รมว.คลัง โวยนโยบายประชานิยม “แม้วคิด เพื่อไทยทำ” ลวงโลก ย้อนถามวงเงิน 2 ล้านล้านต่อปี จะหามาจากที่ไหน ยกหางตัวเองนโยบาย ปชป.ใช้วงเงินในกรอบ กังขา เลขาธิการ ก.ล.ต.ออกโรงฟอกตัว “ยิ่งลักษณ์” เหน็บไม่มีบริบท ยันภาคประชาชนไม่หลงคารม อ้างเป็นองค์อิสระ รบ.ไม่มีอำนาจเด็ดหัว หลังถูกย้อนศร
วันนี้ (14 มิ.ย.) นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ที่ออกประกาศในช่วงหาเสียงอยู่ในขณะนี้ ว่า เป็นนโยบายที่เหลวแหลกทุกด้าน และไม่สามารถเป็นไปได้ตามหลักวิชาการ หรือหลักการเงินการคลังของประเทศ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ในตัวเลขในเชิงวิชาการ ว่า เป็นไปได้ ไม่รวมทั้งกรอบของกฎหมาย
ทั้งนี้ ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 มีการประเมินงบประมาณรายได้ ไว้ 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งใช้เป็นงบประจำ 1.8 ล้านล้านบาท และงบลงทุน 3.8 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีงบขาดดุลประมาณ 3 แสนล้านบาท แต่นโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ออกมา พบว่า จะต้องมีการใช้จ่ายจำนวนมาก คือ โครงการลดภาษีนิติบุคล ที่จะทำให้รัฐขาดรายได้จากการจัดเก็บรายได้ 1.5 แสนล้านบาท โครงการแจกแท็ปเล็ตให้กับเด็กนักเรียน 8.6 ล้านคน เฉลี่ยเครื่องละ 2 หมื่นบาท จะตกเป้นเงิน 1.72 แสนล้านบาท โครงการกองทุนตั้งตัวได้ที่ให้งบประมาณมหาวิทยาลัยทั้งหมด 169 แห่งๆ ละ 1 พันล้านบาท รวมเป็นเงิน 1.69 แสนล้านบาท
โครงการขึ้นเงินเดือนให้ผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาท แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าจะขึ้นให้เฉพาะข้าราชการ และรัฐวิสาหกิจหรือไม่ แต่เท่าที่คำณวนจะต้องใช้เงินถึง 5.57 แสนล้านบาท โครงการรับจำนำข้าวที่มีการตั้งราคารับจำนำไว้ ข้าวขาว 15,000 บาท ข้าวหอมมะลิ 20,000 บาท ซึ่งแพงกว่าราคาท้องตลาดเท่าตัว รัฐจะต้องแบกรับถึง 4.7 แสนล้านบาท โครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งต้องใช้เวลาก่อสร้าง 1 แสนล้านบาท เฉลี่ยสร้าง 4 ปี ตกปีละ 2.5 หมื่นล้านบาท โครงการเขื่อนกั้นทะเลใช้งบก่อสร้างเฉลี่ย 9 แสนล้านบาท ใช้เวลา 5 ปี ตกปีละ 1.8 แสนล้านบาท และหากจะมีกระบวนการล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะต้องมีการคืนเงินจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินเข้าคลังไปแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนนำเงินจำนวนนี้ออกมา
“นี่ยังไม่รวมกับโครงการอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นโครงการเครดิตเกษตรกร คืนภาษีรถคันแรก พักหนี้ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อราย ที่ยังจะต้องใช้เงินอีกจำนวนมหาศาล จึงจะเห็นว่า พรรคการเมืองที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลตลอด 2 ปี ได้ขัดขวางคัดค้านโครงการของรัฐบาล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นพรรคเพื่อไทย กลับมีโครงการต่างๆ ออกมาที่จะต้องมีการกู้เงินชดเชยประมาณ 2 ล้านล้านบาทต่อปี จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ไม่มีเจตนาที่จะทำตามสิ่งที่พูดด้วยซ้ำไป เพราะกรอบการกู้เงินตาม พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ จะสามารถกู้ได้เพียงปีละ 4.86 แสนล้านบาทเท่านั้น ทั้งหมดเป็นเรื่องเหลวแหลก ซึ่งผมยินดีที่จะพบกับตัวแทนพรรคเพื่อไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในนโยบายด้านเศรษฐกิจทุกเวที”
