xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” แย้มอาจบุก กห. หลังยื่นหนังสือเรียกร้องให้ทวงคืนแผ่นดินแต่กลับเงียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” หนุนภาคเอกชนรวมตัวต้านคอร์รัปชัน ชี้หากปล่อยไว้ไม่ทำอะไรประเทศไปไม่รอดแน่  เผยกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ยื่นหนังสือถึง ผบ.ทุกเหล่าทัพ เรียกร้องให้ปกป้องอธิปไตยไทย แต่พอเรื่องถึงฝ่ายนโนบาย “ประวิตร” กลับสั่งให้เก็บเรื่องไว้ไม่ต้องสนใจ แย้มสักวันหนึ่งน่าจะไปเยี่ยมกระทรวงกลาโหม เพื่อทวงถามคำตอบว่าจะทำตามฝ่ายการเมืองหรือจะทำหน้าที่

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”  

วันนี้ (2 มิ.ย.) นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวถึงงานสัมมนา “ต่อต้านคอร์รัปชันจุดเปลี่ยนประเทศไทย” ที่จัดขึ้นโดยภาคีเครือข่ายการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน 23 องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชนว่า ถือว่าเป็นงานสำคัญที่เป็นการตื่นตัวของภาคเอกชนที่จะรณรงค์ต่อต้านการคอร์รัปชัน เนื่องจากเห็นว่าหากปล่อยให้ภาครัฐมีการทุจริตคอร์รัปชั่นแบบนี้ต่อไปประเทศไปไม่รอดแน่  

โดยในงานนี้ได้เชิญนายกฯ ไปเป็นประธานเปิดงาน นายอภิสิทธิ์พูดว่าทุกภาคส่วนในสังคมต้องตระหนักถึงการสูญเสียจากต่อการคอร์รัปชัน คุณต่างหากที่มีหน้าที่โดยตรง ใช้คำว่าทุกภาคส่วนมันเป็นนามธรรม แต่หัวจักรสำคัญควรเป็นหน้าที่ของนายกฯ ใช่หรือไม่

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า นักต่อต้านคอร์รัปชันก็เอาไปขังที่คุกเพรซอว์แล้วไง นายทหารของไทยบางคนอย่าให้เอ่ยชื่อ มีคนโทร.ไปต่อว่าทำไมไม่ช่วยนายวีระ สมความคิด นายทหารที่มีหน้าที่ตัดสินใจในประเทศบอกว่า ไอ้วีระมันแส่  ไปกัมพูชาหลายครั้งแล้ว ติดคุกเสียก็ดี อย่าให้เอ่ยชื่อเลย ตนแค้น และจะคอยดูหายนะของทหารคนนี้  

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า คนที่จะอาสามาเป็นนายกฯวันนี้ควรมาแก้ปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศ คือเรื่องทุจริต และเรื่องเสียแผ่นดิน แต่กลับหาเสียงว่าใครจะแจกเงินให้ประชาชนเก่งกว่ากัน ไม่มีพรรคไหนเลยสัญญญาว่าจะแก้ปัญหาทุจริตให้ลดลง แสดงว่ามันเตรียมการเข้าไปโกงเต็มที่ และไม่มีพรรคไหนที่บอกว่าเป็นนายกฯแล้วจะเอาแผ่นดินไทยคืน

เวลานี้มันต้องเอาคืนไม่ใช่ไปขึ้นศาลโลกกับเขา ต้องทวงปราสาทพระวิหารคืนและไม่ให้ประเทศไหนมายุ่งเกี่ยวกับอธิปไตยของไทยแม้แต่น้อย นายฮุนเซน เวลาหาเสียงเลือกตั้งบอกว่าจะเอา 4.6 ตร.กม.ไปเป็นของเขมร มีแต่ไปหน่อมแน้มประเทศไทยนี่แหละไม่กล้าประกาศว่าเป็นดินแดนไทย และนี่เป็นเกมของมหาอำนาจ ถ้ามหาอำนาจไม่หนุนหลัง เขมรไม่กล้าเอาเรื่องขึ้นศาลโลกแน่นอน ถ้าเราจะเอาชาติรอดต้องอย่าไปเต้นตามมหาอำนาจ มีอย่างที่ไหนผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา กล่าวหาว่าไทยรุกรานกัมพูชา เสือกอะไรกับไทย ทั้งๆที่ไทยเป็นมหามิตรแต่วันนี้เข้าข้างกัมพูชา เพราะได้ทำสัญญาค้าขายกับกัมพูชา แบ่งผลประโยชน์พลังงานกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นถึงไม่แคร์ประเทศไทย

“เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยได้ทำหนังสือไปยังผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ ขอให้ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ พี่น้องรู้ไหมเศร้าใจ ผู้บัญชาการเหล่านี้ คงได้นำเรื่องไปรายงานฝ่ายนโยบาย และฝ่ายนโยบายรับทราบแล้ว ฝ่ายนโยบายจะมีใครล่ะ ก็แป๊ะขายหมู เขาบอกว่าเก็บเรื่องไว้ แล้วไม่ต้องสนใจ นี่คือฝ่ายนโยบายที่กำกับดูแลหรือจะให้แนวทางกองทัพและฝ่ายความมั่นคง ถ้าเรามีรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านความมั่นคงของประเทศมีแนวคิดอย่างนี้ ตนว่าวันหนึ่งน่าจะไปเยี่ยมกระทรวงกลาโหมสักวัน” นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ต้องหารือกับคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ว่ายื่นหนังสือไปยังผู้บัญชาการเหล่าทัพแล้วเรียกร้องให้ปกป้องอธิปไตย แต่นี่ก็ล่วงเลยมาประมาณ 10 วันแล้ว เราจะไปทวงถามว่าจะปฏิบัติอย่างไร จะฟังฝ่ายนโยบาย หรือจะทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย และเปิดปราศรัยหน้ากองบัญชาการเลย ว่าจะทำอย่างไร ว่าไม่อายประชาชนที่ออกมาปกป้องแผ่นดินหรือ ถ้าไม่กล้าก็ลาออกไปเสีย มันน่าละอาย ฟังแล้วเศร้าใจ อย่าคิดว่าตนไม่รู้แต่ละคนพึ่งไม่ได้ แต่แน่นอนทหารต้องการปกป้องอธิปไตยของประเทศ แต่หัวแถวที่งมงายอยู่กับฝ่ายการเมือง  

หน้าที่ตัวเองไม่ทำ ต้องให้ประชาชนมาบอก และเรื่องสำคัญทั้ง 2 เรื่อง คือการทุจริต และปกป้องแผ่นดิน ไม่มีพรรคไหนพูดเลย ภาคเอกชนที่รวมตัวกัน ตนขอให้กำลังใจและอยากให้เอาจริงเอาจัง เพราะถ้าปล่อยไปประเทศไปไม่รอดแน่

นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า คนที่จะอาสามาเป็นนายกฯวันนี้ควรมาแก้ปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศ คือเรื่องทุจริต และเรื่องเสียแผ่นดิน แต่กลับหาเสียงว่าใครจะแจกเงินให้ประชาชนเก่งกว่ากัน ไม่มีพรรคไหนเลยสัญญญาว่าจะแก้ปัญหาทุจริตให้ลดลง แสดงว่ามันเตรียมการเข้าไปโกงเต็มที่ และไม่มีพรรคไหนที่บอกว่าเป็นนายกฯแล้วจะเอาแผ่นดินไทยคืน เวลานี้มันต้องเอาคืนไม่ใช่ไปขึ้นศาลโลกกับเขา ต้องทวงปราสาทพระวิหารคืนและไม่ให้ประเทศไหนมายุ่งเกี่ยวกับอธิปไตยของไทยแม้แต่น้อย นายฮุนเซน เวลาหาเสียงเลือกตั้งบอกว่าจะเอา 4.6 ตร.กม.ไปเป็นของเขมร มีแต่ไปหน่อมแน้มประเทศไทยนี่แหละไม่กล้าประกาศว่าเป็นดินแดนไทย

คำต่อคำ

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องทางบ้าน และพี่น้องชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศทุกท่าน พี่น้องครับสังเกตเห็นอะไรผิดปกติไหมครับ โอเคแสดงว่าเราเจอกันทุกวัน วันนี้ทรงผมเปลี่ยนไปแล้ว เตรียมตัวจะเป็นใหญ่ ยึดโพเดียมสำเร็จแล้วต้องยึดอย่างอื่นของนายกฯ อภิสิทธิ์ด้วย

พี่น้องที่เคารพรักครับ สักครู่ท่านก็คงได้พบและต้อนรับกับคุณสนธิ เรียกว่ากลับสู่แผ่นดินเกิดหลังจากเดินทางไปต่างประเทศ และเป็นจริงอย่างที่ผมเคยพูดคุยกับพ่อแม่พี่น้องไม่มีผิด ก็คือว่า พี่น้องชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศ มีความห่วงใยต่อประเทศชาติบ้านเมืองสูงยิ่ง ผมมีโอกาสเดินทางไปสหรัฐอเมริกาหลายครั้ง ได้พบพี่น้องชาวไทยในหลายมลรัฐ ยืนยันได้ว่า ความรัก ความผูกพันต่อแผ่นดินเกิด ความห่วงใยต่อประเทศชาติบ้านเมืองของคนที่นู้นสูงยิ่ง และการติดตามข้อมูลข่าวสารมีความละเอียด ลึกซึ้ง และต่อเนื่องไม่เว้นแม้แต่วันเดียว ต้องปรบมือให้กำลังใจพี่น้องคนไทยที่อยู่ต่างประเทศด้วย เวลาที่เดินทางไปต่างประเทศพบกับพ่อแม่พี่น้องชาวไทยเรานี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองไทยบางเรื่อง พวกเรายังไม่รู้เลยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง ใครไปทำอะไรไว้ที่ไหนบ้าง ใครพูดจาอะไรที่ไม่เป็นผลดีต่อชาติบ้านเมืองบ้าง คนไทยที่นู้นจะรู้ข่าว เพราะเขามีเวลาให้ความสำคัญและความสนใจต่อเหตุการณ์ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก

ดัชนีชี้วัดอีกอันหนึ่งคือ อันนี้กราบเรียนไปถึงพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทยคนอื่นๆ และพี่น้องชาวไทยที่อยู่ในชนบท หรือต่างจังหวัดห่างไกลด้วยว่า คำถามคือ ทำไมคนที่มีความรู้ คนที่มีการศึกษา คนที่มีวิจารณญาณในการคิด ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเรื่องราวต่างๆ ที่เจริญทั่วโลกแล้ว เขาจึงไม่ยึดติดกับรูปหล่อที่ทำงานไม่เป็น อันนี้พี่น้องต้องคิด นั่นก็คือ ถ้าเป็นประเทศของประชาชน พลเมืองที่มีคุณภาพ ประชาชนที่มีปัญญา ประชาชนที่มีภูมิความรู้ เขาจะวัดคน หรือวัดผู้นำประเทศจากความรู้ ความสามารถ และประสิทธิภาพในการทำงานที่เป็นจริง มากกว่าดูที่รูปสมบัติ นามสมบัติ เขาไม่สนใจหรอก คุณจะมาจากตระกูลไหนเขาไม่สนใจ มิเช่นนั้นแล้ว คนอย่างโอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ก็เป็นลูกคนผิวดำที่อพยพมาจากเคนยา มาศึกษาอยู่ ทุกคนในแผ่นดินนั้นไม่จำเป็นต้องมาจากชาติตระกูลหม่อมราชวงศ์ เขาก็สามารถขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศได้ด้วยความรู้ความสามารถ และพิสูจน์ว่าคุณจะทำงานได้หรือไม่ได้ อยู่ที่การบริหารประเทศชาติเป็นสำคัญ ไม่ใช่แหลไปวันๆ

เมื่อเป็นดั่งนี้ พี่น้องชาวไทย พ่อค้าแม่ขาย ข้าราชการ ประชาชน ทหาร ตำรวจ คนไทยทุกคน ควรจะต้องมีหลักเกณฑ์ในการวัดประสิทธิภาพการทำงานของนายอภิสิทธิ์อย่างตรงไปตรงมา อย่างมงาย อย่าเอารูปสมบัติ นามสมบัติมาเป็นภาพบังตา แล้วไม่เห็นความด้อยประสิทธิภาพ ความไร้ประสิทธิภาพของนายอภิสิทธิ์จนลืมชาติบ้านเมือง นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องเตือนตัวเองตลอดเวลา และเมื่อไหร่ที่ประชาชนไทย คนไทยคิดได้ดั่งนี้ ประเทศเจริญครับ นักการเมือง อย่างที่เราบอกว่า อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา ไม่มีวันจะชูคอ ลอยคอเดินอยู่ในสังคมไทยได้ ถ้าประชาชนไทยมีคุณภาพแบบนั้น

อันนี้เป็นสิ่งที่ผมได้รับ และคิดทุกครั้งที่ไปพบพี่น้องชาวไทยในต่างประเทศว่า เมื่อไหร่พี่น้องประชาชนไทยเราจะเลิกงมงายกับพระเอกละครน้ำเน่าคนนี้เสียที มันเป็นเรื่องมายา มันเป็นสิ่งที่กินไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่ประเทศเอาประโยชน์ไม่ได้ วันนี้จะไม่พูดมากเท่าไหร่ เดี๋ยว 2 พ่อลูกเค้ามีอะไรดีๆ สนุกๆ มาคุยกับพี่น้องประชาชน คงจะใช้เวลาพูดคุยกับพี่น้องในเรื่องสำคัญๆ สัก 1-2 เรื่อง

เรื่องแรกที่ผมอยากจะพูดคุยกับพ่อแม่พี่น้องก็คือ เรื่องที่คุณเก๋กับคุณแอนเกริ่นไปแล้ว เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะพูดกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ก็คือ เมื่อวานนี้ 23 องค์กรร่วมกันจัดงาน ชื่องานต่อต้านคอร์รัปชั่น จุดเปลี่ยนประเทศไทย จัดโดยภาคีเครือข่ายป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น 23 องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีมหาวิทยาลัยหอการค้า เป็นแม่งาน ประธานหอการค้า และสภาหอการค้า คือ คุณดุสิต นนทะนาคร เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร สมาคมเอกชนต่างๆ อีกมากมาย จัดงานขึ้น งานนี้ผมถือว่าเป็นงานสำคัญที่เป็นการตื่นตัวของภาคเอกชน ที่จะร่วมกันรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะทุกคนเห็นว่า ถ้าไม่แก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทย ประเทศไทยเดินหน้าไปไม่ได้ เพราะจากงานสำรวจวิจัย ยืนยันแล้วว่า ปีหนึ่งๆ ประเทศไทยสูญเสียเงินไปกับการโกง การทุจริตคอร์รัปชั่น ในวงการราชการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเอกชน อันนี้เฉพาะธุรกิจเอกชนเกี่ยวข้องกับราชการ เรื่องสัมปทานก่อสร้าง เรื่องประมูลงาน เรื่องจะขออนุญาตโครงการต่างๆ เงินเหล่านี้ต้องสูญเสียไปโดยการทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่น้อยกว่า 2-3 แสนล้านต่อปี พี่น้องลองนึกดูว่า งบประมาณของประเทศไทยไม่มีมาก ปีหนึ่งมีเพียง 1.1 ล้าน 1.2 ล้าน 1.3 ล้าน รู้สึกว่าจะมากที่สุดก็ปีต่อไป คือ 2 ล้านล้าน แต่ที่ผ่านมา เรามีไม่เกินล้านล้านบาท แล้วถ้าคอร์รัปชั่นประมาณ 30% คือ 3 แสนล้านบาท แล้วพี่น้องลองนึกดูว่า ประเทศจะเสียหายขนาดไหน นอกจากนี้ยังไม่นับเงินที่เอางบประมาณไปใช้จ่ายแบบสุรุ่ยสุร่าย ไปแจกในโครงการนู้นโครงการนี้ เพื่อหาเสียงให้กับพรรคการเมือง แล้วเงินงบประมาณถูกใช้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์ ส่วนเหลือแจกก็เอามาโกงแบ่งกันกินในนามพรรคการเมืองและนักการเมืองที่มีอำนาจตัดสินโครงการต่างๆ จะเรียกผลประโยชน์จากบริษัทเอกชน มาถึงวันนี้ บริษัทเอกชนเขาทนไม่ไหวแล้ว เพราะว่าเป็นอย่างนี้ยิ่งหนักขึ้นทุกวัน และเมื่อก่อนโกงแค่ 5% 10% 20% มาวันนี้ 30-50% นี่คือเรื่องใหญ่ของบ้านเมือง

พี่น้องดูนะครับ เขาเชิญนายกรัฐมนตรีไปเป็นประธานเปิดการสัมมนา แล้วพี่น้องฟังนายกรัฐมนตรีพูดว่า ทุกภาคส่วนในสังคมต้องตระหนักถึงความสูญเสียจากการทุจริตคอร์รัปชั่น ทุกภาคส่วนทำไมไม่รวมแกด้วย ความจริงแล้ว คุณต่างหากที่มีหน้าที่โดยตรง ทุกภาคส่วนมันใคร มันนามธรรม เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนช่วย แน่นอนทุกภาคส่วนช่วยอยู่แล้ว แต่หัวจักรสำคัญที่จะกวาดล้างการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะมันเกิดในวงการราชการ อำนาจรัฐ มันควรจะเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ใช่ไหมครับ แต่เวลาพูด ทุกภาคส่วนในสังคมต้องตระหนักถึงความสูญเสียของการทุจริตคอร์รัปชั่น ตระหนักแล้วอย่างไรนายแหล พวกเราตระหนักที่สุดอยู่แล้ว ตระหนักแล้วคุณทำอะไร พอเขาเอาข้อมูลไปให้ ดีไม่ดีคนที่เอาข้อมูลไปให้อาจจะโดนเก็บด้วยซ้ำไป แล้วนักต่อต้านคอร์รัปชั่น คุณก็เอาตัวไปขังไว้ที่คุกเพรย์ซอว์แล้ว เป็นที่รังเกียจของพวกคุณถึงเอาเขาไปขังไว้ แล้วนายทหารไทยบางคน อย่าให้ผมเอ่ยชื่อ พูดว่าอย่างไรครับ มีคนไทยโทรศัพท์ไปต่อว่า ทำไมไม่ช่วยคุณวีระ ราตรี นายทหารที่มีอำนาจตัดสินใจในประเทศไทย บอกว่า อ๋อไอ้วีระหรอ มันแส่ มันเข้าไปหา ไปกัมพูชาหลายครั้งแล้ว ติดคุกที่กัมพูชาเสียก็ดี นี่ทหารไทยครับ อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลย ผมรู้แล้วผมก็แค้นอยู่ว่า ผมจะดูหายนะของนายทหารคนนี้

