ปชป.ตีปีก “ยิ่งลักษณ์” ยอมดีเบต “มาร์ค” มอบ “บุรณัชย์” ประสานองค์กรกลางจัดเวที ฉะ “นช.แม้ว” จ้อสื่อนอก กล่าวหาทหารไทยรุกรานเพื่อนบ้าน สงสัยพูดในฐานะอดีตนายกฯของไทย หรือที่ปรึกษารัฐบาลฮุนเซน เรียกร้องหยุดบิดเบือนสร้างความเข้าใจผิด รับห่วงโพล ระบุ ประชาชนเชื่อซื้อเสียงจะชนะเลือกตั้ง ชี้ เป็นบ่อเกิดแห่งการคอร์รัปชัน
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมดีเบตกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หากเวลาเหมาะสม และเป็นประเด็นที่ประชาชนได้ประโยชน์ ว่า ดีใจที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความพร้อมหลังใช้เวลามาระยะหนึ่งเตรียมตัว โดยพรรคประชาธิปัตย์เองพร้อมที่จะประชันวิสัยทัศน์ในทุกเวที ทุกประเด็นที่ประชาชนจะได้ประโยชน์ แต่ควรจะมีองค์กรกลาง อาทิ สถาบันวิชาการ องค์กรสื่อมวลชน เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านความคิดอย่างสร้างสรรค์
ทั้งนี้ พรรคได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้ประสานงานกับองค์กรกลางดังกล่าวนั้นเพื่อกำหนดความเหมาะสมในเรื่องของเวที ระยะเวลา ที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะประชันกับพรรคเพื่อไทย
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะจัดเวทีนำเสนอวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจ ในเวลา 13.00 น.ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในหัวข้อ “เดินหน้าประเทศไทย การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่อนาคต” โดยมีบุคลากรต่างๆ อาทิ นายอภิสิทธิ์ ในฐานะตัวแทนพรรค องค์กรภาคเอกชน นักลงทุนจากต่างประเทศ นักวิชาการ เข้าร่วมด้วย
นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ นสพ.สเตรตส์ไทมส์ของสิงคโปร์ โดยพาดพิงบทบาทสถาบันทหาร และกองทัพ โดยเฉพาะบทบาทการปกป้องอธิปไตยประเทศไทย และมีหลายส่วนที่มีการพาดพิงที่ทำให้ผู้ติดตามข่าวเข้าใจว่า กรณีพิพาทไทย-กัมพูชา เป็นการกระทำที่เกิดจากการกระทำของประเทศไทยไปรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน ว่า ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคำสัมภาษณ์ของอดีตนายกฯประเทศไทย แต่น่าจะเป็นคำสัมภาษณ์ของอดีตที่ปรึกษานายกฯกัมพูชามากกว่า
นอกจากนี้ ยังมีการเคลื่อนไหวโดยใช้สื่อใต้ดิน และการปลุกระดม ทำให้เกิดคดีความมั่นคงเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกพรรคการเมืองควรช่วยกันปกปักรักษา ดำเนินการตามพันธสัญญาของ กกต.โดยไม่พูดถึงเรื่องนี้
“พรรคจึงขอเตือนคุณทักษิณให้หยุดพูดเรื่องเหล่านี้ และที่สำคัญ การพาดพิงในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดนั้นไม่ควรเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารไทม์ออนไลน์ ในฐานะพรรคการเมืองก็ไม่อยากให้พรรคการเมืองใดเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวทั้งสิ้น และเนื่องจากขณะนี้มีการเผยแพร่ความเคลื่อนไหวดังกล่าว จึงขอให้หน่วยงานของรัฐเร่งชี้แจงและทำความเข้าใจกับบทบาทของสถาบันสูงสุดที่มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทย และอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง”
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีเอแบคโพลล์ ระบุว่า ประชาชน ร้อยละ 68.7 เห็นว่า การซื้อเสียงจะมีผลต่อการชนะเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์มีความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนจำนวนมากมีความเชื่ออย่างนี้ แสดงว่า ขณะนี้ได้มีการเคลื่อนไหวที่จะซื้อเสียงขึ้นมาแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ขอต่อต้าน และคัดค้านการชนะเลือกตั้งด้วยการซื้อเสียง และอยากจะวิงวอนไปยังประชาชน ว่า ขออย่าได้สนับสนุนการซื้อเสียง เพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง เพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นในการทุจริตคอร์รัปชัน เพราะคนที่ซื้อเสียงก็ต้องหาเงินคืน คงไม่มีใครเอาเงินตัวเองไปซื้อเสียง เพราะฉะนั้นเมื่อซื้อเสียงชนะเลือกตั้ง เมื่อมามีอำนาจก็จะใช้อำนาจมาทุจริตและเอาเงินทุจริตไปซื้อเสีวงอีกถือว่เป็นวงจรอุบาทว์เกิดผลกระทบต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
“อยากบอกกล่าวไปถึงทุกพรรคการเมือง ว่า ชนะการเลือกตั้งด้วยวิธีการที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ควรชนะด้วยการซื้อเสียงเพราะจะเป็นการบ่อนทำลายการเมืองไทย ดังนั้น ผลการสำรวจดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก
ด้าน นายราเมศ รัตนะเชวง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย หาเสียง ว่า หากได้เป็นรัฐบาล จะจัดสร้างระบบยุติธรรมและสิทธิที่เป็นมาตรฐานเดียว รวมถึงต้องปรับกระบวนการยุติธรรมไม่ใช้ระบบหมาหมู่ แต่ต้องใช้เหตุผล ซึ่งต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในฐานะที่ตนเป็นนักกฎมายได้เห็นคำพูดดังกล่าวแล้ว จึงจำเป็นต้องออกมาปกป้องกระบวนการยุติธรรมและศาลยุติธรรม
นายราเมศ กล่าวว่า การพูดดังกล่าวเป็นการพูดที่ขัดกับการกระทำของพรรคเพื่อไทยโดยสิ้นเชิง ระบบยุติธรรมของไทยนั้น ถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีอยู่แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ที่การกระทำของบุคคลที่ไม่สนใจใยดีต่อกฎหมายบ้านเมืองไม่ใช่ปัญหาอยู่ที่ระบบยุติธรรมไม่ได้มาตรฐาน ระบบยุติธรรมไม่มีระบบหมาหมู่เหมือนที่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี บอก ระบบยุติธรรมที่ได้มาตรฐาน คือ ระบบยุติธรรมในช่วงระบบทักษิณใช่หรือไม่ คือการวิ่งเต้นศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่ระบบยุติธรรมเวลานี้ คือการวิ่งเต้นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้
“ที่ นายปลอดประสพ บอกว่า ต้องปรับกระบวนการยุติธรรมไม่ใช้ระบบหมาหมู่ ประชาชนทราบดีถึงระบบหมาหมู่ที่เป็นอยู่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงได้ไปข่มขู่คุกคามปิดล้อม กกต. เพื่อให้ผลการวินิจฉัยเป็นตามที่พวกหมาหมู่ต้องการนี่คือระบบหมาหมู่ การที่พรรคการเมืองใดจะพูดถึงหลักนิติธรรม หลักนิติธรรมต้องมีความเข้าใจอย่างแท้จริงไม่ใช่พูดแต่ปาก แต่การกระทำไม่ใช่หลักแห่งนิติธรรมเลย ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมจากเดิมที่อยู่ในเกณฑ์ดีอยู่แล้ว โดยไม่คิดที่จะแก้ไขกระบวนการยุติธรรมเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง”