xs
xsm
sm
md
lg

กกต.กทม.เชิญผู้สมัคร ส.ส.33 เขต เลือกตั้งยึดพันธสัญญา 5 ข้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กกต.กทม.เชิญผู้สมัคร ส.ส.33 เขต เลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ยึดพันธสัญญา 5 ข้อ “วิสุทธิ์” แนะทุกพรรคหาเสียงสร้างสรรค์ ไม่ด่าทอกัน ส่วนป้าย “โหวตโน” ของกลุ่มพันธมิตรฯ ถ้าเป็นป้ายหาเสียงไม่ผิด แต่ถ้าไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ตามกฎหมายรักษาความสะอาด ต้องอนุญาตก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก เจ.เจ.มอลล์ เขตจตุจักร วันนี้ (6 มิ.ย.) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) จัดโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ผู้รับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 33 เขต “รู้รักสามัคคี มีน้ำใจ ไม่สำคัญผิดในข้อเท็จจริง และ ข้อกฎหมาย” โดยมีนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. พล.ต.ต.สุเทพ รมยานนท์ ประธาน กกต.กทม. พร้อมผู้สมัคร ส.ส.33 เขตมาร่วมงาน

นายวิสุทธิ์กล่าวเปิดงานว่า โครงการนี้สำคัญโดยนำแนวคิดสมานฉันท์ใช้เลือกตั้งนอกจากให้ความรู้เข้าใจกฎหมายเพื่อเกิดสุจริตโปร่งใส เพื่อลดปริมาณร้องเรียนและร้องคัดค้านโดยไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งจะสุจริตและเที่ยงธรรมเป็นที่ยอมรับทุกฝ่ายหรือไม่ ไม่เฉพาะเรื่องร้องเรียนลดลง แต่ผู้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ทั้งผู้สมัครพรรคการเมือง ผู้สนับสนุน ผู้จัดการเลือกตั้งรวมทั้งผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ต้องตระหนักและเคารพกฎหมาย ระเบียบและประกาศเป็นกฎกติการ่วมกัน

“เมื่อเราคาดหวังว่าประเทศไทยเป็นนิติรัฐ เป็นกลาง เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติทุกคนมีหน้าที่เคารพกฎหมายเท่าเทียมกัน การที่ท่านได้ร่วมโครงการสมานฉันท์เปรียบเป็นสัญญาประชาคมที่ท่านทั้งหลายได้มาพบกันต่อหน้าประชาชนในประเทศนี้ แผ่นดินนี้ เพราะการพบการของท่านไม่ใช่เป็นที่รู้จักในห้องนี้ ทั้งนี้การสร้างสมานฉันเลือกตั้งจะเป็นแบบอย่างให้แก่เด็กเยาวชนที่กำลังมีเลียนแบบจากผู้ใหญ่หลากหลาย ถ้าเราตั้งใจจริงทำให้การเมืองปกครองโปร่งใสสุจริตเที่ยงธรรม แข่งขันตรงไปตรงมา ละเว้นเอารัดเอาเปรียบด่าทอกัน ย่อมเป็นแบบอย่างให้แซ่ซ้องสรรเสริญจากคนทั่วไปและเยาวชนที่จะเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ดังนั้นการสรางความสมานฉันท์ปรองดองสัมฤทธิ์ได้ต้องอาศัยความร่วมมือของท่าน”

จากนั้น พล.ต.ต.สุเทพได้นำผู้สมัครรับเลือกตั้งลุกขึ้นกล่าวคำปฏิญาณต่อเบื่องพระบรมสาทิสลักษณ์ โดยขอให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งให้พันธสัญญา คือ จะไม่ทำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง จะปฏิบัติบทบัญญัติกฎหมายระเบียบ ประกาศอันเกี่ยวกับการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด จะไม่ใช้กลไกของรัฐ หรือทรัพยากรของรัฐ มาเป็นประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง จะหาเสียงเลือกตั้งโดยสันติวิธี ไม่ข่มขู่คุกคามผู้แข่งขันด้วยวิธีการใดๆและไม่ใช้วิธีการรุนแรงในการหาเสียงเลือกตั้ง และจะยอมรับผลการเลือกตั้ง ตามที่ประชาชนได้แสดงเจตนารมณ์ในการเลือกตั้งอย่างจริงใจ

นายวิสุทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า อยากให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการเมืองหาเสียงแบบสร้างสรรค์ เสนอนโยบายของตัวเองให้ประชาชนเห็นว่าตัวเองควรจะได้รับเลือกตั้งอย่างไร ไม่ควรด่าทอกัน จะแพ้ชนะก็อยู่ในประเทศเดียวกัน ดังนั้น สมานฉันท์อยู่ที่มีความแตกต่างทางความคิดและมีเอกภาพ มีความสามัคคี แข่งกันแบบนักกีฬายอมรับกติกา ดังนั้นปัญหาจะน้อยลงการทุจริตก็จะไม่เกิด

ส่วนการจัดเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์จะทำให้ลดกระแสตอบโต้ของ 2 พรรคใหญ่หรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า การตอบโต้ก็มีหลายประเภท ตอบโต้ด้วยความรักและพูดกันด้วยดีก็ได้โดยวิจารณ์กันธรรมดาไม่เป็นไร แต่ด่าทอไม่ใช่วิถีประชาธิปไตย ดังนั้นถ้าเรารักประชาธิปไตยอย่าด่ากัน พูดด้วยความรักกันได้ จึงขอให้สมานฉันท์ปรองดองกัน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ วางตัวไม่เป็นกลางให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จูงใจให้มีการเลือกพรรคการเมือง นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ถ้าเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องเป็นกลางทางการเมือง แต่ละคนจะมีสิทธิเข้าคูหาจะกาใครก็เป็นเรื่องของตนเอง แต่เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจะไปหาเสียงให้ใครคงไม่ได้ แต่ข่าวที่ว่ามีมาตลอด แต่ก็เข้าใจว่าข้าราชการจะตระหนักกับบทบาทเพราะถ้าเจ้าหน้าที่รัฐ ทำอะไรผิดโทษก็จะหนัก ซึ่งตนไม่อยากให้ใครมีโทษ

“ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐตรงไปตรงมาก็สบายใจ เราชอบใครก็เรื่องของเรา แต่เจ้าหน้าที่รัฐไปออกนอกหน้าเชียร์คนนั้นเชียร์คนนี้อาจผิดวินัยและอาญา อยากจะฝากไว้ด้วยในอดีตท่านจะเป็นอย่างไรก็ในอดีตแก้ไม่ได้ แต่ปัจจุบันและอนาคตท่านต้องคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้อยากให้ทุกคนทุกฝ่ายปลอดภัยจากข้อกล่าวหาทั้งหลาย” นายวิสุทธิ์กล่าว และว่าในเรื่องดังกล่าว กกต.ยังไม่ได้ประชุม ซึ่งตนในฐานะที่เป็น กกต.คนหนึ่ง ถ้าคนเข้าใจก็ไม่อยากห่วงอะไร เพราะคนเราก็โตกันแล้ว

นายวิสุทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้ กกต.ปลดป้ายโหวตโนว่า เรื่องนี้ต้องวินิจฉัยว่าป้ายดังกล่าวเป็นป้ายหาเสียงหรือไม่ เพราะยังมีกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้อง ถ้าเป็นป้ายหาเสียงก็ต้องเข้าเกณฑ์ ถ้าไม่ใช่ป้ายหาเสียงก็เป็นเรื่องของเจ้าของพื้นที่ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดซึ่งต้องขออนุญาตก่อน เบื้องต้น กกต.ยังไม่มีได้มีการวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว เพราะยังไม่มีการร้องเข้ามา มีเพียงการพูดขึ้นมาเฉยๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น