“เสธ.หนั่น” เชิญนักวิชาการเสวนาปรองดอง “อนุสรณ์” จี้ยอมรับผลเลือกตั้ง แนะแก้กลุ่มคนและโครงสร้าง หนุนเจรจา ตั้งสภาปฏิรูปประเทศ “สังศิต” ชี้ปรองดองจุดหมายยังไม่ชัด แนะหาคนกลางประสาน ยันนิรโทษกรรมต้องไม่ยกเลิกความผิด “วุฒิศักดิ์” เชื่อถ้าทำม็อบมาแน่ วอน กกต.ชูพรรคอันดับ 1 ได้จัด รบ. “เอกชัย” แนะให้ทหารไกลเกลี่ยเหมือนต่างชาติ
วันนี้ (26 พ.ค.) ที่โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค พรรคชาติไทยพัฒนา ได้มีการจัดเสวนาโต๊ะกลมระดมความคิดเรื่องการปรองดอง ครั้งที่ 1 โดย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมระดมความคิดกับนักวิชาการ โดยนายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการสถาบันปรีดีพนมยงค์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าหลังการเลือกตั้งผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไรทุกคนต้องยอมรับ ไม่เช่นนั้นความรุนแรงก็จะเกิดขึ้นมาอีก ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความขัดแย้งของชนชั้น จึงทำให้แก้ยาก การที่จะเสนอให้นิรโทษกรรม ให้ความเป็นธรรม อภัยโทษจึงไม่พอ การแก้ไขต้องแก้ 2 ด้าน คือ แก้ความขัดแย้งกลุ่มคน และความขัดแย้งด้านโครงสร้างให้ได้ ตนมองว่าสังคมไทยสามารถปรับเปลี่ยนบ้านเมืองให้เป็นแบบสันติวิธีได้ด้วยการปฏิรูป บางเรื่องผิดแต่ต้องมาดูว่าสังคมจะให้อภัยได้หรือไม่ เพราะความขัดแย้งขณะนี้ลุกลามใหญ่โต ตนจึงสนับสนุนการเจรจา และการมองไปข้างหน้า ไม่เช่นนั้นคนไทยจะฆ่ากันเอง ยอมรับว่ากระบวนการปลุกเร้าของคนแต่ละฝ่ายมีอยู่แล้ว แต่ฝ่ายวิชาการต้องช่วยกันเตือนสติให้แก้กันที่รัฐสภา ด้วยสันติวิธี และกระบวนการปฏิรูปประเทศไทยไม่ใช่ทำได้แค่ตั้งคณะกรรมการฯ แต่ต้องตั้งสภาปฏิรูปประเทศไทย
ด้าน นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม กล่าวว่า ขณะนี้มีสัญญาณที่ดีจากฝ่ายรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยที่ต้องการปรองดอง ซึ่งเงื่อนไขมาจากการที่ทุกฝ่ายเห็นว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาไม่สามารถที่จะควบคุมได้ แต่การปรองดองก็ยังไม่มีจุดหมายที่ชัดเจน ตนจึงคิดว่าควรมีคณะบุคคลที่มีความเป็นกลาง และทั้งสองฝ่ายยอมรับมาดำเนินการในเรื่องการปรองดอง และถ้าให้ดีทั้งสองพรรคควรส่งสัญญาณพร้อมที่จะปรองดอง เพื่อนำไปสู่การปรองดองที่จะเกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง ด้วยการไม่นำมวลชนไปกดดันพรรคตรงกันข้าม ส่วนเรื่องการปรองดองและนิรโทษกรรมนั้น ไม่ใช่ว่าจะเป็นการยกเลิกความผิดของทุกคนที่เกี่ยวข้อง ผู้กระทำผิดทางการเมือง
นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า เชื่อว่าหากมีการนิรโทษกรรม ต่อไปก็จะมีคนออกมาเดินเต็มถนนแน่ แต่แนวทางปรองดองน่าจะเป็นแนวทางที่สามารถทำได้มากที่สุด เพราะความปรองดองยังอยู่บนความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ วันนี้เชื่อว่าทุกฝ่ายอยากหลุดจากความขัดแย้ง ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ว่ายังปลดไม่ออก เพราะเชื่อว่าต่อสู้เพื่อความถูกต้องและชอบธรรม การแก้ไขปัญหาจึงเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่ควรย่อท้อกับการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น เพราะการทำให้คนลืมนั้นเป็นเรื่องยาก ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เองก็ต้องช่วยกันรณรงค์ให้ทุกฝ่ายถอดเสื้อสีต่างๆ และต้องให้ทุกฝ่ายยอมรับกติกาที่ว่าพรรคที่ได้อันดับหนึ่งต้องได้เป็นพรรคในการจัดตั้งรัฐบาล
ด้าน พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผอ.สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า หากเปรียบเทียบความขัดแย้งในประเทศอื่นๆ มักจะมีทหารเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยกับตัวแทนของคนหลายๆ กลุ่มก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ ตอนนี้ไทยเองก็ควรนำมาศึกษาเพื่อที่จะช่วยทำให้เกิดการปรองดอง เพราะตอนนี้มีหลายคนถูกตั้งข้อครหาว่าแม้จะถูกชูเป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับหนึ่งเพื่อเป็นนายกฯ แต่ก็ถูกมองว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง สังคมไทยแปลกประหลาดมาก คนที่ทำรัฐประหารเพื่อต้องการประชาธิปไตย ขณะที่สังคมไทยเรียกร้องให้ทหารออกมา
วันนี้ (26 พ.ค.) ที่โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค พรรคชาติไทยพัฒนา ได้มีการจัดเสวนาโต๊ะกลมระดมความคิดเรื่องการปรองดอง ครั้งที่ 1 โดย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมระดมความคิดกับนักวิชาการ โดยนายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการสถาบันปรีดีพนมยงค์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าหลังการเลือกตั้งผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไรทุกคนต้องยอมรับ ไม่เช่นนั้นความรุนแรงก็จะเกิดขึ้นมาอีก ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความขัดแย้งของชนชั้น จึงทำให้แก้ยาก การที่จะเสนอให้นิรโทษกรรม ให้ความเป็นธรรม อภัยโทษจึงไม่พอ การแก้ไขต้องแก้ 2 ด้าน คือ แก้ความขัดแย้งกลุ่มคน และความขัดแย้งด้านโครงสร้างให้ได้ ตนมองว่าสังคมไทยสามารถปรับเปลี่ยนบ้านเมืองให้เป็นแบบสันติวิธีได้ด้วยการปฏิรูป บางเรื่องผิดแต่ต้องมาดูว่าสังคมจะให้อภัยได้หรือไม่ เพราะความขัดแย้งขณะนี้ลุกลามใหญ่โต ตนจึงสนับสนุนการเจรจา และการมองไปข้างหน้า ไม่เช่นนั้นคนไทยจะฆ่ากันเอง ยอมรับว่ากระบวนการปลุกเร้าของคนแต่ละฝ่ายมีอยู่แล้ว แต่ฝ่ายวิชาการต้องช่วยกันเตือนสติให้แก้กันที่รัฐสภา ด้วยสันติวิธี และกระบวนการปฏิรูปประเทศไทยไม่ใช่ทำได้แค่ตั้งคณะกรรมการฯ แต่ต้องตั้งสภาปฏิรูปประเทศไทย
ด้าน นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม กล่าวว่า ขณะนี้มีสัญญาณที่ดีจากฝ่ายรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยที่ต้องการปรองดอง ซึ่งเงื่อนไขมาจากการที่ทุกฝ่ายเห็นว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาไม่สามารถที่จะควบคุมได้ แต่การปรองดองก็ยังไม่มีจุดหมายที่ชัดเจน ตนจึงคิดว่าควรมีคณะบุคคลที่มีความเป็นกลาง และทั้งสองฝ่ายยอมรับมาดำเนินการในเรื่องการปรองดอง และถ้าให้ดีทั้งสองพรรคควรส่งสัญญาณพร้อมที่จะปรองดอง เพื่อนำไปสู่การปรองดองที่จะเกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง ด้วยการไม่นำมวลชนไปกดดันพรรคตรงกันข้าม ส่วนเรื่องการปรองดองและนิรโทษกรรมนั้น ไม่ใช่ว่าจะเป็นการยกเลิกความผิดของทุกคนที่เกี่ยวข้อง ผู้กระทำผิดทางการเมือง
นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า เชื่อว่าหากมีการนิรโทษกรรม ต่อไปก็จะมีคนออกมาเดินเต็มถนนแน่ แต่แนวทางปรองดองน่าจะเป็นแนวทางที่สามารถทำได้มากที่สุด เพราะความปรองดองยังอยู่บนความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ วันนี้เชื่อว่าทุกฝ่ายอยากหลุดจากความขัดแย้ง ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ว่ายังปลดไม่ออก เพราะเชื่อว่าต่อสู้เพื่อความถูกต้องและชอบธรรม การแก้ไขปัญหาจึงเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่ควรย่อท้อกับการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น เพราะการทำให้คนลืมนั้นเป็นเรื่องยาก ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เองก็ต้องช่วยกันรณรงค์ให้ทุกฝ่ายถอดเสื้อสีต่างๆ และต้องให้ทุกฝ่ายยอมรับกติกาที่ว่าพรรคที่ได้อันดับหนึ่งต้องได้เป็นพรรคในการจัดตั้งรัฐบาล
ด้าน พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผอ.สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า หากเปรียบเทียบความขัดแย้งในประเทศอื่นๆ มักจะมีทหารเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยกับตัวแทนของคนหลายๆ กลุ่มก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ ตอนนี้ไทยเองก็ควรนำมาศึกษาเพื่อที่จะช่วยทำให้เกิดการปรองดอง เพราะตอนนี้มีหลายคนถูกตั้งข้อครหาว่าแม้จะถูกชูเป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับหนึ่งเพื่อเป็นนายกฯ แต่ก็ถูกมองว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง สังคมไทยแปลกประหลาดมาก คนที่ทำรัฐประหารเพื่อต้องการประชาธิปไตย ขณะที่สังคมไทยเรียกร้องให้ทหารออกมา