หน.ปชป.พร้อมคณะ ลงพื้นที่อ้อนคะแนนสาวฉันทนาย่านปทุมธานี อ้างบุญคุณบ้านเมืองวุ่นวายก่อนกลับเข้าสู่ภาวะปกติช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขอโอกาสนั่งชูคอนายกฯอีก 4 ปี ลั่นหากกวาดเก้าอี้ได้ 250 ที่นั่ง ไม่จำเป็นต้องง้อ “แก๊งเติ้ง-ห้อย” แลกเชลียร์ยกมือในสภา
วันนี้ (31 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใช้เวลาหลังเวลาราชการ พร้อมด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรค นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรค ช่วยลูกพรรคหาเสียง ท่ามกลางบรรยากาศสาวโรงงานถือดอกกุหลาบให้การต้อนรับ ที่ บริษัท ซีพี ค้าปลีกและการตลาด จำกัด จ.ปทุมธานี
โดย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี สถานการณ์การเมืองมีความวุ่นวาย ยุ่งยาก ทำให้ประชาชนเกิดความเบื่อหน่ายในเรื่องของการเมือง จน 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ที่ได้มาเป็นรัฐบาลได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อแก้ปัญหาที่เกิด แต่ต้องยอมรับว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมีตลอดและหลายรูปแบบ ซึ่งจะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีปัญหาวิกฤตหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตโลก ปัญหาน้ำท่วม ภัยพิบัติ ปัญหาชายแดน เป็นต้น ซึ่งปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้คู่แข่งทางการเมืองได้สบประมาทตนเอง และ นายกรณ์ จาติกวณิช ว่า เป็นเด็ก 2 คนเข้ามาบริหารบ้านเมืองได้อย่างไร แต่ตนก็ได้พิสูจน์แล้วว่าได้แก้ไขปัญหาอย่างมีสติ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่ติดลบ การท่องเที่ยวที่ซบเซา ทุกอย่างก็ดีขึ้น โดยเฉพาะหนี้ของประเทศก็ไม่ได้ลุกลามบานปลาย ยอมรับว่า ถึงแม้เศรษฐกิจไทยมีความมั่นคง แต่ไม่ใช่ว่าเศรษฐกิจจะดี ทั้งนี้ ถ้าได้กลับเข้ามาเป็นรัฐบาลจะแก้ไขในเงื่อนไขโครงการบ้านหลังแรก อาทิ การกู้ร่วม และแก้ไขเงื่อนไขการกู้บ้านหลังแรกให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น รวมถึงบุคคลที่มีอายุเกิน 40 ปี
ขณะที่ในช่วงเลือกตั้งมีพรรคการเมืองมาพบประชาชนกันมาก ต่างคนต่างมาพูดเกี่ยวกับนโยบาย จึงอยากให้ประชาชนดูในเรื่องของความแตกต่างว่าอะไรสามารถเกิดได้จริง และอะไรที่ทำไปแล้วมีผล เมื่อถามว่า จะกลับหรือตนอยากจะถามว่าจะให้ตนกลับมาหรือไม่ และถ้ามีโอกาสตนก็ยินดีกลับมา จะพยายามทำหลายอย่างให้สำเร็จ สำหรับ 2 ปี ตนเองได้พยายามสู้มาโดยตลอด ด้วยความอดทน และถ้าได้เป็นอีก 4 ปี จะทำให้ประเทศไทยเป็นบ้านเมืองที่กฎหมายเป็นกฎหมาย ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด จะไม่ยอมให้มีการบิดเบือนกฎหมายนำเอาอำนาจ แรงกดดันนำมาล้างความผิดหรือให้ลืมกันไป 2 ปีที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้ตนยังสู้ไม่สำเร็จ และถ้าได้รับโอกาสมาเป็นนายกรัฐมนตรี 6 ปี อีก 4 ปี ที่เหลือก็จะลุยทำหน้าที่ให้เต็มที่ในทุกเรื่อง
อย่างไรก็ตาม นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา บ่นตนในทุกวันนี้ เป็นเพราะตนไม่ค่อยตามใจ ตนเองในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ อะไรที่ตนเห็นว่าควรทำก็สนับสนุน อะไรที่ไม่ควรทำก็จะไม่ตามใจ แต่ถ้าหงุดหงิดแล้วบอกว่าจะยกมือให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วให้ตามใจคงไม่ได้ และถ้าให้คนที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ต้องมาบอก คอยตามใจ หรือมาต่อรองกับตนมากๆ คงไม่ถูก ตนจึงบอกว่า ให้ทุกคนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้เสียงเกิน 250 เสียง
ในช่วงท้ายของการปราศรัยเลือก ส.ส.เขต ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ส.ส.ของพรรคได้สอบตกทั้งหมด แม้ว่าคะแนนจะห่างจากคู่แข่งเล็กน้อย จึงอยากให้เลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคให้มากพอกับ ส.ส.เขต