วก็เป็นนอมินีตามคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกประการ
“แสดงให้เห็นว่า ตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้ยืนยันว่าเป็นหุ้น ที่บุคคลอื่นซื้อขายจริง ก็เป็นคำพูดที่โกหกต่อศาล ซึ่งเรื่องนี้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ก็เข้ามาเกี่ยวข้องที่เป็นพยานต่อศาลในคดีเดียวกัน ที่สำคัญคือ ขณะนี้การกล่าวอ้างถึงการปรองดองในลักษณะต่างๆกันนั้น จะทำให้กระบวนการทวงคืนทรัพย์สิน ที่ได้มาโดยไม่ชอบและศาลวินิจฉัยแล้ว ว่า เป็นการทุจริตคอร์รัปชัน และขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับพรรคเพื่อไทย เคลื่อนไหวในลักษณะที่สังคมสงสัยว่า หากลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ท้ายที่สุดแล้วกระบวนการปรองดอง ก็จะรวมถึงการล้างผิด และคืนเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบ ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งส่วนนี้ต้องทำให้ชัดเจนโดยเร็วว่าความจริงอยู่ตรงไหน ทั้งที่การผลักดันให้บ้านเมืองกลับไปสู่ความสงบ กลับถูกใช้ในลักษณะผูกติดกับผลประโยชน์ของตนเองและครอบครัว