รองหัวหน้าเพื่อไทย ยันพรรคพร้อมให้อภัยเด็กห้อย แต่เป็นไปไม่ได้จะร่วมงานภูมิใจไทย ชี้อุดมการณ์ พฤติกรรมต่าง แนะรอดูผลเลือกตั้ง อ้างล่วงเกิน “เติ้ง” แค่เข้าใจผิด
วันนี้ (31 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่พรรคภูมิใจไทยได้ลงพื้นที่หาเสียงในจังหวัดนครราชสีมา โดยได้มีประเด็นว่าพรรคภูมิใจไทยต้องการจะมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ทำประชามติกับทางประชาชนว่าภายหลังการเลือกตั้งประชาชนต้องการให้พรรคภูมิใจไทยไปร่วมงานกับพรรคการเมืองใด พรรคเพื่อไทยได้มีการหารือกันในนามกลุ่มของพรรคเพื่อไทย และมีความเห็นว่าพรรคเพื่อไทยเป็นสุภาพบุรุษเพียงพอที่จะลืมเรื่องที่สมาชิกของพรรคภูมิใจไทยบางคนเคยทำเอาไว้ ทั้งนี้ หากจะพูดถึงเรื่องของพรรคภูมิใจไทยนั้น พรรคเพื่อไทยคิดว่าพรรคภูมิใจไทยมีอุดมการณ์และแนวทางในการทำงานที่แตกต่างจากพรรคเพื่อไทยอย่างมาก ดังนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาร่วมงานกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคอาจจะร่วมงานกันไม่ได้ แต่พร้อมที่จะรับคนจากพรรคภูมิใจไทยกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายปลอดประสพกล่าวว่า คงจะช้าเกินไป เพราะผู้สมัครก็ลงพื้นที่ครบหมดแล้ว อีกทั้งอุดมการณ์และความประพฤติก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยไม่อยากจะให้ประชาชนเกิดความสับสนว่าตกลงแล้วจะเลือกพรรคใดดี หากพรรคการเมืองรวมกันหมดแล้วเช่นนี้ อย่างไรก็ตามก็จำเป็นที่จะต้องรอดูผลการเลือกตั้งก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การตัดสินของพรรคเพื่อไทยต่อพรรคภูมิใจไทยในวันนี้ จะต้องรอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยมาตัดสินเรื่องนี้หรือไม่ นายปลอดประสพกล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ถือเป็นผู้นำของพรรคเพื่อไทย มีท่าทีของความปรองดอง ไม่มุ่งที่จะแก้แค้น แต่จะให้อภัย แต่สำหรับการร่วมรัฐบาลนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์เน้นย้ำมาตลอดว่าขอให้รอการเลือกตั้งเสร็จสิ้นก่อน แต่การไม่แก้แค้นกับการตั้งรัฐบาลนั้นถือว่าต้องแยกออกเป็นสองเรื่อง
นายปลอดประสพกล่าวต่อว่า กรณีที่ระบุว่าตนได้มีการพูดจาล่วงเกินนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนานั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันเท่านั้น และเท่าที่ผ่านมาตนก็เคยทำงานเป็นผู้ใต้บังคับบัญชามาก่อนแล้ว คงจะเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะไปล่วงเกินเช่นนั้น
วันนี้ (31 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่พรรคภูมิใจไทยได้ลงพื้นที่หาเสียงในจังหวัดนครราชสีมา โดยได้มีประเด็นว่าพรรคภูมิใจไทยต้องการจะมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ทำประชามติกับทางประชาชนว่าภายหลังการเลือกตั้งประชาชนต้องการให้พรรคภูมิใจไทยไปร่วมงานกับพรรคการเมืองใด พรรคเพื่อไทยได้มีการหารือกันในนามกลุ่มของพรรคเพื่อไทย และมีความเห็นว่าพรรคเพื่อไทยเป็นสุภาพบุรุษเพียงพอที่จะลืมเรื่องที่สมาชิกของพรรคภูมิใจไทยบางคนเคยทำเอาไว้ ทั้งนี้ หากจะพูดถึงเรื่องของพรรคภูมิใจไทยนั้น พรรคเพื่อไทยคิดว่าพรรคภูมิใจไทยมีอุดมการณ์และแนวทางในการทำงานที่แตกต่างจากพรรคเพื่อไทยอย่างมาก ดังนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาร่วมงานกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคอาจจะร่วมงานกันไม่ได้ แต่พร้อมที่จะรับคนจากพรรคภูมิใจไทยกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายปลอดประสพกล่าวว่า คงจะช้าเกินไป เพราะผู้สมัครก็ลงพื้นที่ครบหมดแล้ว อีกทั้งอุดมการณ์และความประพฤติก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยไม่อยากจะให้ประชาชนเกิดความสับสนว่าตกลงแล้วจะเลือกพรรคใดดี หากพรรคการเมืองรวมกันหมดแล้วเช่นนี้ อย่างไรก็ตามก็จำเป็นที่จะต้องรอดูผลการเลือกตั้งก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การตัดสินของพรรคเพื่อไทยต่อพรรคภูมิใจไทยในวันนี้ จะต้องรอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยมาตัดสินเรื่องนี้หรือไม่ นายปลอดประสพกล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ถือเป็นผู้นำของพรรคเพื่อไทย มีท่าทีของความปรองดอง ไม่มุ่งที่จะแก้แค้น แต่จะให้อภัย แต่สำหรับการร่วมรัฐบาลนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์เน้นย้ำมาตลอดว่าขอให้รอการเลือกตั้งเสร็จสิ้นก่อน แต่การไม่แก้แค้นกับการตั้งรัฐบาลนั้นถือว่าต้องแยกออกเป็นสองเรื่อง
นายปลอดประสพกล่าวต่อว่า กรณีที่ระบุว่าตนได้มีการพูดจาล่วงเกินนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนานั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันเท่านั้น และเท่าที่ผ่านมาตนก็เคยทำงานเป็นผู้ใต้บังคับบัญชามาก่อนแล้ว คงจะเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะไปล่วงเกินเช่นนั้น