“สนธิ”เชื่อมั่นคนไทยในสหรัฐฯ เข้าใจปัญหาบ้านเมืองไม่หลงหล่อ“อภิสิทธิ์” กาโหวตโน 90 เปอร์เซ็นต์ ชี้กระบวนการนำเรื่องปราสาทพระวิหารขึ้นศาลโลก เป็นเกมมหาอำนาจ “มาร์ค”แค่คนส่งของให้ฝรั่ง แฉแผนอำมหิตจงใจให้ไทยแพ้ ก่อน “ทักษิณ”กลับมาสวมตอหาประโยชน์ ตอกย้ำนักการเมืองทุกพรรคล้วนขายชาติขายแผ่นดิน ต้องโหวตโนเพื่อสั่งสอน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"
เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 2 มิ.ย.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า ตนเพิ่งเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา โดยก่อนกลับได้ไปพบพี่น้องพันธมิตรฯ ที่ลอสแองเจลิส(วันที่ 28 พ.ค.) ที่ร้านอาหารคุณแดง มีพี่น้องมาฟังจนล้นห้องที่จุได้เพียง 300 คน หลายคนก็ขับรถมาจากรัฐที่อยู่ไกลๆ และพบว่าพี่น้องทุกคนที่มาฟังต่างรู้เรื่องโหวตโนเป็นอย่างดี และได้ติดตามการปราศรัยที่เวทีมัฆวานฯ มาอย่างต่อเนื่อง แสดงว่าทุกคนล้วนสนใจปัญหาบ้านเมืองเรื่องการปกป้องดินแดน ที่น่าสนใจคือไม่ใครหลงใหลในความหล่อเหลาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเลย จึงมั่นใจว่า ถึงแม้คนไทยสหรัฐอเมริกาจะมีจำนวนไม่มากนัก แต่เชื่อว่าร้อยละ 90 ของคนที่ไปลงคะแนนจะโหวตโน
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตามที่ตนเคยตั้งคำถามว่า เอ็มโอยู.2543 เป็นไตรปิฎกของนายอภิสิทธิ์หรืออย่างไรจึงยกเลิกไม่ได้นั้น วันพรุ่งนี้ตนจะนำคำตอบมาเล่าให้ฟัง และขอให้พวกเราอย่าไปหลงประเด็น กระบวนการทุกอย่างถูกจงใจให้เกิดขึ้น การนำเรื่องเขาพระวิหารขึ้นสู่ศาลโลกคือการจงใจให้แพ้ ตนเคยบอกว่านายอภิสิทธิ์คือคนส่งของ วันนี้เริ่มชัดเจนขึ้นทีละนิด วันพรุ่งนี้ตนจะเอารายละเอียดมาเล่าให้ฟังว่าทำไมนายอภิสิทธิ์จึงทำหน้าที่เป็นคนส่งของ
นายสนธิกล่าวว่า เรื่องนี้อำมหิตต่อชาติบ้านเมืองมาก ตรงที่ว่า เมื่อศาลโลกประกาศออกมาโดยเข้าข้างกัมพูชา สิ่งแรกที่นายอภิสิทธิ์จะพูดคือ จะบอกว่าเขาไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะนั่นคือคำตัดสินของศาลโลก อำมหิตเรื่องที่ 2 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับมาสวมตอต่อและจะบอกว่าเมื่อศาลโลกพิพากษาแล้วก็ต้องทำตาม เหมือนที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยสวมตอ เอ็มโอยู.2543 ต่อจากรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เพราะฉะนั้นเมื่อดูแล้วจะเห็นว่า นักการเมืองพวกนี้คือพวกขายชาติขายแผ่นดินจริงๆ
“พรุ่งนี้ ผมจะเอารายละเอียดมาเล่าให้ฟัง พี่น้องจะได้เข้าใจว่าจริงๆ แล้ว มันคือเกม การเข้าสู่ศาลโลกก็คือเกมที่มหาอำนาจเขาเล่นกัน เพราะยังไงเราสู้มันไม่ได้อยู่แล้ว ที่น่าเจ็บใจคืออย่างที่อาจารย์ปานเทพบอก รัฐบาลจะเอาเหตุของ ดร.สมปอง และเหตุผลของเราไปสู้ในศาลโลก แต่ที่น่าตั้งคำถามก็คือว่า ก่อนที่จะขึ้นศาลโลกทำไมไม่เอาไปทำเสียก่อน มันยิ่งพิสูจน์ชัดว่า คนพวกนี้มันขายชาติจริงๆ ขอให้คอยดูว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยมี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชเป็นหัวหน้าพรรค และ ม.ร.ว.เสนีย์ทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหารเมื่อ 40 กว่าปีก่อน มาถึงวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ที่มีนายอภิสิทธิ์เป็นนายกก็จะทำให้ไทยเสียดินแดนเช่นกัน”
นายสนธิกล่าวต่อว่า เมื่อดูป้ายหาเสียงของนักการเมืองทุกป้ายรวมทั้งดูนโยบายของพรรคการเมืองทุกพรรคที่ส่งให้ กกต.แล้ว พบว่าร้อยละ 90 คือการลดแลกแจกแถม เอาภาษีของพวกเราไปแจกประชาชน การเอาเงินไปช่วยคนไทยไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่การลดแลกแจกแถม นักการเมืองพวกนี้กำลังทำให้คนไทยเป็นง่อยพิการ ไม่สามาถช่วยตัวเองได้ ชีวิตนี้ทั้งชีวิตต้องพึ่งนักการเมืองหมด แล้วเมื่อดูนโยบายทั้งหมดมีแต่ว่าแจกฟรีเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ไม่มีสักตัวเดียวที่บอกว่าจะต่อสู้เพื่อแผ่นดินไทย
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ปฏิญญาฟินแลนด์ข้อแรกนั้น ต้องการเอามวลชนเป็นพรรคพวกก่อน ต้องลดแลกแจกแถม เอาภาษีไปจ่ายให้มวลชน ซึ่งข้อแรกนี้เป็นการเขียนขึ้นมาเพื่อให้ระบอบทักษิณเติบโต มาถึงยุคประชาธิปัตย์ก็ลดแลกแจกแถมเหมือนกัน และเมื่อไล่ดูทุกข้อแล้ว เห็นได้ชัดว่า ปฏิญญาฟินแลนด์ที่ทักษิณเอามาใช้นั้นมันถูกซ้ำรอยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยในยุคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็ใช้ปฏิญญาฟินแลนด์เช่นกัน ไม่มีอะไรที่ต่างกัน จึงเห็นได้ชัดว่า บ้านเมืองขณะนี้ไม่ปฏิรูปการเมืองไม่ได้
นายสนธิกล่าวในตอนท้ายว่า มีคนที่ลอสแองเจลิสถามว่า โหวตโนแล้วได้อะไร ตนก็ตอบว่าได้ 2 ประการ ประการแรกเป็นการแสดงสิทธิของเราว่าไม่พอใจนักการเมืองและพรรคการเมืองที่มีอยู่ขณะนี้ เป็นครั้งแรกที่ประชาชนคนไทยจะได้บอกนักการเมืองทุกพรรคว่า เราไม่เอากับพวกคุณเลย ไม่ว่าจะมาจากพรรคไหน ข้อที่ 2 ได้สะใจ เหมือนที่ตนเคยบอกว่า เราไม่พอใจใคร เราไม่ต้องไปทำร้ายเขา แต่เราประท้วงด้วยวิธีการของเรา เหมือนเราไม่พอใจร้านก๋วยตี๋ยวร้านหนึ่งเพราะพูดจาหยาบคายเราก็ไม่ต้องไปกิน หรือไปที่ร้านแล้วพอเขาเอาก๋วยเตี๋ยวมาให้ก็จ่ายตังค์แล้วเอาก๋วยเตี๋ยวไปเททิ้งต่อหน้า นี่คือการสั่งสอนเขา ซึ่งหลายคนก็เข้าใจ และหลายคนบอกว่ารอมานานแล้วที่จะแสดงออกถึงความสะใจสักครั้งหนึ่งในชีวิต
