xs
xsm
sm
md
lg

ชทพ.ค้านนิรโทษให้ใครคนใดคนหนึ่ง จี้ถอนรายการช่อง 11 โจมตีพรรคร่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชุมพล ศิลปอาชา  (แฟ้มภาพ)
“ชุมพล” หนุนนิรโทษกรรมกลุ่มชุมนุมทางการเมือง แต่ไม่เห็นด้วยที่จะทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย พร้อมเชียร์แก้รัฐธรรมนูญ มาตรายุบพรรค ขณะเดียวกันเรียกร้อง “องอาจ” ถอดรายการช่อง 11 โจมตีพรรคร่วมรัฐบาล ยกเว้นพรรคใหญ่บางพรรค หวั่นก่อให้เกิดการยั่วยุและแตกแยก

วันนี้ (25 พ.ค.) นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการนิรโทษกรรมว่า ขณะนี้สังคมกำลังเข้าใจผิดเรื่องนิรโทษกรรม ซึ่งเราต้องแบ่งความผิดออกเป็นความผิดทางการเมือง และความผิดจากกระบวนการยุติธรรม ซึ่งความผิดทางการเมืองพรรคชาติไทยพัฒนาเห็นมาตลอดว่าต้องคืนความเป็นธรรมสำหรับพรรคการเมืองที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเป็นความผิดที่ไม่สมเหตุสมผล ไม่เป็นธรรม

“อย่างการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชัยนาท พรรคชาติไทย โดนใบแดง แต่คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญบอกว่ากรรมการบริหารพรรคชาติไทยทั้งหมด 44 คนต้องถูกลงโทษไปด้วย กลายเป็นว่าคนคนหนึ่งทำผิดแต่ให้คนในบ้านทำผิดไปด้วย ถือว่าเป็นการอยุติธรรม แล้วยังไปรื้อบ้านเผาบ้านพรรคชาติไทยไปด้วย ถือว่าผิดเข้าไปใหญ่ ซึ่งตรงนี้เป็นต้นเหตุของวิกฤตทางการเมืองทั้งหมด พรรคชาติไทยพัฒนาจึงชูธงที่จะช่วยเหลือสำหรับคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนความผิดของกระบวนการยุติธรรม พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ติดใจ ก็ให้ดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งสองส่วนแยกออกจากการกัน”

นายชุมพล กล่าวว่า ส่วนวิธีการที่จะแก้ไขสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเมืองจะใช้วิธีนิรโทษกรรมไม่ได้ หรือจะออก พ.ร.บ.คืนโทษให้ก็ไม่ได้ ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ทางเดียว เพราะผลออกมาจากแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ในมาตรา 237 ว่าด้วยการยุบพรรค เราจึงมีจุดยืนชัดเจนต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญในบางประเด็น โดยเฉพาะมาตรา 237 วันนี้ทุกพรรคการเมืองต้องเปลี่ยนตัวกรรมการบริหารพรรคกันไปหมด ทำให้ผิดปรัชญาทางการเมือง

ส่วนการนิรโทษกรรมที่พูดๆ กันในขณะนี้ คือเรื่องเกี่ยวกับคดีอาญา เพื่อประโยชน์ของคนในเหตุการณ์ต่างๆ เช่น เหตุการณ์ปิดสนามบิน ปิดถนนย่านธุรกิจราชประสงค์ ปิดถนนราชดำเนิน ซึ่งหากใช้กรณีแบบนี้ทำได้ โดยออกเป็น พ.ร.บ.ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร และต้องไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหนึ่งบุคคลใด แต่จะต้องเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมดและในอนาคตจะตกเป็นจำเลยในเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา

“ขอให้ทุกคนปราศจากอคติ ทำเพื่อคนส่วนมาก แต่อย่าไปโยงว่าทำเพื่อคนคนเดียว และคนที่โยงไปก็ไม่ได้อยู่ในเมืองไทยด้วยซ้ำ ดังนั้นหากเพื่อคนหมู่มากก็ทำไปเถอะ”

นายชุมพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้อยากเรียกร้องให้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯช่วยถอดรายการที่จัดในช่วงค่ำของช่อง 11 ออกจากผังในช่วงเลือกตั้ง เพราะรายการดังกล่าวเป็นรายการทำให้เกิดการยั่วยุแตกแยก และทำให้การปรองดองไม่เกิดขึ้นเป็นการกล่าวหาพาดพิง ขนาดพรรคร่วมรัฐบาลยังโดนเป็นจำเลยในรายการนี้ด้วย ยกเว้นพรรคการเมืองใหญ่บางพรรค หรือพรรคของกู ดังนั้นจึงขอให้นายองอาจเข้าไปดูแล เพราะเป็นการไม่ยุติธรรมที่ใช้สื่อของรัฐไปกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่ง

ส่วนที่มีกลุ่มการเมืองออกมาเคลื่อนไหว ต่อต้านบรรดาแกนนำพรรคใหญ่ที่ออกมาปราศรัยหาเสียง ซึ่ง กกต.บอกว่ากลุ่มการเมืองไปเคลื่อนไหวถูกเนื้อต้องตัวก่อนถึงจะผิดเห็นด้วยหรือไม่ นายชุมพลกล่าวว่า อยากเรียกร้องให้บรรยากาศการเลือกตั้งเป็นไปตามธรรมชาติ ตามครรลองประชาธิปไตย การที่มีกลุ่มชนกลุ่มใดรบกวน รุกรานความสงบไม่เห็นด้วย เป็นการสร้างกระแสความตึงเครียดทางการเมืองและความปรองดองจะไม่เกิดขึ้นและคิดว่าคงไม่ต้องถึงขนาดถูกเนื้อต้องตัวก่อนแล้วจึงผิดไม่เห็นด้วย ไม่เป็นไปตามธรรมชาติไม่ควร และต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นตัวอย่าง แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา การนำเอาไข่ไปปามีแต่ความสะใจ แต่ภาพลักษณ์ของประเทศจะเสีย ฟ้องว่าประเทศไทยถอยหลังเข้าคลอง ดังนั้น อย่าสะท้อนภาพที่ไม่ดีออกไป
กำลังโหลดความคิดเห็น