เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 ในที่สุดก็เปิดโผรายชื่อออกมาให้เห็นแล้วว่าในแต่ละพรรคมีใครกันบ้าง และอยู่อันดับที่เท่าใด รับประกันความชัวร์กันขนาดไหน หลังการเสี่ยงดวงจับหมายเลขพรรคเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นวันแรกเมื่อวานนี้( 19 พ.ค.) สำหรับ ปชป.ดูแล้วไม่น่าแปลกใจเฉยๆ แต่ที่ต้อง “เบิกตาโพลง” ก็เห็นจะเป็นพรรคเพื่อไทย แน่นอน
00 เพราะในบัญชีรายชื่อ 50 อันดับต้นๆ ล้วนแน่นเอี๊ยดไปด้วย “หัวโจกแดง” ทั้งสิ้น หัวแถวนำโดย “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ อันดับ 8 อันดับ 9 ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ 19 เหวง โตจิราการ นอกจากนี้ที่น่าสนใจก็คือลำดับที่ 3 เป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ขณะที่ อดีตแคดิเดตนายกฯ คนเดิม “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หล่นลงไปอันดับ 6 แต่ก่อนหน้านั้นคืออันดับ 4 คือ เสนาะ เทียนทอง ถัดมาอันดับ 5 คือ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก
00 ความหมายก็คือ เป็นการลำดับแบบมีนัยสำคัญหวังผลทางด้านคะแนนเสียงสนับสนุนจริงๆ โดยลักษณะเป็นการบำเหน็จรางวัลให้แกนนำสำคัญของเสื้อแดง ระดับ “แม่เหล็ก” อย่าง จตุพร-ณัฐวุฒิ ที่ “เผาได้ใจนายใหญ่” จริงๆ ส่วน ฐานเสียงทั่วไปในพื้นที่ก็ต้องเน้นความแน่นอนอย่าง เสนาะในบริเวณชายแดนตะวันออกฐานเสียงเดิม เช่น ปราจีน-สระแก้ว ส่วน ประชา พรหมนอก ฉายา “อินทรีอีสาน” ก็มีความหมายอยู่แล้ว ขณะเดียวกันให้ความสำคัญ กับ เฉลิม เพราะสามารถ “เรียกแขก” มาฟังปราศรัยได้ทั่วประเทศ นี่ว่ากันเฉพาะตัวหลักๆ และรวมไปถึง “เด็กในบ้าน” ที่ขาดไม่ได้
00 ก็ต้องยอมรับว่า การจัดลำดับแบบนี้ ถ้ามองในแง่ของ “ยุทธศาสตร์” การหาคะแนนเสียงแล้วถือว่าพรรคเพื่อไทย “น่ากลัว” เป็นการผสมผสานตัวบุคคลได้อย่างลงตัว ทั้งการตอบแทนรางวัล การรักษาพื้นที่-มวลชน รวมไปถึงให้ความสำคัญกับพวก “เด็กในบ้าน” อย่างครบถ้วน ที่สำคัญเป็นการให้รางวัลในวันครบรอบ 1 ปี เผาเมืองพอดี
00 กลายเป็นว่าการประชุมครม.เมื่อวันที่ 18 พ.ค. เป็นวาระที่ไทยต้องเตรียมตัวขึ้นศาลโลกเพื่อแก้ต่างคดีปราสาทพระวิหารในกรณีพื้นที่โดยรอบ 4.6 ตารางกิโลเมตร เนื้อที่ประมาณ 3 พันไร่ ซึ่งเดิมเป็นของไทย เพราะศาลโลกตัดสินเมื่อปี 2505 ยกให้กัมพูชาเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาระยะหลังเป็นเพราะทั้งรัฐบาลและผู้นำกองทัพไทย “ไม่เอาไหน” บางคนดันมีผลประโยชน์ทำธุรกิจชายแดนกับเพื่อนบ้านก็เลยเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ใส่ใจปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามรุกล้ำเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งทำถนน มาตั้งฐานปฏิบัติการทางทหาร จ่อจมูกไทยอยู่ทุกวัน กลายเป็นลักษณะ “ครอบครองปรปักษ์” ไปแล้ว
00 นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกว่า ในวันที่ 25 พ.ค.จะส่ง สุวิทย์ คุณกิตติ เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทยไปเจรจาทวิภาคีกับกัมพูชา ที่ฝรั่งเศส ในเรื่องที่เกี่ยวกับการพูดคุยนอกรอบเพื่อหาข้อยุติในเรื่องการเลื่อนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยสมบูรณ์ซึ่งจะมีการถกกันอย่างเป็นทางการที่บาห์เรน เดือนมิถุนายน ซึ่งในวันที่ 25 พ.ค.ดังกล่าวจะมีเรื่องการเตรียมการสู้คดีในศาลโลก นั่นก็หมายความว่าเรากำลังโดดลงหลุมที่ฝ่าย “ฮุนเซน” มันวางกับดักล่อเอาไว้แล้ว
00 ที่ผ่านมามีหลายคนเคยเตือนเคนค้านมาตลอดว่าอย่าไปยอมรับอำนาจศาลโลก นั่นคือต้องปฏิเสธมาตั้งแต่ต้น เพราะอายุสมาชิกก็ได้สิ้นสุดหลังจากที่เราไม่ได้ต่ออายุมานานกว่า 10 ปีแล้ว เพราะรู้อยู่แล้วว่าเรามีแต่เสียเปรียบ กัมพูชา เพราะมีฝรั่งเศสที่สามารถโน้มน้าวประเทศอื่นๆรวมไปถึงประเทศที่มีตัวแทนเป็นคณะกรรมการมรดกโลก แต่ เราก็ยังดันทุรัง ทำให้สงสัยกันว่า สาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะ นายกฯอภิสิทธิ์ ต้องการโบ้ยไปว่าหากมีการเสียพื้นที่โดยรอบปราสาทเป็นเพราะเราพ่ายแพ้ในศาลโลก ไม่ใช่เป็นเพราะความล้มเหลวของ เอ็มโอยู 43 ในสมัย รัฐบาลปชป.ทำผิดพลาดเอาไว้หรือไม่ !!
00 ถูกต้องแล้วที่ กกต. “สดศรี สัตยธรรม” ออกมาเคลียร์เรื่องการรณรงค์ “โหวตโน” ว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ขัดขวางการเลือกตั้ง เพราะถ้าบอกว่าทำผิดกฎหมาย ก็คงเพี้ยน และคนที่พูดแบบนั้นนั่นแหละผิดเสียเอง ทั้งที่ในบัตรเลือกตั้งก็มีช่อง “ไม่ประสงค์จะลงคะแนน” อยู่ตรงมุมล่างขวา มันก็ชัดอยู่แล้ว มีแต่บางพรรค ถ้าพูดให้ตรงก็คือ ปชป.นั่นแหละ ที่กลัวว่ากระเทือนจึงเต้นเหมือน “ผีเข้า” ทุด !!