“มาร์ค” ควง “เฮียโย่ง-ตาจ้อน-สาธิต” หาเสียง สัตหีบ พัทยา ฉะเชิงเทรา เยี่ยมโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง สวน พท.ร้องโดนแกล้ง ยัน จนท.ตั้งด่านสกัดยาบ้าตามแผน พร้อมเร่งปราบปราม ชูรถไฟชินกังเซน กทม.-ตะวันออก ทำได้ในวันแรก แขวะบางพรรคมัวแต่ล้างผิด โวพรรคไม่โกง ไม่ขี้เกียจ พร้อมสั่งเชื้อโรคห้ามป่วย
วันนี้ (29 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร นายสาธิต ปิตุเตชะ ได้เดินทางช่วยลูกพรรคหาเสียงในพื้นที่สัตหีบ พัทยา จ.ชลบุรี และ จ.ฉะเชิงเทรา โดยจุดแรกนายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมผู้อบรม และฝึกงานด้านการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ยังโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองกองทัพเรือ 3 กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 4 อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ดังกล่าวไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ หรือทำข่าวแต่อย่างไร
จากนั้นได้ออกมาพบปะประชาชนบริเวณหน้าโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง โดย นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวกับประชาชน ว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีการทำงานอย่างเต็มที่ และแก้ไขปัญหาให้ประชาชน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแล้ว แต่ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างดี ประชาชนยังเจอของแพง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้พยายามเสนอนโยบาย การแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง พรรคประชาธิปัตย์ รู้ดีเรื่องปัญหาปากท้องเป็นปัญหาใหญ่ แต่อีกอย่าง คือ ยาเสพติด ซึ่งล่าสุดนิตยสารไทม์ ได้ลงข่าวการแพร่ระบาดยาเสพติดบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ จากการมาที่โรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง และพบกับผู้ปกครอง โดยตนได้เน้นย้ำไปว่าปัญหาผู้เสพไม่ใช่เรื่องของตัวเลข แต่เป็นเรื่องชีวิตของคนหากปล่อยให้ปัญหาลุกลามอาจจะกลายเป็นปัญหาความมั่นคงของชาติได้ ซึ่งปกติเวลาที่มีการเลือกตั้งหาเสียงไม่ค่อยมีคนพูดถึงเรื่องนี้ แต่ทางพรรคเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน คือ การปราบปราม เพิ่มทีมเฉพาะกิจ และการที่พรรคเพื่อไทยออกมาร้องว่าถูกกลั่นแกล้งในกรณีที่มีทหาร ตำรวจ และประชาชน ตั้งด่านสกัดนั้นความจริงแล้ว มันคือความร่วมมือการปราบปรามยาเสพติด ตามนโยบาย 315 ที่จะต้องให้ทหารและตำรวจ และประชาชน เข้ามาร่วมมือกัน และส่งเสริมเด็ก เยาวชน ให้มีโอกาสมีพื้นที่ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ และกลับคืนสู่สังคม มีอาชีพเป็นกำลังสำคัญต่อบ้านเมืองต่อไป
อย่างไรก็ตาม ปัญหายาเสพติดลำพังรัฐบาลคงทำไม่ได้ ต้องช่วยกันสกัดกั้นปัญหาตั้งแต่ต้น และระบบบำบัดต้องเกิดจากความสมัครใจ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ผู้ติดยาเสพติดทุกคนที่เข้ามาในโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองจะต้องได้กลับเข้าสู่สังคมเพื่อใช้ชีวิตปกติ
ต่อมาเวลา 13.00 น.นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยแกนนำพรรค ได้เดินทางมาช่วยผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์หาเสียง บริเวณลานริมชายหาดพัทยาเหนือ เพื่อช่วย นางพจนารถ แก้วผลึก ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต 7 ปชป.หาเสียง โดยกล่าวปราศรัยกับตัวแทนประชาชน ตอนหนึ่งว่า ตลอด 2 ปี ไทยเป็นประเทศที่มีความสมบูรณ์และหลากหลาย พัทยา และ จ.ชลบุรี เป็นตัวอย่างที่มีทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการอยู่ในที่เดียวกัน ปชป.จึงมีนโยบายในการพัฒนาพัทยา เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้า ทั้งโครงการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่ ครม.เพิ่มอนุมัติไปปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงการเดินหน้ารถไฟฟ้าความเร็วสูง จาก กทม.มายังภาคตะวันออก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนพูดไปทั้งหมดทำได้ทันทีตั้งแต่วันแรก เพราะได้มีการศึกษาและวางรากฐานเอาไว้แล้ว ตนจึงบอกกับพี่น้องว่าอย่างเดินถอยหลังหรือนับหนึ่งใหม่ ให้เติมให้เต็มสิบไป ที่สำคัญคือ นโยบาย ปชป.ล้วนแต่เป็นปัญหาของประชาชน เพราะเราได้ยืนยันว่าการจะเดินหน้าประเทศ สร้างความปรองดอง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีรัฐบาลที่มุ่งมั่นทำงานให้กับประชาชน แต่พรรคการเมืองอื่นไม่สนใจแก้ไขปัญหาให้กับนักการเมืองก่อน จะนิรโทษกรรม จะล้างความผิด ต่างกับปชป.ที่ให้ความสำคัญสูงสุดในการแก้ไขปัญหาประชาชน ไม่คิดทำเรื่องอื่นก่อน
“2 ปีกว่าที่ผมทุ่มเททำงาน หลายเรื่องพี่น้องพอใจ หลายเรื่องผมยังไม่พอใจ เช่น การปราบคอร์รัปชันและยาเสพติด หลายเรื่องประชาชนอาจไม่สมหวัง แต่ผมยืนยันได้ว่า ปชป.ทำงานมา 2 ปีกว่าไม่โกงและไม่ขี้เกียจ ทุกวันที่ตื่นมา ผมคิดแต่จะทำงานให้ประชาชนอย่างเต็มความสามารถอย่างไร แม้แต่ป่วยยังไม่กล้า เพิ่งมาเป็นหวัดหลังยุบสภา ถ้าพี่น้องเลือกให้มาทำงานอีก 4 ปี ก็จะทำงานเต็มที่ ถ้าสั่งเชื้อโรคได้จะไม่ขอป่วย และกลางเดือน มิ.ย.ผมจะกลับมาปราศรัยใหญ่ที่จ.ชลบุรีอีกครั้ง เพื่อบอกกล่าวสิ่งที่จะทำให้พี่น้องประชาชน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว