xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ต้องเด็ดขาดปราบโกง รับรองก่อนสอยทีหลังไม่ถูก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชักจะไม่ค่อยดีเสียแล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือสตช. สองหน่วยงานซึ่งต้องร่วมมือกันในการป้องกันและเอาผิดการทุจริตเลือกตั้ง เพื่อทำให้การเลือกตั้งเกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม ทำท่าจะขบเหลี่ยมไม่ลงรอยกันเสียแล้ว

จากกรณีที่ สดศรี สัตยธรรม “ขาวุ่นเจ้าเก่า” ที่ออกมาพูดเชิงตำหนิตำรวจ กับการออกมาปูดข่าวเรื่องพบเงินหมุนเวียนในช่วงเลือกตั้งนับหมื่นล้านบาทว่า ข้อมูลไม่ตรงกับของแบงก์ชาติ แถมชี้ว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศได้จริงๆ

เรื่องนี้สตช.ออกมาให้ข่าวก็เป็นหน้าที่ของตำรวจก็ควรจะรับฟังไว้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม “เจ๊สด” ต้องของขึ้นแสดงความไม่พอใจตำรวจ และเป็นห่วงภาพลักษณ์ประเทศขนาดนี้

ทั้งที่ดูแล้วก็น่าจะเป็นแค่การแจ้งเตือนของฝ่ายตำรวจว่า กำลังตรวจสอบความผิดปกติบางอย่าง ดังนั้นใครที่คิดจะซื้อเสียงหรือทำธุรกรรมอำพรางอะไรเพื่อโยกย้ายเงินออกจากตลาดหุ้นมาซื้อเสียง ให้ระวังตัวไว้ เพราะตำรวจที่มีกลไกตรวจสอบดีกว่าทั้ง กกต.และแบงก์ชาติ กำลังเฝ้าจับตาดูอยู่ ก็น่าจะถือเป็นการร่วมด้วยช่วยกัน ไม่น่าจะทำให้เสียภาพลักษณ์ประเทศตรงไหน

แต่ที่น่าพูดถึงมากกว่า ก็คือการทำงานของกกต. ตอนนี้ที่เหลือเวลาอีกร่วมๆ 16 วัน จะถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง กลับไม่ค่อยพบข่าวว่า กกต.จะงัด “ใบเหลือง-ใบแดง” แจกผู้สมัครพรรคการเมืองพรรคไหน หรือเขตเลือกตั้งไหนเลย

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าสองพื้นที่อีสานใต้ คือ จ.สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ จะเป็นพื้นที่เลือกตั้งนำร่อง แต่ก็ยังไม่มีข่าวอะไรชัดเจน คงมีแต่ว่า กกต.ได้รับรายงานความเคลื่อนไหวการเตรียมทุจริตเลือกตั้ง พื้นที่นั้นบ้าง พื้นที่โน่นบ้าง มีการร้องเรียนว่า พบการกระทำอันเข้าข่ายความผิดกฏหมายเลือกตั้งบ้าง แต่ก็แค่กระแสข่าวที่ดูแล้วยังไร้รูปธรรม จะบอกว่า กกต.ต้องทำงานเป็นความลับ เดี๋ยวคนทำผิดจะรู้ตัวเสียก่อน ขอให้ได้พยานหลักฐานแบบเน้นๆ ดิ้นไม่หลุดก่อนแล้วค่อยชงกกต.กลางเชือด ถ้าเอาเหตุนี้มาอ้าง ก็ว่ากันไปได้ตลอด จนเลือกตั้งจบก็คงไม่มีใครโดนเชือด

อีกทั้งอีกสองสัปดาห์กว่าๆ ดูแล้วการหาเสียงจะดุเดือดก็ช่วงโค้งสุดท้ายคือ สัปดาห์สุดท้ายระหว่าง 24 มิถุนายน ถึง 3 กรกฏกาคม ที่หากจะมีการซื้อเสียงกันจริง ก็น่าจะเริ่มช่วงตั้งแต่ 24 มิถุนายน ก่อนที่จะถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน

จาก 26 มิถุนายน ถึง 3 กรกฏาคม จึงน่าจะเป็นช่วงที่เข้มข้นที่สุด อาวุธทุกดอกที่นักการเมือง-พรรคการเมืองแต่ละพรรคที่ต้องการชัยชนะด้วยลูกเล่นการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จะถูกนำมาใช้หมดเพื่อชัยชนะ

ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ พิสูจน์ว่า กกต.จะกล้างัดหรือจะควัก ใบเหลือง-ใบแดง หรือไม่ ต้องดูในไม่ช้า

ความจริง ถ้ากกต.ในพื้นที่มั่นใจว่า พบพฤติการณ์น่าสงสัยจริง มั่นใจว่ามีการทำผิดจริง ไม่ใช่การกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ หรือ กกต.ในพื้นที่ กกต.ก็ต้องรีบจัดการ ขอเพียงให้กกต.ทำงานในหลักความเป็นธรรมและยึดมั่นในพยานหลักฐาน แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องรีบสร้างผลงาน เห็นคนวิจารณ์กันนักทำไม กกต.ไม่เห็นให้ ใบเหลือง ใบแดง คราวนี้เลยจ้องสอยกันดะ แบบนี้ก็ไม่ถูก

อีกทั้งอย่าไปสนใจในเรื่องที่ว่า บรรยากาศการหาเสียงกำลังเป็นไปด้วยดี ไม่มีอะไรรุนแรง หากไปสอยกันตอนนี้ จะยิ่งทำให้เสียบรรยากาศปรองดอง หรือทำให้การแข่งขันยิ่งดุเดือดมากขึ้น เพราะทั้งหมดหากกกต.ทำงานอย่างกล้าหาญ ตรงไปตรงมา สังคมก็ต้องหนุนหลัง ใครจะมากดดันสร้างม็อบข่มขู่กกต.ประชาชนคงไม่ยอมอีกแล้ว

การพิจารณาของ กกต.ไม่ควรใช้หลักที่ว่า รับรองแล้วสอยทีหลัง เพราะแบบนั้นก็ต้องมาจัดการเลือกตั้งซ่อมกันภายหลัง เสียเงินงบประมาณแผ่นดินไปอีกหลายร้อยล้านบาท

สำหรับตอนนี้ข่าวเรื่องการทุจริตเลือกตั้งเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ แรงกดดันก็ทับไปที่กกต.หนักขึ้น ทำไมไม่เห็นกกต.จัดการอะไรสักอย่าง มัวแต่เชื่องช้าไม่ทันการณ์ แต่กกต.ก็อ้างว่าต้องทำอย่างรอบคอบ ก็ขอให้ติดตามตั้งแต่สัปดาห์หน้าไปจนถึงโค้งสุดท้ายให้ดี จะเห็นการทำงานของกกต.แบบเฉียบขาด ปราบทุจริตเลือกตั้งที่เป็นจุดเริ่มต้นวงจรอุบาทว์การเมืองไทยบ้างหรือไม่

สำหรับกระบวนการทุจริตเลือกตั้ง ยังคงเชื่อได้ว่ารูปแบบการทุจริตเลือกตั้งแม้จะเปลี่ยนไปบ้างแต่วิธีการก็ยังเดิมๆ

อาทิ การซื้อเสียง แต่จะทำให้หลากหลายวิธีมากขึ้น เช่นการซื้อเสียงผ่านหวยใต้ดิน-หวยปิงปอง หรือการพนันในรูปแบบต่างๆ เช่น ไก่ชน จะทำกันก่อนถึงวันเลือกตั้ง 2-3 วัน เพื่อเอาเงินไปลงในพื้นที่ รวมถึงตอนนี้เริ่มพบว่า หลายพื้นที่มีการเก็บสำเนาบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งโดยพวกทีมงานซื้อเสียงได้จ่ายเงินไปแล้วรอบแรก และสัญญาว่าจะจ่ายรอบสองให้ภายหลังเสร็จสิ้นการนับคะแนน และผู้สมัครที่ซื้อเสียงชนะการเลือกตั้ง

หรือการขนคนไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หรือขนคนไปฟังการปราศรัย เพื่อไม่ให้แกนนำพรรคเสียหน้าที่มาช่วยหาเสียงแล้วคนมาฟังน้อย รวมถึงเพื่อให้แกนนำพรรคเวลามาลงพื้นที่เห็นว่าผู้สมัครกระแสดี จะได้ส่งท่อน้ำเลี้ยงเป็นเงินมาให้มากขึ้น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเลือกตั้งและซื้อเสียง

แต่การขนคนไปฟังปราศรัย หรือขนคนไปลงคะแนนเสียงจะมีนายหน้าพวกหัวคะแนนหรือทีมจัดตั้งของนักการเมืองมาอ้างว่า เป็นคนในพื้นที่หรือผู้นำชุมชนมาคอยช่วยอำนวยความสะดวกตามที่ชาวบ้านต้องการ แต่เรื่องขนคนไปลงคะแนน หรือไปฟังปราศรัยส่วนใหญ่กกต.จะไม่ค่อยเอาผิดมากนัก เพราะยากต่อการจะสาวไปให้ได้ว่า มีการทุจริตเลือกตั้ง ทำสำนวนมาแล้วก็อาจถูกยกคำร้องได้

แต่ถ้ามีหลักฐานชัดๆ แบบจ่ายเงินกันหลังงานเลิก หรือหลังลงจากรถ เช็กชื่อกันเสร็จแล้วควักจ่ายกันซึ่งหน้าๆ แบบนี้ก็รอดยาก เช่นเดียวกับกรณีอย่างขนคนไปงานจัดเลี้ยงที่มีให้ด้วยหลังพาไปฟังปราศรัย หรือพาไปลงคะแนนเสียง หรือพาไปดูมหรสพ เข้าโรงหนัง แบบนี้ยังพอเอาผิดได้ง่ายกว่า

นอกจากนี้ก็ยังมีการทุจริตอีกหลายประเภท เช่น ที่หนักๆ แรงๆ ก็อย่าง การทุจริตด้วยวิธีการการเปลี่ยนบัตร หรือหีบบัตรลงคะแนนเสียง, การซื้อกรรมการหน่วยเลือกตั้งให้ทุจริตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง เช่นให้กรรมการรวมคะแนนไม่ตรงกับความจริง หรือกรรมการอ่านตัวเลขไม่ตรงกับเบอร์ที่ประชาชนเลือกตั้ง หรือ แม้แต่ให้กรรมการแอบหย่อนบัตรเอง

สารพัดรูปแบบวิชามารเหล่านี้ รับรองมีให้เห็น แต่จะจับได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ ต้องร่วมกันเป็นหูเป็นตา จะไปหวังพึ่งกกต. อย่างเดียวคงไม่ได้พวกเราทุกคนต้องช่วยกันปราบโกงเลือกตั้ง

ไม่ขายเสียง ไม่เลือกใครก็ “โหวตโน” (ช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน) กันทั้งประเทศ เพื่อกำจัดการเมืองน้ำเน่าให้สิ้นซากไปจากประเทศไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น