xs
xsm
sm
md
lg

พธม.แย้มยุติชุมนุมหลังรู้ผลถกมรดกโลก พร้อมยื่น ผบช.น.ขอ ตร.เฝ้าพื้นที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แกนนำพันธมิตรฯ และกรรมการป้องกันราชอาณาจักร ถกประเมินสถานการณ์ หลังมีบึ้ม “ประพันธ์” ซัดรัฐไม่สนอง 3 ข้อ แต่ยุบสภาหนีปัญหา เล็งชุมนุมรอผลประชุมมรดกโลกก่อนยุติ เผย ยื่น ผบช.น.ส่งกำลังเฝ้าระวังพื้นที่ “ปานเทพ” ชมทนายสู้ศาลโลกตามแนวม็อบ แต่ยังห่วงเสียแดน เหตุไม่ปฏิเสธอำนาจศาลโลก ชี้ “สมบัติ” โหวตเยสหวังสกัดโหวตโนให้ “นช.แม้ว”

วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่บ้านพระอาทิตย์ ได้มีการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อประเมินสถานการณ์และแสดงท่าทีภายหลังจากเกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดเข้าใส่พื้นที่ชุมนุม บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ และนายเทอดภูมิ ใจดี เป็นต้น

ภายหลังการประชุม นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการการป้องกันราชอาณาจักรไทย แถลงว่า ทางคณะกรรมการได้มีการประชุมแล้ว เห็นว่า ตลอดการชุมนุม 127 วันที่ผ่านมาในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติ โดยยึดหลักการชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการกระทำที่กระทบความเดือดร้อนอย่างมาก แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลใน 3 ข้อเรียกร้อง ทั้งยังมีการยุบสภาเพื่อหนีความรับผิดชอบในการแก้ปัญหา ทำให้ปัญหายังดำรงอยู่ โดยฝ่ายกัมพูชายังยึดครองดินแดนไทยในหลายจุด และมีการปะทะกันหลายครั้ง โดยที่รัฐบาล หรือกองทัพไม่ได้มีมาตรการใดๆ ออกมาแก้ปัญหา แล้วยังปล่อยให้ปัญหาขึ้นไปสู่ในเวทีนานาชาติ ทั้งศาลโลก และเวทีคณะกรรมการมรดกโลกที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 19-29 มิ.ย.นี้ ทำให้ภาคประชาชนจำเป็นต้องดำเนินการชุมนุมต่อไป เพื่อรอดูว่าผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกว่าจะออกมาอย่างไร

นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ได้มีเหตุการณ์คนร้ายปาระเบิดบริเวณด้านข้างเวทีการชุมนุมเชิงสะพานมัฆวานฯ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ ทั้งที่ในความเป็นจริงคณะกรรมการ โดย พล.ต.จำลอง ได้ทำหนังสือถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ส่งกำลังเข้ามารักษาความปลอดภัย หลังจากที่เราเห็นว่า เจ้าหน้าที่ที่เคยปฏิบัติหน้าที่อยู่รอบๆ ที่ชุมนุมไม่ได้มาประจำในพื้นที่ระยะหนึ่งแล้ว จนในที่สุดก็ได้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ดังนั้น คณะกรรมการจึงได้มีมติในการทำหนังสือถึง พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.เพื่อให้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในสังกัด ซึ่งมีอยู่ทั่ว กทม.เฝ้าระวังและดูแลความปลอดภัยในที่ชุมนุม รวมทั้งขอให้ควบคุมดูแลการใช้อาวุธสงครามเอ็ม 79 จากระยะไกลอีกด้วย โดยได้ทำการยื่นหนังสือไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวเสริมว่า ตนขอชื่นชมการทำงานของทีมทนายฝ่ายโลกที่ทำการต่อสู้ในศาลโลก โดยยึดแนวทางตามที่ภาคประชาชนได้นำเสนอมาโดยตลอด มีเพียงประเด็นการไม่ปฏิเสธอำนาจศาลโลกเท่านั้นที่ไม่ได้หยิบยกขึ้นมาใช้ จึงยังมีข้อน่าเป็นห่วงที่ประเทศไทยจะเพลี่ยงพล้ำต่อการสูญเสียดินแดน และอาจจะสูญเสียเพิ่มเติมไปถึงคำวินิจฉัยศาลโลกเมื่อปี 2505 ต่อกรณีปราสาทพระวิหาร

ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนในการยุติการชุมนุม นายปานเทพ กล่าวว่า คณะกรรมการได้มีมติมาก่อนหน้านี้ ว่า จะอยู่ชุมนุมจนกว่าจะทราบผลการพิจารณาแผนบริหารจัดการมรดกโลกปราสาทรพระวิหาร ของคณะกรรมการมรดกโลก ในวันที่ 26-29 มิ.ย.นี้ ซึ่งที่ออกมาจะต้องออกมาทางใดทางหนึ่ง และก็จะถือว่าภาคประชาชนได้ทำหน้าที่จนสุดทางสมบูรณ์แล้ว และเราจะยุติการชุมนุม หากผลออกมาเป็นประโยชน์กับฝ่ายไทย ก็ถือว่าการทำภารกิจของภาคประชาชนครบถ้วนสมบูรณ์เป็นประโยชน์กับประเทศ แต่หากผลที่ออกมาเป็นผลร้ายต่อประเทศ ก็เชื่อว่าในการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค.นั้น ประชาชนจะออกมาร่วมใช้สิทธิ์ในการลงคะแนนโหวตโนร่วมกับเราเป็นจำนวนมาก เพื่อเรียกร้องการปฏิรูปการเมือง

“แรงจูงใจที่ยังคงอยู่ในตอนนี้ เพราะคิดว่าที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของเรามีผลต่อการตัดสินใจของรัฐบาลมาแล้ว ในกรณีร่างการประชุมเจบีซี หรือการโต้แย้งในศาลโลก จึงเห็นว่าลักษณะที่กดดันอยู่อย่างนี้ เป็นการสร้างอำนาจต่อรองของประชาชนในการกดดันรัฐบาลให้ดำเนินการให้มีความรอบคอบมากขึ้นในการรักษาอธิปไตยของชาติ จึงต้องอยู่จนถึงการประชุมมรดกโลก เมื่อผลออกมาอย่างไรก็เหมือนระฆังหมดยก แล้วไม่จำเป็นต้องไปกดดันหลังจากนั้น แล้วถือว่าเป็นการพักยกเพื่อไปรณรงค์โหวตโนให้มากขึ้น” นายปานเทพ กล่าว

เมื่อถามต่อว่า การเคลื่อนไหวของ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ที่มีการออกมารณรงค์โหวตเยส ซึ่งสวนทางกับพันธมิตรฯ นายปานเทพ กล่าวว่า การที่ นายสมบัติ ออกมารรณงค์โหวตเยสนั้น ก็เพราะเป็นคนเสื้อแดงที่ต้องการประชาชนไปลงคะแนนเสียงและเลือกพรรคการเมืองที่ชื่นชอบให้มากที่สุด โดยมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะได้รับชัยชนะ จึงต้องการให้พลังประชาชนที่ร่วมกันโหวตโนน้อยลง เพื่อเดินหน้าในการแก้ไขกฎหมาย หรือนิรโทษกรรมให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย ได้ง่ายขึ้น เนื่องจาก นายสมบัติ รู้ดีว่า หลังการเลือกตั้ง พลังอำนาจต่อรองของประชาชนที่มาจากการโหวตโนนั้นสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะสามารถคานอำนาจกับระบอบทักษิณได้

“ถึงวันนั้นจะไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถไปต่อกรกับพรรคเพื่อไทยในระบบรัฐสภาได้ คงเหลือแต่พลังของประชาชนที่มาจากการกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเท่านั้น ที่จะมีอำนาจต่อรองที่สูงมากไม่แพ้ในระบบรัฐสภา บางทีหากมีการโหวตโนมากๆ ก็ไม่จำเป็นต้องมีชุมนุมด้วยซ้ำไป” นายปานเทพ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น