เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 ไม่ว่าจะ “เฉไฉ” ขอโทษถ้าพูดตรงๆก็คือเรียกว่าจะ “ด้าน” แบบไหนก็ตาม แต่ความหมายก็คือ เจ้าหน้าที่ของอินโดนีเซียก็เข้ามาตรวจสอบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้รับการอนุญาตจาก รัฐบาลของ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และมี รมว.กลาโหมคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปเจรจารับรองเรียบร้อยแล้ว ได้ยินคำพูดของ นายกฯที่บอกว่าเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ธรรมดา ไม่ใช่ผู้สังเกตการณ์ พูดไปพูดมาชวนให้เวียนหัว ผิดไปจากที่เคยยืนยันเอาไว้จะไม่ให้อินโดฯเข้ามา แต่กลายเป็นว่าไฟเขียวให้เข้ามาจนได้
00 ก่อนหน้านี้ก็เคยย้ำว่าจะยึดเอ็มโอยู 43 เพราะจะไม่ทำให้อีกฝ่ายละเมิดข้อตกลงได้ หรือแก้ปัญหาการใช้กำลังทหาร และต่อมาก็บอกว่าจะต้องเจรจาแบบทวิภาคีเท่านั้น ไม่ให้ประเทศที่สามเข้ามายุ่ง แต่หลังจากนั้นก็มีอินโดฯเข้ามา รวมไปถึงบอกว่าถ้าไม่ถอนทหารกัมพูชาพ้น 4.6 ตารางกิโลเมตรก็เลิกคุย แต่วันนี้ฝ่ายโน้นก็ยังตรึงกำลัง มีฐานปฏิบัติการทหาร มีชุมชนเหมือนเดิม ซึ่งกำลังมีการเจรจาคณะกรรมการชายแดน(จีบีซี) ไทย-กัมพูชาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
00 มีเสียงคัดค้านว่าอย่าไปยอมรับขอบข่ายอำนาจศาลโลกที่ไปเล่นตามเกม “ฮุนเซน” ที่ขอให้ตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2505 ว่าครอบคลุมไปถึงพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตรหรือไม่ พร้อมทั้งให้ “คุ้มครองฉุกเฉิน” ซึ่งไทยก็สุภาพบุรุษเต็มที่กลับหลงเข้าไปเต็มตัว โดยว่าจ้างทนายความฝรั่งเศส เตรียมเอกสารไว้สู้คดีเต็มที่ มอบหมายให้ สุวิทย์ คุณกิตติ เป็นหัวหน้าทีมเจรจาขอเลื่อนการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ให้ กษิต ภรมย์ สู้คดีในศาลโลก แต่ข่าวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ รัฐบาลชุดนี้กำลังจะพ้นไป และ “รัฐบาลแม้ว” กำลังจะเข้ามาแทน สิ่งที่เคยเสียเปรียบอยู่แล้ว มันก็ยิ่งเสียเปรียบ เสียดินแดนถาวร เวรกรรมประเทศไทย !!
00 เริ่มเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเมื่อวานนี้ (24 พ.ค.) ฉาบฉวยก็ดูสนุกคึกคัก มีอารมณ์ร่วมดี แต่ถ้าเพ่งพินิจพิจารณาสักนิดเดียว จะเห็นทันทีว่า “หน้าตา” แบบนี้ ความรู้ ประสบการณ์แบบนี้ละหรือที่จะเป็นตัวแทนของเรา บางคนวนเวียนสมัคร วนเวียนเป็นรัฐมนตรี วนเวียนทุจริตโกงกิน บางคนใช้การเมืองทำธุรกิจได้ทั้งอำนาจ ได้ทั้งเงิน จนไม่มีธุรกิจอะไรจะสร้างความร่ำรวยได้เท่ากับ “ธุรกิจการเมือง” ได้อีกแล้ว
00 หันไปทางไหนก็จะเห็นผู้สมัครที่ไม่เป็น ลูก เมีย ผัว ส่งต่อกันเป็นทอดๆ คนพวกนี้ไม่มีความรู้สึกอับอายใดๆ ขอเพียงทำทุกทางให้ได้กลับมาอีกครั้ง บางคนแม้กระทั่งถูกสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวการเมือง แต่ก็ยัง “ชักใย” อยู่ข้างหลัง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพวกเขาเป็น “เจ้าของ” ไม่ต่างจาก “เถ้าแก่” ที่เป็นเจ้าของบริษัทอะไรสักแห่ง เพียงแต่ว่านี่คือ “บริษัทพรรคการเมือง” เท่านั้น
00 เสียงปี่กลองเชิดไม่ทันไร บางคนใจร้อนรีบโพล่งออกมาก่อน อาจเป็นเพราะความอัดอั้นความอยากที่เก็บกดอยู่ภายในทำให้ ลิ่วล้อปลายแถวอย่าง ปลอดประสพ สุรัสวดี รีบเสนอหน้าออกมาก่อนระบุว่าหาก “เพื่อแม้ว” ได้เป็นรัฐบาลก็จะแก้ไขรธน.รื้อระบบ “องค์กรอิสระ” และ “รื้อศาล” กันขนานใหญ่ ความหมายก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า องค์กรเหล่านี้ทำให้ “โจรหน้าเหลี่ยม” ต้องเป็น “สัมภเวสี” ล่องลอยมานานกว่า 5 ปี มีปากก็พูดไป ลองดูก็แล้วกัน อยากทำอะไรก็เชิญ !!