นายอภิสิทธิ์บอกว่า ทุกฝ่ายต้องตระหนัก เพราะผลที่เกิดไม่ได้เสียหายเฉพาะด้านเศรษฐกิจ แต่ยังมีผลต่อสังคม ไม่รู้หรอทุจริตเสียหายต่อสังคม เสียหายแล้วหน้าที่ใครต้องแก้ แล้วคุณทำอะไรบ้างในรอบที่คุณเป็นนายกฯ เดี๋ยวตอนท้ายผมจะมีเพลงให้ฟังว่าเขาพูดถึงคุณว่าอย่างไร และเป็นคนที่ไม่ใช่พวกเรา แต่เขาร้องน่าสนใจ แทนที่จะพูดเรื่องปัญหาคอร์รัปชั่น แล้วตัวเองจะแก้ไขอย่างไร และที่ผ่านมาคุณแก้ไขอย่างไร และที่มาหาเสียงเลือกตั้งอยากกลับมาเป็นนายกฯ อีก จะสัญญากับพี่น้อง 23 องค์กร ว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ไม่มีเลยครับ นายอภิสิทธิ์ไม่มีคำสัญญาใดๆ กับประชาชนที่จะทำเรื่องนี้เลย พอพูดเรื่องนี้ได้หน่อยนึง หันไปพูดเรื่องยาเสพติด ที่เห็นได้ชัดคือ ปัญหายาเสพติดที่ยังขยายวงกว้าง หรือแม้แต่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน ไปนู้นเลยครับ ที่เกิดจากการทุจริตคอร์รัปชั่นตั้งแต่ระดับชาติจนถึงท้องถิ่น จนนำมาสู่วิกฤตทางการเมือง รู้ดีแล้วลื้อทำอะไร เรื่องแหลนี่เก่ง รู้หมดปัญหาอันนั้นโยงกับอันนี้ อันนี้โยงกับอันนั้น เป็นต้นตอ เป็นที่มาของวิกฤตการเมือง รู้แล้วเอาไปทำประโยชน์อะไรนายแหล ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ผมถึงบอก วันนี้นายอภิสิทธิ์เชิญไปพูดอะไร เท่ากับเป็นการประจานตัวเอง แล้วปัญหายาเสพติด 2 ปีกว่าที่คุณเป็นนายกฯ คุณทำอะไรบ้าง คุณไม่ได้ทำอะไรที่จะเอาจริงเอาจังกับปัญหายาเสพติด มาวันนี้คุณเพิ่งมาพูดว่า จะตั้งกองกำลัง 2,500 นาย ตั้งหาพระแสงด้ามยาวอะไร เรามีหน่วยงานปราบยาเสพติดหมดแล้ว คุณมีหน้าที่ใช้กลไกของรัฐที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพ แล้วคุณจะตั้งขึ้นมาทำไม หรือคุณจะตั้งกองทัพส่วนตัว ไร้สาระ แสดงว่าคุณล้มเหลวในการแก้ปัญหา

สุดท้ายของการกล่าวเปิดงาน นายอภิสิทธิ์บอกว่า การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น ต้องร่วมมือกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน และค่านิยมการทุจริตคอร์รัปชั่นถือเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องร่วมกันปรับเปลี่ยนทัศนคติ ที่ผ่านมารัฐบาลทำไปหลายอย่าง ผลการวิจัยบ่งบอกว่า การจัดการปัญหานี้สามารถทำได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่พอใจ ตุ๊ย การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นมันต้องร่วมมือกันทั้ง 3 ฝ่ายจริง เวลานี้ภาคประชาชนตื่นแล้ว เอกชนตื่นแล้ว ที่งมงาย หลับไหล แล้วไม่กล้าเสนอนโยบาย คือ ภาครัฐ และภาคการเมือง

พี่น้องครับ คนที่จะอาสามาเป็นนายกรัฐมนตรีวันนี้ เขาควรจะมาแก้ไขปัญหาอะไร ถ้าไม่มาแก้ปัญหาใหญ่ของชาติบ้านเมือง เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องเสียแผ่นดิน ถ้าคุณไม่ทำเรื่องนี้แล้วคุณจะมาทำอะไร ปรากฏว่า นายกรัฐมนตรีของไทย มาหาเสียงแข่งขันกันว่า เลือกผมผมจะแจกอันนี้ อันนู้น หาเสียงแข่งกันว่า ใครจะแจกเงินให้ประชาชนเก่งกว่ากัน ปัญญาอ่อนจริงๆ เรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญ เรื่องเสียดินแดน เรื่องเสียเอกราช เสียอธิปไตย ไม่มีพรรคไหนจะสัญญากับประชาชนเลยว่า ถ้าเลือกผมเป็นนายกฯ ผมจะแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติให้สำเร็จลุล่วงไป ให้ลดน้อยลง ให้ลดอันดับประเทศไทยที่ได้ชื่อว่ามีการโกง การทุจริตอยู่ลำดับต้นๆ ให้ลดลงมาติดอันดับท้าย เป็นประเทศปลอดการทุจริต มีการทุจริตคอร์รัปชั่นน้อยที่สุด ไม่มีคนไหน ไม่อยากพูดคำว่า ตัวไหน ไม่มีพรรคไหน คนไหนกล้าสัญญากับประชาชนเลยครับ แสดงว่ามันเตรียมการจะไปโกงกันทั้งนั้นเลยครับพี่น้อง ถึงไม่กล้ารับปากกับประชาชน ไม่มีอะไรเป็นอื่นเลย ประเทศอื่นเขาหาเสียง มีแต่ว่า ถ้าผมเป็นนายกฯ ถ้าประพันธ์เป็นนายกฯ จะกวาดล้างการทุจริตคอร์รัปชั่นให้เหลือน้อยที่สุด ไม่ให้เกิน 20% จากที่โกงอยู่ 100% จะให้ไม่เกิน 20% ถ้าผมเป็นนายกฯ ผมจะยึดปราสาทพระวิหารคืน แล้วจะเอาแผ่นดินไทยทุกตารางนิ้วคืน และไม่กลัวใครด้วยในโลกนี้ จะดูซิว่ามหาอำนาจหน้าไหนจะเสือกมายุ่งกับประเทศไทย จะทำให้ดู โธ่เอ๊ยจะกลัวอะไรเขมรกระจอก มันต้องเอาคืน ไม่ใช่ไปเต้นแร้งเต้นกาอยู่ที่ศาลโลกกับเขา เวลานี้ต้องทวงเอาปราสาทพระวิหารคืน เอากำลังเข้ายึด และไม่ให้ประเทศไหนเข้ามายุ่งเกี่ยวเอกราชและอธิปไตยประเทศไทยเลยแม้แต่น้อย นี่สิครับถึงจะเป็นผู้นำประเทศ

พี่น้องรู้ไหม ฮุน เซน หาเสียงเวลาเลือกตั้ง หาเสียงกับคนเขมรว่าอย่างไร มันจะเอา 4.6 ตารางเมตร เป็นของกัมพูชา มีแต่หน่อมแน้มปัญญาอ่อนประเทศไทยที่ไม่กล้าประกาศว่า ดินแดนนี้เป็นของไทย เพราะอย่างที่คุณสนธิพูด มันสมคบคิดกันเพื่อปล้นประเทศไทย และเกมนี้เป็นเกมของประเทศมหาอำนาจ ถ้าไม่ใช่เพราะมหาอำนาจที่หนุนหลังกัมพูชาอยู่ ไม่มีวันที่เขมรจะกล้าเอาเรื่องนี้ไปขึ้นศาลโลก อันนี้แน่นอน เราเป็นประเทศเอกราช เราต้องมองเกมนี้ขาด ไม่อย่างนั้นจะพาชาติบ้านเมืองไปรอดได้อย่างไรถ้าโง่กว่าเขา หรือโกง ไม่โง่แต่สมคบคิดโกงร่วมกับเขา เพราะฉะนั้นถ้าเราจะเอาชาติเรารอด เราอย่าไปเต้นตามเกมของมหาอำนาจ คำถามคือ มหาอำนาจ อเมริกา ขนาดผู้ช่วยรัฐมนตรีของอเมริกาให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ ยังกล่าวหาว่า คนไทยรุกรานกัมพูชา เลยครับพี่น้อง ผมก็ถามว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา เสือกมายุ่งอะไรกับประเทศไทย ทั้งๆ ที่ประเทศไทยเป็นมหามิตร ประเทศอเมริกามีผลประโยชน์ค้าขายในเมืองไทยเยอะแยะ แต่ทำไมต้องไปเข้าข้างกัมพูชา เพราะวันนี้ผลประโยชน์ที่ค้าขายในประเทศไทย มันทำสัญญาตกลงค้าขาย ทำสิทธิพิเศษไปหมดแล้ว ไม่มีสิทธิ์ยกเลิก มันต้องการแหล่งพลังงานในกัมพูชา และมีไทย โดยเฉพาะพี่น้องพันธมิตรฯ เป็นก้างขวางคออยู่ มันถึงต้องไปหนุนกัมพูชา ไม่ว่าฝรั่งเศส อเมริกา ประเทศยุโรปถึงไปหนุนกัมพูชา เพราะกัมพูชา ฮุน เซน เป็นลูกกระจ๊อกที่ประเทศเหล่านั้นสามารถขี่คอมันได้ และมันยอมเซ็นสัมปทานให้ประเทศเหล่านั้นหมดแล้ว เรื่องมันเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นมันถึงไม่แคร์ประเทศไทย แต่ประเทศไทยเรามีผู้นำที่ตามก้นอเมริกา บางเรื่องเราร่วมมือกับอเมริกาได้ บางเรื่องเราเดินตามเขาได้ แต่เรื่องนี้คุณจะตามก้นมหาอำนาจไม่ได้ และไปเล่นตามเกมเขาไม่ได้เท่านั้นเอง ผมถึงบอกว่า ประเทศไทยมันแย่ เรื่องใหญ่อย่างนี้ แข่งขันกันเป็นนายกฯ มีพรรคไหนบ้างพูดเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ไม่มีแม้แต่พรรคเดียว กรรมเวรของประเทศจริงๆ

นอกจากนี้ ไหนๆ พูดถึงเรื่องเขมรแล้วเอาให้จบประเด็นนี้เลย ก็คือว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ได้ทำหนังสือยื่นไปถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพแล้ว ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติ พี่น้องจำได้ใช่ไหมครับ ผมมาแถลงแล้ว และได้ไปยื่นถึงทุกเหล่าทัพหมดแล้ว ได้รับหนังสือหมดแล้ว พี่น้องรู้ไหมครับ มันเศร้าใจไหมครับ ผู้บัญชาการทหารเหล่านี้ คงได้นำเรื่องนี้ไปรายงานฝ่ายนโยบายแล้ว และฝ่ายนโยบายรับทราบแล้ว ฝ่ายนโยบายมีใครที่อ้วนๆ เหมือนแป๊ะขายหมู มันเศร้าใจ คือเขาพูดว่าอย่างไรครับ เขาบอกว่า เก็บเรื่องไว้แล้วไม่ต้องไปสนใจไม่ต้องไปทำอะไร นี่คือฝ่ายนโยบายที่กำกับดูแล หรือจะให้แนวทางกับฝ่ายกองทัพ ผมคิดว่าถ้าเรามีรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านความมั่นคงของประเทศเป็นคนที่มีความคิดเช่นนี้ พี่น้องครับ ผมว่าวันหนึ่ง เราชุมนุมอยู่นี้ก็ไม่ไกลจากกระทรวงกลาโหม กองทัพบกสักเท่าไหร่ ผมว่าเรานั่งอยู่นี่นานแล้ว และให้เวลามานานแล้ว มันน่าจะไปเยี่ยมเขาสักวัน พี่น้องเห็นด้วยไหมครับ ถ้าเห็นด้วยปรบมือดังๆ ผมคิดว่าต้องนำเรื่องนี้เข้าหารือในคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร ว่าเมื่อเรายื่นหนังสือให้ท่านปฏิบัติหน้าที่ปกป้องดินแดน เอกราชอธิปไตย ขับไล่คนเขมร ทหารเขมรออกไป จนวันนี้ล่วงเลยมา 7 วัน 10 วันแล้ว ท่านยังเพิกเฉย เราจะทวงถามคำตอบว่า ท่านจะปฏิบัติอย่างไร จะฟังฝ่ายนโยบายที่บอกให้เก็บเรื่องนี้ใส่ลิ้นชักทำหูทวนลม หรือจะทำหน้าที่ปกป้องดินแดน เอกราชของประเทศ เราจะได้ไปถามกันครับ เราควรต้องไปถาม ไม่เช่นนั้นมันจะนั่งกินเงินเดือนภาษี แต่งตัวอวดดาว ถืออาวุธโก้เกินไป แต่ไม่มีน้ำยาในการปกป้องแผ่นดิน เอกราช ผมว่าเราควรต้องไปถาม แล้วเปิดปราศรัยหน้ากองบัญชาการเลยว่า คุณจะทำอย่างไร ว่าคุณไม่อายประชาชนที่ออกมาปกป้องแผ่นดินหรอ ถ้าขี้ขลาดไม่กล้าออกไปปกป้องแผ่นดิน เอกราช ก็ถอดเครื่องแบบทิ้ง คืนอาวุธ แล้วอย่ามากินเงินเดือนภาษีประชาชนเลย ลาออกจาก ผบ.ทบ.ซะ ลาออกจากการเป็นผู้บังคับบัญชาทหารเสีย มันน่าละอายใช่ไหมครับพี่น้อง ที่ปล่อยให้เกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของประเทศถูกย่ำยีอยู่แบบนี้ ผมฟังแล้วเศร้าใจ อย่าคิดว่าผมไม่รู้ ผมรู้ว่าพวกคุณคิดอย่างไร แต่ละคนคิดอะไรกับบ้านเมือง มันพึ่งไม่ได้บางคน แต่แน่นอน ทหารส่วนใหญ่อยากจะทำหน้าที่ปกป้องชาติ แต่หัวแถวปักปรำอยู่กับการเมือง งมงายอยู่กับการเมือง แล้วคิดว่าใครมาเป็นรัฐบาลกูก็อยู่ได้ ฝ่ายการเมืองก็บอก คุณไม่ต้องกลัวว่าผมจะปลดคุณ ผมมานี่คุณก็เป็นต่อไป แล้วให้สิทธิ์คุณเลือกใครจะมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมได้ด้วย คุณไม่ต้องห่วง ขอให้ผมกลับมาเป็นรัฐบาลก็พอ เวลานี้มันซูเอี๋ยกันแบบนี้ มันถึงให้สัมภาษณ์ว่า ใครมาเป็นรัฐบาลเราก็อยู่ได้

นี่คือบ้านเมืองของเราที่ ส่วนหัวเมื่อไหร่จะถึงจุดหายนะเสียทีครับพี่น้อง กรรมจะตามสนองซะที หน้าที่ของตัวเอง ผลประโยชน์ชาติบ้านเมืองไม่ทำ ต้องให้ประชาชนมาตบหลังแรงๆ ประชาชนมาบอก ทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่ของตนเองโดยตรง และมีข้อแก้ตัวสารพัดที่รับฟังไม่ได้ทั้งนั้น

เพราะฉะนั้นวันนี้ที่ผมพูดถึง 2 เรื่อง เรื่องใหญ่เรื่องโกง ทุจริตคอร์รัปชั่น และเรื่อง 2 เรื่องปกป้องดินแดนนั้น เป็นเรื่องที่ไม่มีพรรคไหนพูดเลย วันนี้ที่ภาคเอกชนตื่นตัวขึ้นมา ผมให้กำลังใจ และคาดว่า ท่านจะเอาจริงเอาจัง เพราะผมรู้ว่าภาคเอกชนที่รวมตัวกันขึ้นมาเขาคงทนไม่ไหวแล้วว่า ถ้าปล่อยให้ชาติบ้านเมืองตกอยู่ในสภาพแบบนี้มันไปไม่รอดจริงๆ เพราะทุกคนคิดแต่จะเข้ามาโกง และมาเอาจากประเทศ ไม่มีใครคิดจะเสียสละและทำเพื่อชาติบ้านเมืองเลยแม้แต่คนเดียว พรรคเดียวครับขณะนี้

ภาคเอกชนเขาคิดมาจาก บทเรียนมาจากไหน เขาคิดมาจากฮ่องกงโมเดล เกาหลีโมเดล ซึ่งความจริง 2 ประเทศนี้เป็นโมเดลที่เขาทำสำเร็จแล้วในประเทศเกาหลีและฮ่องกง เกาะเล็กๆ ฮ่องกง ประเทศจีน-ฮ่องกง เมื่อก่อนเหมือนกับเรา โกง ทุจริต รับสินบน ตำรวจกินกันหน้าด้านเหมือนเมืองไทยขณะนี้ไม่มีผิด เมื่ออ 30 กว่าปีที่แล้ว แต่วันนี้ที่เขาแก้ไขปัญหาสำเร็จเพราะว่า ข้าหลวงใหญ่ของเกาะฮ่องกงเขาจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ซึ่งเป็นคณะกรรมการอิสระเพื่อปราบปรามการคอร์รัปชั่น เขาเรียกว่า Independent Commission Against Corruption หรือ ICAC นี่คือโมเดลที่เขาทำสำเร็จ คณะกรรมการอิสระเพื่อปราบปรามการคอร์รัปชั่น ตั้งเมื่อปี 2517 ที่ฮ่องกง ฮ่องกงเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่องนี้มาก คอร์รัปชั่นเหมือนเมืองไทยไม่มีผิด กรรมการชุดนี้ที่ตั้งขึ้นมาเป็นองค์กรหลัก แต่ของเราก็ตั้งเหมือนกัน คือตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. เดิมทีเรามี ป.ป.ป. ดีไม่ดีอาจจะตั้งมานานกว่าฮ่องกงด้วยซ้ำไป และพัฒนามาเป็น ป.ป.ช.ในรัฐธรรมนูญปี 40 แต่ประเทศไทยล้มเหลว เพราะ ป.ป.ป. และ ป.ป.ช.ถูกการเมืองครอบงำ ไม่มีความเป็นอิสระเลย พึ่งจะสามารถตรวจสอบการทุจริตได้เมื่อเกิดปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 ที่ตั้งคณะกรรมการ คตส.ให้มีอำนาจเช่นเดียวกับคณะกรรมการอิสระ ป.ป.ช.จึงสามารถอาศัยสถานการณ์พิเศษช่วงนั้นจับโกง จับทุจริตในรัฐบาลทักษิณได้ 12-13 เรื่อง และเป็นคดีสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินยึดทรัพย์ทักษิณและพวก 4.6 หมื่นล้าน นี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เป็นผลงานชิ้นสำคัญของ ป.ป.ช. ถ้าไม่มีปฏิบัติก็เป็นเรือเกลืออยู่อย่างทุกวันนี้

