“สุริยะใส” ระบุแม้ พท.ชนะเลือกตั้ง เอา “ทักษิณ” กลับมาจะถูกต่อต้านแน่นอน ยืนยันเวทีพันธมิตรฯ วิจารณ์ทั้ง ปชป.และระบอบทักษิณ “โหวตโน” เพื่อนับ 1 ปฏิรูปการเมือง เป็นทางเลือกที่ 3 ส่วนชะตากรรมผู้ลงสมัครเลือกตั้ง ก.ม.ม.ต้องรอ กกต.วินิจฉัย เพราะไม่เคยมีมติพรรคให้ส่งคนสมัคร คาดสัปดาห์นี้รู้ผล
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวในรายการ “ตอบโจทย์” ทางไทยพีบีเอส ถึงกรณีที่กลุ่ม นปช.อ้างถึงคำสัมภาษณ์ของตนเกี่ยวกับบทบาทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี โดย นปช.อ้างในการเคลื่อนไหวเพื่อโจมตีบทบาทของ พล.อ.เปรม แต่ตัดตอนบมสัมภาษณ์มาเฉพาะตอนใดตอนหนึ่ง ทำนองว่าประธานองคมนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติรัฐประหารในวันที่ 19 ก.ย.49 วันนั้นผู้บัญชาการสี่เหล่าทัพอยู่ที่บ้านสี่เสาฯ แต่ที่ผ่านมา พล.อ.เปรมท่านบอกว่าท่านไม่ได้เกี่ยวข้อง ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ การเมืองเมื่อก่อนรวบอำนาจ มีการคุกคาม แทรกแซงสื่อ ใช้อำนาจรัฐจัดการครอบงำประชาสังคม ตนจึงตีความว่า พล.อ.เปรมก็มีสิทธิสู้ เมื่อสถาบันองคมนตรีถูกคุกคาม หรือสถาบันถูกคุกคาม การที่ นปช.เอามาเคลื่อนไหวเพียงประเด็นเดียว เป็นการหวังผลการเมืองมากไป ซึ่งความจริงตนได้กล่าวในประเด็นอื่นๆ อีกหลายประเด็น และเมื่อปี 52 ที่ นปช.บุกบ้านสี่เสาฯ พล.อ.เปรมก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่าท่านไม่ได้เกี่ยวข้อง ตนเห็นว่าหากอำนาจรัฐจัดความสัมพันธ์กับสถาบันไม่ลงตัว มีการแทรกแซงคุกคามกันก็ลำบาก
กรณี พ.ต.ท.ทักษิณพูดถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ นายสุริยะใสกล่าวว่า เป้านั้นพุ่งไปที่อำนาจนอกระบบภายใต้การนำของ พล.อ.เปรม มีการผลิตซ้ำ เผยแพร่ในเครือข่ายเสื้อแดง ตนเห็นว่าเป็นความเห็นแก่ตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไปสรุปว่าองคมนตรีเป็นปัญหา แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ยอมรับว่าตัวเองก็เป็นปัญหาเช่นกัน การดำเนินการต่างๆ ตอนนั้นต้องการไปแทนที่เขาหรือเปล่า การทำแบบนี้ถือว่าเป็นหลุมพราง กับดักที่ทำให้ปรองดองไม่ได้ สมานฉันท์ไม่ได้ แต่วันนี้พันธมิตรฯ มองว่าปัญหามันใหญ่กว่าอยู่ที่ตัวบุคคล ปัญหาอยู่ที่ระบบการเมือง
นายสุริยะใสกล่าวว่า กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือเป็นนอมินีการเมือง ในยุคที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลปล่อยให้มีเสื้อแดงเต็มบ้านเต็มเมือง ถือว่าประชาธิปัตย์ใช้โอกาสเปลือง เมื่อตอนที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาลตอนนั้น กลุ่มเสื้อเหลืองก็ไม่ได้หายไป ถือว่ารัฐบาลทำลายโอกาสตัวเองเช่นกัน การชู น.ส.ยิ่งลักษณ์ชิงตำแหน่งนายก เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เคยลงเลือกตั้ง ต้องมาเล่นบทละอ่อนทางการเมือง ขณะที่โจทย์ที่ต้องแบกในตำแหน่งนายกฯถือว่าใหญ่มาก จะถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังจะฆ่า น.ส. ยิ่งลักษณ์หรือเปล่าที่ส่งมาชิงตำแหน่งนายกฯ
กรณีถ้าพรรคเพื่อไทยชนะแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ พันธมิตรฯ จะทำอย่างไร นายสุริยะใสกล่าวว่า โจทย์สำคัญที่ทำให้มีคนออกมาเคลื่อนไหว คือ โจทย์เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคเพื่อไทยต้องสรุปบทเรียนที่ผ่านมา ที่เคยเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียวก็ยังคว่ำมาแล้ว ต้องคิดว่าไม่ใช่เพียงชนะเลือกตั้งแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้ เพราะแรงต้านมันจะสูงขึ้น ต่อให้ตนอยู่เฉยๆ ถ้ามาพูดเรื่องเอา พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา เสื้อเหลืองก็จะกลับมาอีกรอบ