ส่วนในนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่รณรงค์หาเสียงอยู่ขณะนี้ ตนยืนยันว่า เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เพราะมีตัวเลขงบประมาณที่ชัดเจน อาทิ โครงการประกันรายได้เกษตรกร 3 หมื่นล้านบาท โครงการก่อสร้าง ฮาร์เบอร์ ซิตี้ 5 พันล้านบาท ขยายวงเงินกู้ยืม ในโครงการกยศ.1.5 หมื่นล้านบาท พลิกโฮมเมืองท่องเที่ยว 4.7 พันล้านบาท โดยรวมงบประมาณที่ใช้แต่ละโครงการยังอยู่ในกรอบวงเงินการกู้ยืมทั้งสิ้น
นายกรณ์ กล่าวถึงกรณีนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต) ออกแถลงการณ์ ยืนยันว่า ให้การของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อศาลในคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ผิดตามกฎหมาย ก.ล.ต.ว่า ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตว่า การออกมาพูดของ นายธีระชัยไม่มีบริบท และไม่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาที่ภาคประชาชนกล่าวหากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการให้การเท็จต่อศาลแต่อย่างไร และเป็นเรื่องที่มีข้อสรุปออกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ถ้าเห็นว่า เป็นเรื่องสำคัญก็ควรแถลงออกมาตั้งแต่ปีที่แล้วก็ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกแถลงการณ์ในช่วงนี้ เพื่อต้องการแก้ปัญหาให้กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในการก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่
นายกรณ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า มีเจตนาอะไร แต่คงไม่ใช่เพราะสิ่งที่แถลงการณ์ออกมาไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับข้อกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ แต่ก็อาจจะทำให้คนเข้าใจผิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มีความผิด
ต่อข้อถามว่า มีการมองว่า พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจพลาดไปหรือไม่ ที่มีการโยกย้ายนายธีระชัย ซึ่งเป็นกลุ่มอำนาจออกไป นายกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจทางกฎหมายที่จะไปโยกย้าย ซึ่งตนเคารพอำนาจและบทบาทหน้าที่ขององค์กรอิสระ และ ก.ล.ต.ก็เหมือนแบงก์ชาติ มีกฎหมายเฉพาะ และการที่จะเข้าไปแทรกแซงโยกย้าย เพียงเพราะบุคคลนั้นอาจจะมีความเชื่อ อุดมการณ์ที่แตกต่างกันคงไม่ได้ และไม่คิดจะทำเพียงแค่อุดมการณ์แตกต่าง ขอให้ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต และปฏบัติตามภาระที่ได้รับมอบหมายตามกรอบกฎหมายที่ครอบคลุมองค์กรของตนเท่านั้น และ นายธีระชัย ก็จะหมดวาระในสิ้นเดือนกันยายนนี้อยู่แล้ว และ รัฐบาลได้ปูพรมไว้แล้ว โดยแต่งตั้งประธาน ก.ล.ต.เสร็จแล้วจะมีผลวันที่ 14 ก.ค.โดยเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาตลอด
เมื่อถามว่า แสดงว่า นายธีระชัย กำลังรักษาอำนาจตัวเองเพื่อให้มีการต่ออายุหากเปลี่ยนรัฐบาล นายกรณ์ กล่าวว่า คนคิดว่าตามกฎหมายแล้วต่ออายุไม่ได้ แต่ยังมีตำแหน่งอื่นๆ เช่น ตำแหน่ง รมว.คลัง ก็มี