“ปลอดประสพ” ฉะรบ.แก้ปัญหาเรือบรรทุกน้ำตาลล่มไม่เป็น ในงานเสวนาโจทก์ใหญ่สิ่งแวดล้อมที่พรรคการเมืองหมางเมิน “คุณหญิงกัลยา” ชี้ รบ.ต้องทำงานจากใจไม่ใช่หน้าที่ ระบุควรนำนักวิทยาศาสตร์มาช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่วิกฤตหนักขึ้นทุกวัน และต้องเตรียมพร้อมเสมอ
วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมอิศรา อมันตกุล สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม จัดเสวนา “โจทก์ใหญ่สิ่งแวดล้อมที่พรรคการเมืองหมางเมิน” มีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมการเสวนา เช่น นายสรยุทธ เพชรตระกูล จากพรรคภูมิใจไทย คุหญิงกัลยา โสภณพนิช จากพรรคประชาธิปัตย์ และนายปลอดประสพ สุรัสวดี จากพรรคเพื่อไทย โดยร่วมเสวนาในหัวข้อ “การจัดการปัญหาภัยพิบัติจากธรรมชาติของไทย” และ “การพัฒนาจะพาสิ่งแวดล้อมไทยไปทางไหน”
คุณหญิงกัลยากล่าวว่า ได้ไปดูงานที่อังกฤษและได้รับแจ้งว่ามี 4 แม่น้ำที่จะวิกฤต คือ แม่น้ำโขง แม่น้ำคงคา แม่น้ำไนล์ และแม่น้ำมิสซิสซิปปี ซึ่งจะทำให้คนนับล้านๆ ต้องอพยพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องมีการเตรียมพร้อมเสมอ โดยเราควรเอานักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์มาแก้ปัญหา อย่างกรณีเรือน้ำตาล นักการเมืองไม่จำเป็นต้องทราบทุกเรื่อง แต่สนับสนุนในการแก้ไขปัญหา ที่สำคัญคือรัฐบาลต้องมีนโยบายที่มีคนทำงานจากใจไม่ใช่ทำเพราะหน้าที่ เพราะเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเมือง
ด้าน นายปลอดประสพกล่าวว่า กรณีที่เรือบรรทุกน้ำตาลล่มทำให้เห็นภาพที่นักการเมืองและราชการที่ไม่ได้เรื่อง เพราะนาทีแรกที่เรือล่มควรเร่งระบายน้ำเขื่อนชัยนาท ไม่ใช่ปิดเขื่อน เพื่อให้น้ำตาลเจือจาง และควรดูดน้ำออกจากเรือไปไว้บนบกทันที ทั้งเมื่อเรือเริ่มจมขวางควรรีบให้กองทัพเรือรีบเคลื่อนย้ายแทนที่จะให้กรมขนส่งทางน้ำดำเนินการ กรณีนี้สามารถพยากรณ์ได้เลยว่าคงกู้ไม่ได้แน่ ซึ่งหากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลจะเอาจริงเอาจังเรื่องนี้ และหากใครทำงานไม่จริงจังก็ต้องลงโทษทันที
นอกจากนี้ นายปลอดประสพยังกล่าวอีกว่า จากข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับมาในระหว่างการทำหน้าที่ ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแผ่งชาติ เชื่อว่าจะมีสึนามิเกิดขึ้นแน่ ดังนั้นจะต้องมีการย้ายศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติกลับมาสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และให้กรมอุตุนิยมวิทยากลับมาสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งจัดระดับการเตือนภัยใหม่ เพื่อให้เกิดความกระชับและให้อำนาจในการสั่งอพยพประชาชนกับคนที่รับผิดชอบ รวมทั้งสร้างระบบการให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนเป็นขั้นเป็นตอน
ขณะที่ นายสุรยุทธกล่าวว่า รัฐบาลจะต้องจัดเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ทั้งในเรื่องของอุปกรณ์ เครื่องมือ พลังงานสำรอง การสื่อสาร ให้พร้อมตลอดเวลา และเมื่อเกิดปัญหาแล้วก็ต้องมีการให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันที
