หัวหน้าประชาธิปัตย์ หวังชาวเหนือหนุนพรรคเพิ่ม ชี้ปรองดองต้องไม่ทำขัดแย้งเพิ่ม อย่าเอาคนมีส่วนได้เสียมาทำ ปัดพระพูดนารีพิฆาต ชี้แพ้ชนะอยู่ที่ประชาชน ยัน “แม้ว” กลับไทยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ระบุไม่ควรดึงสถาบันเอี่ยว จ่อแถลงนโยบาย ศก.พรุ่งนี้ แนะคนไทยพิสูจน์ ปชต.ต่อชาวโลก ปัด รมต.มะกัน จุ้นการเมืองไทย โอ่เดินหาแดงเหตุเป็นผู้นำต้องกล้าคุย
วันนี้ (2 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่หาเสียงในภาคเหนือ ว่า นอกจากมาพบปะเพื่อขอคะแนนเสียงประชาชน ยังได้มาติดตามเรื่องของโฉนดชุมชน ซึ่งที่จังหวัดลำพูน เป็นอีกพื้นที่หนึ่งซึ่งนโยบายนี้ประสบความสำเร็จสามารถเดินหน้าได้ และเป็นความตั้งใจของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าแนวทางของการทำงานร่วมกับประชาชน และชุมชนต่างๆ เป็นแนวทางที่จะยึดถือต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ทำกิน หรือเรื่องอื่นๆ จะใช้ระบบสวัสดิการแก้ไขปัญหาในเรื่องของประชาชน ซึ่งแนวทางดังกล่าว เป็นแนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าด้วยความมั่นใจว่า จะเป็นแนวทางที่ทำให้สังคมมีความเป็นธรรมมากขึ้น และทำให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ ตรงจุด ตรงความต้องการของประชาชนมากขึ้น
“อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า นโยบายหลายเรื่องที่ได้มาพูดคุยทั้งประกันรายได้เกษตรกร โฉนดชุมชน ไปจนถึงนโยบายที่ได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งเรื่องการเรียนฟรี และเรื่องของผู้สูงอายุ ถือเป็นนโยบายที่ประชาชน ได้ประโยชน์ และต้องการให้เป็นนโยบายที่ทำต่อ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ให้ความมั่นใจว่า ตรงนี้จะเดินหน้าต่อแน่” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะได้เสียงมากขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า ประชาชนชาวเหนือคงจะให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เพิ่มขึ้น เช่นเมื่อครั้งที่แล้ว ส่วนเรื่องการปรองดองสมานฉันท์ ตนก็ได้พูดอย่างชัดเจน สิ่งสำคัญคือ ต้องไม่สร้างเงื่อนไขความขัดแย้งใหม่ และอย่าเอาคนที่มีส่วนได้เสียมาเป็นผู้ชี้ว่าจะปรองดองกันแบบไหนอย่างไร ควรจะให้คนที่ไม่มีส่วนได้เสีย และเป็นกลางดำเนินการที่สำคัญประชาชนทั่วประเทศต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ บ้านเมืองจะสงบโดยพื้นฐานประชาชนทุกคนเห็นว่าเป็นบ้านเมืองที่ต้องมีกติกา ถ้าทุกคนเคารพกติกาก็จะเดินไปได้
เมื่อถามว่า เห็นทางพระดูดวงเมื่อว่านายกรัฐมนตรี แพ้ดวงนารีพิฆาต นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มีเอามาจากไหน มีแต่เรื่องตำรวจ โดยบอกว่ามีปัญหาตรงนั้น ซึ่งตนคิดว่าตนมีหน้าที่ในเดินหน้า แก้ปัญหาให้ประชาชน และเสนอแนวความคิดที่ชัดเจนต้องขอโต้แย้งท่านไม่ได้พูดอย่างนี้
เมื่อถามว่า การแพ้ชนะการเลือกตั้ง คิดว่า เกี่ยวกับดวงชะตาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การแพ้ชนะ เป็นการตัดสินใจของประชาชน ตนเองเป็นคนที่พูดมาตลอดว่าไม่มีใครมากำหนดอนาคตให้กับประเทศได้ล่วงหน้า ประชาชนคือคนที่จะกำหนดอนาคตของประเทศ ตนมีหน้าที่เสนอทางเลือก เสนอข้อมูลให้ประชาชนตัดสินใจ
เมื่อถามว่า ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าที่อยากกลับประเทศไทยปลายปี เพราะอยากกลับมาถวายพระพร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเมื่อไรก็ได้แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันเมื่อคนไทยคนหนึ่ง
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.บอกว่า ไม่อยากให้มีการนำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ดูเหมือนจะมีการดึงเข้ามากันอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ฟังว่าพ.ต.ท.ทักษิณ พูดอะไร แต่ยืนยันว่า ทุกพรรคการเมืองตกลงกันแล้วว่าการแข่งขันกันทางการเมืองการเลือกตั้งไม่ควรถึงเอาสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรในสิ่งที่ กกต.ต้องการให้การเลือกตั้งเป็นการเลือกตั้งแบบสมานฉันท์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของ กกต.เมื่อมีการตกลง หรือลงนามในพันธะสัญญา และมาสัมมนาร่วมกันแล้ว กกต.ก็ต้องช่วยดำเนินการให้เป็นไปตามนั้น ถ้าพรรคการเมืองไหนไม่ดำเนินการตามนี้ ตนคิดว่า กกต.ก็ตามมีหน้าที่ถ้าขั้นเบาก็ต้องตักเตือน ขั้นหนักก็ต้องลงโทษตามกฎหมาย ถ้าผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่า วันที่ กกต.จัดกิจกรรมหลายพรรคการเมืองไม่สนใจที่จะไปร่วม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ถ้าจะชูการปรองดอง แล้วให้ทำอยู่ฝ่ายเดียวคนเดียวมันเป็นไปไม่ได้ เวลาคนจัดกิจกรรม เช่นคนที่เป็นกลางอย่าง กกต.จัดตนคิดว่าทุกพรรคการเมืองจะไป ตนเองยังไปแม้จะมีภารกิจ และก็ปลีกตัวออกมา แต่ต้องการไปยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ เวทีปรองดองต้องเป็นเวทีของทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า พีเน็ต เตรียมจัดเวทีให้มีการดีเบต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยินดีร่วมมือกับทุกเวทีทุกองค์กร เมื่อถามว่า กกต.กำหนดว่าวันที่ 23 มิ.ย.เป็นต้นไปจะเริ่มให้พรรคการเมืองหาเสียงทางโทรทัศน์ พรรคประชาธิปัตย์มียุทธศาสตร์อะไรในการหาเสียง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่าเป็นการกำหนดคิวกันก่อน โดยการจับฉลาก และเรื่องนี้ฝ่ายยุทธศาสตร์จะเป็นผู้นำเสนอ ส่วนนโยบายที่จะแถลงในวันพรุ่งนี้จะเป็นภาพรวมเศรษฐกิจ เพราะตอนนี้จะเห็นได้ว่า พรรคการเมืองต่างๆ เสนอนโยบายเป็นชิ้นๆ เรื่องๆ อาจจะพูดเรื่องค่าแรง เรื่องเกษตรกร แต่ภาพรวมการบริหารเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแง่การเงินการคลัง ความมั่นคงของเศรษฐกิจ และการทำให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขัน แง่โครงสร้างทางเศรษฐกิจว่าทำอย่างไร ให้เศรษฐกิจมีความเป็นธรรมมากขึ้น ตรงนี้ยังไม่เห็นภาพชัดเจน ซึ่งตนจะเสนอแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ไป 3 เรื่อง
เมื่อถามว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์การเลือกตั้งของไทย ว่า จะมีความวุ่นวาย เพราะเป็นการแข่งขันของ 2 พรรคใหญ่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของคนไทยทั้งประเทศที่จะพิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นว่า ประชาธิปไตยของไทยได้ก้าวมาอีกขั้นหนึ่ง และประชาชนได้ตระหนักถึงสิทธิหน้าที่ในวิถีทางประชาธิปไตย แล้วสามารถที่จะประคับประคองให้การเลือกตั้ง ซึ่งแม้ว่าอาจจะมีความเห็นแตกต่าง ขัดแย้งที่รุนแรงก็สามารถที่จะคลี่คลายไปได้
เมื่อถามว่า การที่สหรัฐฯออกมาพูดอย่างนี้ ถือเป็นการก้าวก่ายกิจการภายในของไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่มีเรื่องที่จะมาชี้นำ ถ้าเป็นการพูดแสดงความห่วงใยก็คงไม่เป็นไร เพราะถือเป็นประเทศที่มีความใกล้ชิด มีความสัมพันธ์กันมานาน อาจจะแสดงความห่วงใยได้ แต่คงไม่มายุ่งกับเรื่องภายใน
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ บทบาทของผู้ช่วยรัฐมนตรีคนหนึ่ง พยายามจะมีการเจรจาระหว่างรัฐบาล กับแกนนำคนเสื้อแดง ในระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงอยากเห็นความสงบ แต่จริงๆ แล้วทั้งหมด ต้องเคารพเรื่องกระบวนการภายในของเรา ซึ่งสามารถที่จะจัดการได้
เมื่อถามว่า การมาเหนือแล้วไม่มีเสื้อแดงป่วน ถือว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะนำไปสู่การปรองดองได้หรือไม่ และการหาเสียงในภาคใต้ก็จะไม่มีปัญหาใช้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางภาคใต้คงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะเชื่อว่า ผู้สนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์ พูดชัดเจนว่าเราเปิดโอกาสให้ทุกพรรคได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า หลายวันที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ใช้วิธีการเดินเข้าหาคนเสื้อแดงแทนการเดินหนี ทำไมเลือกใช้วิธีการนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยืนยันคนที่จะมาเป็นผู้นำประเทศต้องสามารถพูดจาเปิดเผยกับทุกฝ่ายได้ ถ้าไม่มีเรื่องความรุนแรงเข้ามา การพูดคุยกันต้องเป็นกระบวนการที่ต้องใช้มากที่สุด ฉะนั้นตรงนี้เป็นตัวอย่างและสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการทำงานของตนเอง ซึ่งอาจจะแตกต่างจากคนอื่นและตนก็ทำมาตลอด ไม่นั่งเจรจามา 3-6 ชั่วโมง หลังจากนั้นได้ ทำเรื่องของการประกันตัวไม่มีช่วงไหนที่ไม่ทำ ยกเว้นกรณีที่มีเหตุการณ์นำไปสู่ความรุนแรง และก็ไม่อยากให้เป็นเงื่อนไข
เมื่อถามว่า เดินทางไป อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ถ้าเจอคนเสื้อแดงจะเข้าไปเดินกอดคอคุยเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่ากอดคอแล้วจะคุยกันหรือไม่