นายสุริยะใสกล่าวถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่ามีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่แปลกที่จะอ่านเกมออก จับทางกันถูก การรณรงค์โหวตโนที่ถูกระบุว่าจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์แพ้ เพื่อไทยจะชนะ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมานั้น ตอนนี้เวทีชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ ก็ยังวิพากษ์วิจารณ์ทั้งสองฝ่ายทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งระบอบทักษิณ ที่ผ่านมามีเพียงสองทางเลือก การรณรงค์โหวตโนเพื่อพยายามสร้างทางสายที่ 3 ให้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาไม่มีพรรคทางเลือก ทางสายที่ 3 ก็สร้างไม่ได้ การรณรงค์โหวตโนพยายามสร้างทางสายที่ 3 เราได้เริ่มพูด และเริ่มคิดถึงหนทางที่ต้องปฏิรูปประเทศไทย
พรรคการเมืองใหม่ตอนนี้ก็ไปลำบาก พรรคการเมืองใหม่เกิดจากพันธมิตรฯ เป็นเครื่งมือของพันธมิตรฯ เพราะกระบวนการภาคประชาชนถือว่ายืนยาวกว่าคำว่า พรรค เมื่อถึงจุดที่คนในพรรคคิดแตกต่างกับพันธมิตรฯ ก็เป็นแบบนี้ ซึ่งพรรคตั้งโดยพันธมิตรฯ ควรจะทำตามมติของพันธมิตรฯ การไม่ส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง สามารถ เว้นได้ถึง 8 ปี สำหรับนายสมศักดิ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ก็ยังถือเป็นพี่ชาย แต่เมื่อเห็นต่างกันก็ต้องปะทะกันตามกรอบของกฎหมาย ตอนนี้ตนก็ได้ร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต ที่พรรคการเมืองใหม่ไปสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ยังไม่มีมติพรรค ตนเป็นเลขาธิการพรรค ยังไม่เคยมีเอกสารการ ประชุม ตนก็ทักท้วงโดยใช้ข้อกฎหมาย ทำตามข้อบังคับพรรค ซึ่ง กกต.อยู่ระหว่างวินิจฉัย คาดว่าสัปดาห์นี้จะรู้ผล
สำหรับเรื่องความตั้งใจของตนที่อยากไปเรียนต่อในต่างประเทศ ก็ได้ไปดูมาหลายที่ ทั้งที่ชิคาโก ฮาวาย นิวยอร์ก แต่สถานการณ์เปลี่ยนไป ตนมีคดีความมากมาย ตอนนี้ต้องขึ้นศาลเกือบทุกเดือน บางคดีต้องไปถึง จ.ชัยภูมิ ซึ่งพ่อแม่ก็มีความเข้าใจเพราะติดตามข่าวสารตลอด
ส่วนกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ คนเหล่านี้ถือเป็นรุ่นพี่ ตนได้เข้าไปคลุกคลีในช่วงเหตุการณ์พฤษภา 35 ที่รามคำแหง วันนี้ก็ไม่ได้คุยกันเลย แต่ไม่ว่าจะอยู่สีอะไร ต้องเข้าใจว่าความรุนแรงไม่เคยแก้ปัญหาได้ นักประชาธิปไตยจะเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตย จะทำอย่างไรให้เป็นความหวังเพื่อประชาชน ตอนนี้ตนมาถึงวันนี้ ตนเลือกแนวทางนี้ ตอนนี้เป็นระหว่างทาง ไม่ช้าก็เร็วสังคมจะมาถึงจุดนี้ ความฝันที่ตนอยากเห็น คือ อยากให้สังคม มีความเหลื่อมล้ำน้อยที่สุด ต้องมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปกฎหมาย ตนอยากเห็นสังคมมีสิทธิเสรีภาพ คนตระหนักว่าการมีสิทธิก็มีความรับผิดชอบอยู่ สิทธิอะไรที่ทำแล้วเป็น ประโยชน์ต่อส่วนรวม สังคมต้องเรียนรู้อีกมาก นอกจากนี้ อยากเห็นการลดระดับ การปกครองโดยนักการเมือง อยากเห็นประชาชนเป็นผู้ชี้นำ สังคม ชุมชนในภาพใหญ่ อยากให้บทบาทของนักการเมืองลดลง
ต่อจากนี้ เมื่อพันธมิตรฯ รณรงค์โหวตโน คนที่ไปลงสมัครรับเลือกตั้งก็รอ กกต.ชี้ขาด หลังเลือกตั้ง พันธมิตรฯ จะใช้การรณรงค์โหวตโน เพื่อนับ 1 ตั้งต้นการปฏิรูปการเมือง เมื่อนั้นก็จะได้พันธมิตรฯ ใหม่ๆ ที่เห็นด้วยเข้ามาร่วมกระบวนการร่วมกัน