เพราะฉะนั้นความสำเร็จของเขาอยู่ที่ การที่เขาเลือกคนได้ที่มีคุณสมบัติ ที่มีความเข้าใจ และมีทัศนคติต่อการแก้ไขปัญหาการโกง ทุจริตได้อย่างมีคุณภาพ จะมีองค์กรอะไรก็ตามแต่ถ้าได้คนไม่มีคุณภาพก็ยากจะประสบความสำเร็จ ฮ่องกงก็ได้ตรงนี้ เมื่อเขาตั้งคนที่มีคุณภาพแล้ว เขาเริ่มให้ความรู้ รณรงค์ ให้ทัศนคติกับประชาชนที่ถูกต้อง ในการมีส่วนร่วมปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเอาจริงเอาจัง ประเทศไทย พี่น้องครับ ตั้งแต่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ เคยไหมที่จะใช้สื่อของรัฐ รณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเอาจริงเอาจัง มีสักครั้งไหมครับ นี่เขารณรงค์กันตั้งแต่ระดับอนุบาล การเปลี่ยนแปลงคือ ทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจเขาให้ความร่วมมือ เพราะฉะนั้นฮ่องกง องค์กรธุรกิจเขาเอาจริงเอาจังมาก คณะกรรมการปราบปรามทุจริต ตั้งปี 17 เรื่องมาจนถึงปี 37 20 ปีเขามีผลงาน สามารถจัดการปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น มีภาคประชาชนเข้าร่วมมากมาย และมีองค์กรต่างๆ เข้ามาร่วมนับพันแห่ง นี่คือเครือข่ายภาคประชาชนที่เข้มแข็งที่สุดเท่านั้นที่จะปราบทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ใช่อาศัยฝ่ายค้านในสภา เขาไม่เคยพึ่งเลย

ประเด็นสำคัญคือ 1.เขายอมรับสภาพปัญหา รู้ปัญหา อันนี้เอาสั้นๆ 2.คือ การเมือง และองค์กรปราบคอร์รัปชั่นเขามีประสิทธิภาพและโปร่งใส 3.เขามียุทธศาสตร์ทั้งระยะสั้น ระยะยาว วางแผนเพื่อปราบปรามคอร์รัปชั่น รัฐเขาเอาจริงเอาจัง และ4. เขาใส่ใจต่อรายงานข้อร้องเรียนเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น ประชาชนที่ร้องเรียนเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ส่งเข้ามานั้น เขาให้ความสำคัญ เขาให้ความเอาใจใส่ เขาให้ความคุ้มครอง และให้รางวัลสำหรับคนที่ทำความดีเหล่านั้น

การรักษาความลับของผู้ร้องเรียน การมีปัจจัย สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงาน เหล่านี้ที่เป็นปัจจัยทำให้เขาประสบความสำเร็จ ประเทศไทย ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหนศึกษาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศที่เขาประสบความสำเร็จ แล้วนำมาใช้ในประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำในการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และต่อต้านเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่มีเลย มีคนเดียวที่ผมพูดได้เต็มปากคือ ยุคสมัย ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เท่านั้นที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ โดยนายกฯ เป็นแบบอย่าง ไม่มีภรรยา ไม่มีหลังบ้าน เพื่อน ลูกน้อง คนใกล้ชิด หรือคณะรัฐมนตรี ใครมีพฤติกรรมโกง ท่านปลดเลย ไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งเป็นเพื่อน และข้าราชการเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทางไปเหลือต้องเอามาคืน ถ้าเดินทางไปมีคนรับรองเบี้ยเลี้ยงไม่ต้องจ่าย ต้องเอาเงินมาคืนคลัง จัดเลี้ยงในทำเนียบรัฐบาลห้ามใช้เหล้านอก ให้ใช้สุราไทย และให้ใช้น้ำผลไม้เป็นหลัก อย่าเลี้ยงของฟุ่มเฟือย อาหารไม่เอาจากโอเรียบเต็ล หรือโรงแรมใหญ่ๆ ให้ใช้อาหารไทยจากสมาคมแม่บ้าน พ่อบ้านต่างๆ ของประชาชน อย่างนี้มันถึงจะประหยัด ไม่ใช่ว่างบประมาณจัดงานใหญ่โต กินฟุ่มเฟือยเทให้หมากินจนหมาสลบล้มทับอาหารตายคาที่ ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย เดินทางไปดูงานเป็นว่าเล่น ไปเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ เรื่องแบบนี้ไม่เกิดในยุคสมัยนั้น แต่ยุคสมัยนี้ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีใครสนใจเงินและสมบัติของแผ่นดิน ต่างจะมากอบโกยเข้าพกเข้าห่อตัวเองทั้งนั้น นี่คือปัญหาของประเทศไทย เพราะฉะนั้นโมเดลของฮ่องกง เกาหลี วันหลังถ้าเราสนใจ เราเอาเรื่องนี้มาพูดกันได้ว่าเป็นอย่างไร แต่วันนี้ถ้าเอกชนเริ่มต้น และเอาจริงเอาจัง ก็สามารถเดินหน้าไปได้ และเราต้องปรบมือให้กำลังใจภาคเอกชนที่เขาตั้งใจจะทำเรื่องนี้ แต่คนที่ควรประณามที่สุดคือ รัฐบาล รัฐบาลเรานี้ไม่มีรัฐบาลไหนเอาจริงเอาจังเรื่องเนี้ แม้กระทั่งรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

เรื่องโกง เรื่องทุจริตที่นายกฯ ว่าต้องร่วมมือกันทั้ง 3 ฝ่าย คือรัฐ เอกชน และภาคประชาชน ปรากฏว่า รัฐบาลไทยทำเหมือนกัน ร่วมมือกัน 3 ฝ่ายเหมือนกัน คือ รัฐ เอกชน และประชาชน ร่วมกันโกงประเทศไม่ใช่ร่วมกันปราบคอร์รัปชั่น ถ้าพี่น้องจำได้ วันก่อนผมเอาเรื่องโรงงานไฟฟ้ากังหันลมมาเล่าให้ฟังแล้ว เรื่องนี้เป็นตัวอย่างของการร่วมมือกัน 3 ฝ่าย โดยรัฐ เอกชน และหลอกลวงประชาชนมาเป็นเครื่องมือในการโกง ทุจริต และเอาประโยชน์กับประเทศชาติ

ในรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ นายอภิสิทธิ์นั่งหัวโต๊ะ และมีวาระพิจารณาเรื่องอะไร 1.ร่างบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการต่างๆ 2.ร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการหงสาลิกไนท์ 3.แนวทางส่งเสริมผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่วาระที่ 4 นายกฯ นั่งเป็นประธาน วาระที่ 4.แนวทางในการขอใช้พื้นที่ดำเนินโครงการพลังงานลมสำหรับภาคเอกชน นายกฯ นั่งพิจารณาเรื่องอนุญาตให้เอกชนใช้พื้นที่ป่าสงวนสำหรับผลิตพลังงานลม แล้วเอามาขายรัฐ รัฐบาลนั่งหัวโต๊ะอำนวยประโยชน์ให้เอกชน นายกฯ ไทย ดันทะลึ่งไปกล่าววันนี้ ทั้ง 3 ฝ่ายต้องร่วมมือกัน ร่วมมือกันทำอะไร ร่วมมือกันปล้นประเทศ นี่ผลงานคุณ แล้วในที่ประชุม นายอภิสิทธิ์เป็นประธาน นายกอร์ปศักดิ์เป็นรองประธาน นั่งหัวโต๊ะเพื่อพิจารณาให้เขาบุกเขาค้อ แล้วตั้งเสาไฟฟ้าผลิตพลังงานไฟฟ้ามาขายการไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเซ็นสัญญาซื้อโดยไม่ผ่านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยไม่ผ่านการได้รับอนุญาตมาโดยถูกต้องว่าเป็นที่ป่าชั้น 1A เอามาทำได้อย่างไร ละเมิดกฎหมาย ตัวเองนั่งอนุญาตให้เอกชนละเมิดกฎหมาย แบบนี้เอกชนรายอื่นๆ ก็ไปขอได้หมด ต่อไปป่าของประเทศ เมื่อคุณอนุญาตรายนี้แล้วคุณก็ต้องอนุญาตรายอื่นๆ ด้วย

ถ้าท่านอยากจะอ่านเรื่องราวของการโกง การทุจริต ที่เป็นวงจรอุบาทว์เครือข่ายพลังงาน ที่บริษัทเอกชน ฝ่ายการเมือง และภาครัฐวิสาหกิจ ภาคราชการ ร่วมมือกันปล้นประโยชน์ประเทศชาตินั้น อ่านใน manager online ได้พรุ่งนี้ผมเริ่มลงเป็นตอนๆ ให้พี่น้องอ่านโดยละเอียด แล้วจะรู้ว่า นายกฯ ไทยรูปหล่อ ไม่โกง ไม่กิน แต่นั่งหัวโต๊ะประชุม อนุมัติให้บริษัทเอกชนปล้นประโยชน์ประเทศชาติหน้าตาเฉย นี่ไงครับ เสร็จแล้วก็เหมือนว่า ถ้าใครคิดจะเอานายอภิสิทธิ์มากวาดล้างปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เลิกคิดเลยครับ ตัวเองบอกกูไม่โกงแต่กูนั่งดูเขาโกง และอำนวยความสะดวกให้เขาโกง แถมอนุญาตให้เขาดำเนินการไปต่อหน้าต่อตา จึงไม่ต่างจากคนรูปหล่อแต่แบกถ่านมากวาดบ้าน ปรากฏว่าถ่านคละคลุ้งเต็มบ้าน หน้าตาหล่อๆ มีแต่ถ่านดำๆ จะทำให้บ้านเมืองสะอาดไหมครับ เหมือนเราเอาคนขายถ่านมาทำความสะอาดบ้าน มันไม่มีวัน

เพราะฉะนั้นวันนี้พูดคุยกับพี่น้องในเรื่องสำคัญนี้คิดว่าพอสมควร เดี๋ยวจะมีสองพ่อลูกเค้ามีอะไรดีๆ มาคุยกับพี่น้อง ที่พี่สนธิบอกว่า พรุ่งนี้ผมอาจจะไม่ได้มานั้นก็ไม่ใช่อะไร พรุ่งนี้มีงานของสมาคมศิษย์เก่ารามคำแหง และมีงานของเพื่อนรักเสียชีวิต ต้องกราบขออภัยพี่น้อง 1 วันที่อาจจะไม่ได้มาในวันพรุ่งนี้ วันนี้ผมไม่ร้องเพลงแต่มีเพลงมาฝาก ผมมีตัวช่วย เป็นนักร้องมีชื่อเสียง ใส่เสื้อเหลืองกางเกงชมพู เขาร้องเพลง รับรองพี่น้องเห็นรู้เลย แต่การฟังเพลงนี้เราต้องใจกว้าง เขาอาจจะแขวะถึงเรานิดๆ หน่อยๆ เขาพูดถึงนักการเมือง พรรคการเมืองกลุ่มนู้นกลุ่มนี้ แต่พูดถึงตามทัศนะของเขา เขาไม่ได้มาร่วมชุมนุมกับเรา แต่ฟังดูแล้วเขาแฟร์กับทุกฝ่าย ที่สำคัญคือ เขาวิจารณ์ตรงไปตรงมาทุกฝ่าย พี่น้องฟังแล้วคงได้สาระความรู้ ที่สำคัญ อย่างน้อยมีคนอื่นๆ ที่อยู่ในวงการ อาชีพต่างๆ เขามองปัญหาชาติ การเมือง ในลักษณะใกล้เคียงกับพวกเรา คือเข้าคูหาแล้วไม่รู้จะเลือกใครจริงๆ เพราะฉะนั้นฝากท้ายด้วยนักร้องคนนี้ เพราะเขาแท็กเข้ามาใน facebook ให้ผมดู ผมฟังแล้วสนุก เอามาฝากพี่น้อง วันต่อไปผมจะมาร้องกับพี่น้อง วันนี้ฝากนักร้องรูปหล่อคนนี้ ขออนุญาตกราบสวัสดีพี่น้อง และขอบคุณทุกท่าน
กำลังโหลดความคิดเห็น