“สมศักดิ์” เชียร์เพื่อแม้วชู “ยิ่งลักษณ์” แคนดิเดตนายกฯ ชี้ทำการเมืองมีสีสัน ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น เชื่อหากได้เป็นผู้นำคงไม่ทำอะไรตามใจ เหตุถูกสังคมตรวจสอบ ระบุใครขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวมาโจมตีจะเสียหายเอง
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกที่ประชุมพรรคเพื่อไทยเสนอให้ลงเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่ออันดับ 1 ซึ่งจะเป็นผู้เสนอตัวชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองครั้งแรกที่มีการเสนอสุภาพสตรีมาเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทำให้มองเห็นถึงความก้าวหน้าของสังคมไทยอีกระดับหนึ่งของการให้สิทธิสตรี ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาสังคมไทยก็พยายามชูสิทธิสตรีในทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ หรือทหาร เพราะฉะนั้นที่มีการเสนอชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ถือเป็นพัฒนาสิทธิสตรีและความเท่าเทียมกันได้ในระดับหนึ่งทำให้มีสีสัน และ น.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจขนาดใหญ่เหมือนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อาจจะนำระบบทางธุรกิจมาทำกับการเมืองเหมือนกับสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ คิดว่าจะได้ความแปลกใหม่ประชาชนน่าจะได้มีทางเลือกและความหลากหลายมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นคนในครอบครัวชินวัตรจะทำให้ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ถ้าจะมองว่าเป็นความขัดแย้งมันก็ขัดแย้ง ขนาดนายสมัคร สุนทรเวช เป็นคนนอกครอบครัวชินวัตรก็ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินี เรื่องแบบนี้อยู่ที่ใจคนมอง คิดว่าถ้าละวางเรื่องส่วนตัวและคิดการคืนความปกติให้กับสังคมมันก็น่าจะสงบได้ ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ประชาชนจะตัดสินใจอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับประชาชน เพราะเชื่อว่าถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ชนะเลือกตั้งแล้วจะทำอะไรตามอำเภอใจคงทำได้ยาก เพราะวันนี้การเมืองเปลี่ยนไปแล้ว การเมืองภาคประชาชนแข็งแรง ในอดีตที่ผ่านมามีอดีตให้เห็นว่ารัฐบาลทำอะไรไม่ถูกต้องและประชาชนไม่เอาด้วยรัฐบาลก็ไม่สามารถจะไปได้
“อย่าไปกลัวเงาของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่าไปกลัวกับเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้น ขอให้เชื่อในพลังของประชาชนที่จะชี้นำประเทศได้ดีกว่าพรรคการเมือง”
ต่อข้อถามว่ามองอย่างไรกับการเริ่มมีขบวนการทำลายความน่าเชื่อถือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมาแล้ว นายสมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องแบบนี้แค่ขุดคุ้ยออกมาคนที่ขุดคุ้ยก็ตายตั้งแต่ยังไม่เกิดสังคมไทยรู้ดีจะเห็นได้จากเมื่อออกมาก็ถูกเบรกกันเป็นแถว คิดว่ามันไม่ใช่สุภาพบุรุษด้วย อยากเห็นทุกฝ่ายเคารพในความเป็นคนและเคารพที่มาที่ไปของแต่ละคน
“ไม่ใช่ว่าพอคนนี้มาสมัคร ส.ส.คุณก็ไปบอกว่าเขาชั่วเขาเลวไปหมด ตรงนี้ถือว่าสิ่งที่ทำลายสถาบันการเมือง ไม่มีใครทำลายสถาบันการเมืองได้ดีเท่ากับคนในสถาบันการเมืองทำกันเอง คุณไม่พูดแล้วก็ปล่อย อย่าไปดูถูกประชาชน อย่าคิดว่าประชาชนไม่รู้ เขาแยกแยะได้ ถ้าฝ่ายการเมืองมาสาวไส้ตอแยกันเองจะเป็นอันตรายต่อระบอบ”
