xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” เชื่อสนาม กทม.ชี้ขาดผลเลือกตั้ง ย้อนถาม “แม้ว” กลับมาแก้แค้นอะไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“อภิสิทธิ์” ไม่วิตกตัวเลขผลสำรวจคะแนนความนิยม ชี้ มีความเหลื่อมล้ำ มั่นใจสนาม กทม.จะเป็นตัวชี้ขาด มั่นใจทุกคะแนนเสียงมีผลต่อการแพ้ชนะ ฟุ้งบุกยึดพื้นที่ ส.ส. ภาคอีสานเพิ่ม เตรียมลงพื้นที่หาเสียง 28 พ.ค.นี้ แขวะ “ทักษิณ” เลือกตั้งปีนี้ไม่โกงเหมือนปี 48 ย้อนถามจะกลับมาแก้แค้นเรื่องอะไร

วันนี้ (23 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเสนอผลสำรวจตัวเลขความเป็นผู้นำระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย ว่า ต้องไปดูหลักสถิติ ทุกโพลขณะนี้ที่แพ้ชนะกัน ก็อยู่ในช่วงที่เรียกว่า นัยยะทางสถิติมันน้อยมาก เอแบคโพลล์ก็ 5% ประชาธิปัตย์นำ ด้านดุสิตโพล ทางพรรคเพื่อไทย นำอยู่ 4% มันก็อยู่ในช่วงเดียวกัน ไม่เห็นมีอะไรเลย ส่วนโพลระหว่างตนกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ตัวเลขก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ไม่มีอะไรต้องหวั่นไหว ตนดูตัวเลขเป็นเรื่องปกติมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมถึงคิดว่าการเลือกตั้งในสนาม กทม.จะเป็นตัวชี้ขาด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เพราะว่าสนาม กทม.ค่อนข้างที่จะมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น ระหว่างพรรคใหญ่ 2 พรรค และถ้าหากสูสีกันมากๆ ตัวอย่างเช่น ชนะกัน 3-4 ที่นั่งแค่ 3 เขตเลือกตั้ง ก็เปลี่ยนผลตรงนี้ ซึ่งเราก็เดินหน้าขอคะแนน ทุกคะแนนเสียง มีความหมายทั้งนั้น บัญชีรายชื่อเราก็เดินหน้าทำทุกพื้นที่ เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์จะมุ่งที่นั่ง ส.ส.ในพื้นที่ กทม.มากกว่าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นเรื่องปกติ ที่พื้นที่ภาคอีสาน ตนคาดว่าจะเดินลงพื้นที่ไปหาเสียงในวันเสาร์ที่ 28 พ.ค.หรือวันอาทิตย์ที่ 29 พ.ค.นี้ เมื่อถามว่า จะมีการลงพื้นที่แบบคาราวานค้างคืนหรือจะไปแบบเช้าไปเย็นกลับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่กำหนดการ อย่างวันนี้ (23 พ.ค) ตนได้ทำการลากิจ 3 ชั่วโมง และในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ค) ตนเองก็จะลงพื้นที่หาเสียง ในช่วงเช้าก่อนเวลาราชการ ส่วนในวันพุธและวันพฤหัสบดี นี้ ตนเองติดภารกิจ

เมื่อถามว่า ทางพรรคตรงข้ามได้มีมวลชนทำงานในพื้นที่จำนวนมาก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคทุกพรรคก็มี ตรงนี้พูดถึงหัวหน้าพรรคคนเดียว พูดถึงคนทำงานซึ่งคนทำงานก็ทำงานอยู่ตลอดเวลาในทุกพื้นที่ ทุกพรรค ตนเชื่ออย่างนั้น เมื่อถามว่า ในพื้นที่ กทม.ทั้ง 33 เขต พรรคประชาธิปัตย์มีความหวังมากน้อยแค่ไหน หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ตนคิดว่า คะแนนโดยพื้นฐานทั้ง 2 พรรคมีโอกาส เพราะห่างกันไม่มาก อย่างที่ได้เรียนให้ทราบ และโพลต่างๆ ได้บ่งชี้ว่าเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าดูจากแผนที่เขตที่ยิ่งอยู่กลางเมืองมากขึ้นเท่าไหร่ ดูคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์จะเหนือกว่า แต่พอออกไปข้างนอกก็จะเริ่มใกล้เคียงขึ้น และในบริเวณรอบนอก พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเป็นรอง เมื่อถามว่า ส.ส.กทม.คนเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ จะมีโอกาสกลับมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ของพรรคเราคนเดิมก็มีทั้งเขตรอบในและรอบนอก ทุกคนต้องทำงานหนัก ตนยืนยันว่า ผู้สมัครทุกคนต้องทำงานหนัก เมื่อถามว่า ในพื้นที่เขตดอนเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พรรคคู่แข่งมีฐานเสียงคะแนนมากกว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์จะมีนโยบายอย่างไร ในการต่อสู้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขตละคนนะครับ ตนยืนยันว่าเราได้เสนอตัวผู้สมัครแล้ว และจะไปช่วยกันรณรงค์ในพื้นที่ที่เราถูกมองว่าเป็นรองอยู่ ก็ต้องไปช่วยกันเยอะ

เมื่อถามว่า ทำไมถึงได้ให้ความสำคัญกับพื้นที่เขต กทม.ทั้งที่ภาคอีสานน่าจะเป็นพื้นที่ใหญ่ที่ทางพรรคควรจะมีการเพิ่มปริมาณ ส.ส.นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนให้ความสำคัญ และมั่นใจว่าเลือกตั้งครั้งนี้ ส.ส.ภาคอีสานของพรรคประชาธิปัตย์จะเพิ่มขึ้นแน่นอน เมื่อถามว่า จะมีความมั่นใจได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้ฟังจากการลงพื้นที่ของทีมงาน ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเพิ่มให้กี่ที่นั่ง เมื่อถามต่อว่า ปัจจัยให้ที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสานมากขึ้น หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า งานที่ทำ เพราะที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีโอกาสสื่อสารกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานมากเท่าไหร่ เนื่องจากไม่มีผู้แทน ทำให้ไม่มีโอกาสทำงานในฐานะฝ่ายบริหาร ทำให้พี่น้องชาวอีสานสัมผัสได้น้อยถึงจุดยืนถึงการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ใน 2 ปี ที่ผ่านมา นโยบายที่สัมผัสได้มาก เช่น นโยบายการประกันรายได้ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ นโยบายด้านการศึกษา เป็นที่ยอมรับ ตนมั่นใจว่าพี่น้องชาวอีสานส่วนใหญ่ เลือกนโยบายการประกันรายได้มากกว่าที่จะยกเลิก เมื่อถามว่า ในการลงพื้นที่หาเสียงในพื้นที่ภาคอีสานสัปดาห์นี้ กังวลว่าจะมีปัญหาเรื่องคนเสื้อแดงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็หวังว่าไม่มี ตนเองอยากเห็นการเลือกตั้งเรียบร้อย แต่ว่าก็อยู่ที่การกำหนดท่าทีของเขา

เมื่อถามว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย มีการแบ่งพื้นที่ในภาคอีสานกันอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้แบ่งพื้นที่กัน ต่างคนต่างรณรงค์หาเสียงกันอย่างเต็มที่ เมื่อถามต่อว่า เรื่องฐานของคนเสื้อแดงที่มีจำนวนมากในภาคอีสาน จะมีผลมากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวบ่งบอกเอง เมื่อถามว่า ที่มีความมั่นใจ เพราะว่ามีอดีตส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสาน ย้ายเข้ามาอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ส่วนหนึ่งซึ่งเป็นตัวสะท้อนจากการสำรวจการวิจัยและหลายๆ อย่าง รวมถึงตัวเลขที่ผ่าน ตัวอย่างเช่น ม.ขอนแก่น จะมีการพูดถึงเรื่องการยอมรับของนโยบาย ซึ่งมีอยู่ตรงนี้จึงเป็นจุดหนึ่ง แต่ว่าต้องใช้เวลาในการที่จะได้ ส.ส.เพิ่มเข้ามามากกว่าที่เราจะตั้งเป้าได้ในชั้นนี้

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี รู้สึกอย่างไรกับคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า “พรรคเพื่อไทยแค้น และจะกลับมาแก้แค้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และตนไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าไปแค้นอะไร และเป็นเรื่องอะไร สำหรับตนและพรรคประชาธิปัตย์ และหลายๆ พรรคขณะนี้ ไม่มีใครพูดเรื่องแค้นอะไรกันทั้งสิ้น ต้องการเดินหน้าประเทศ ก็มีอยู่แค่พรรคพรรคเดียวที่พูดเรื่องแค้น และจะแก้ไม่แก้อะไร

เมื่อถามว่า คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่บอกว่า “ถ้าแพ้ โดยไม่โกงการเลือกตั้ง” นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีโกงหรอก บอกท่านได้เลยว่าการเลือกตั้งในปีนี้ จะไม่เหมือนกับปี 48 เมื่อถามว่า ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้แสดงวิสัยทัศน์ว่า “จะแก้ไขโดยไม่แก้แค้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องไปถามทางโน้น อย่ามาถามตน เมื่อถามต่อว่า ในเวทีคนเสื้อแดง ระบุว่า จะต้องมีการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปีที่ผ่าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นเรื่องของประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และเป็นเรื่องของสื่อมวลชนที่ต้องไปสอบถามว่าเป็นอย่างไร ที่พูดถึงเรื่องไม่แก้แค้น ในขณะเดียวกัน ก็มีทางแกนนำคนเสื้อแดงที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ ได้แสดงจุดยืนเป็นอย่างอื่นมาโดยตลอด ถึงขนาดสั่งย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ต้องเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยต้องว่ากันไปกับประชาชน ตนบอกตั้งแต่ต้นว่าพรรค ประชาธิปัตย์ต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องปัญหาของประชาชน ถึงได้ไม่มีการพูดว่าแก้แค้น ไม่แก้แค้นอะไรกับใครทั้งสิ้น ก็ต้องการจะเดินหน้าเพื่อแก้ปัญหาประชาชนมากกว่า

เมื่อถามว่า ทาง นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ใช้ดุลพินิจในการพิจารณากรณีที่คนเสื้อแดงออกมาชูป้ายต่อต้านเวลาที่ไปหาเสียง ว่า ไม่เป็นความผิด เนื่องจากไม่ใช่การทำร้ายร่างการ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเป็นผู้เล่นก็ต้องเคารพกรรมการ
กำลังโหลดความคิดเห็น