โฆษกพันธมิตรฯ ชู 3 เหตุ “ยิ่งลักษณ์” ชนะเลือกตั้งแล้วไม่วุ่น “นช.แม้ว” ต้องเข้าคุก-หยุดจาบจ้วงสถาบัน-เลิกคอร์รัปชัน ชี้ตัวอย่างการเมืองล้มเหลวเอาญาติพี่น้องตัวเองนั่งทำพรรคไม่ใช่สมบัติประชาชน สับเด็ก ปชป.โต้นักการเมืองไม่ได้เลวแค่ป้องพวกตัวเอง วอนร่วมโหวตโน ส่งสัญญาณปฏิรูป ย้ำพาพี่น้องไปรณรงค์วันสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แน่ ฉะพวกขู่ปลดป้ายแค่เอาใจแก๊งการเมือง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมส่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย เป็นผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทั้งยังมีการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ว่าจะกลับมาประเทศไทยภายในปลายปีนี้ว่า การที่นักโทษชายทักษิณจะกลับมาหรือไม่นั้น ไม่ได้มีใครไปห้าม สามารถกลับเข้าสู่ประเทศได้ตลอดเวลา แต่เป็นนักโทษชายทักษิณเองที่ตัดสินใจหนีคดีหลบออกนอกประเทศ ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกฯ ประเทศคงจะไม่สงบ และมีความวุ่นวายเหมือนเดิม ยกเว้นเงื่อนไข 3 ประการ คือ 1.การกลับมาของ นช.ทักษิณนั้นจะต้องเคารพในหลักนิติรัฐนิติธรรม ซึ่งกระบวนการยุติธรรมก็ได้สิ้นสุดไปเรียบร้อยแล้ว 2.ต้องหยุดขบวนการทั้งในพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีลักษณะการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ 3.ต้องหยุดพฤติกรรมการทุจริตคอร์รัปชัน
“เพียง 3 หลักการนี้ หาก นช.ทักษิณต้องการกลับมาก็จะไม่มีใครว่าอะไรได้ โดยต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอันพึงจะต้องได้รับ” นายปานเทพกล่าว
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า เมื่อมองอีกมุมหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า พรรคการเมืองไม่ได้เป็นสมบัติของประชาชนอย่างแท้จริง แต่กลายเป็นว่าผู้มีอิทธิพลในพรรคสามารถกำหนดชี้ขาดให้ญาติพี่น้องของตัวเองมาเป็นหัวหน้าพรรคหรือคู่ชิงนายกฯ ได้ นี่คือตัวอย่างของการเมืองที่ล้มเหลว รวมทั้งในฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ที่มีความพยายามโน้มน้าวว่านักการเมืองไม่ได้เลวทุกคนนั้น ก็เป็นเพียงคำกล่าวอ้างของนักการเมืองในระบบที่พยายามปกป้องคนในกลุ่มอาชีพของตัวเองทั้งสิ้น ไม่ต่างจากการยกมือสนับสนุนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้ง แม้ว่าบางคนจะถูกชี้มูลโดย ป.ป.ช.ก็ตาม แสดงให้เห็นว่าระบบพรรคการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ของพวกพ้องนั้น ไม่สามารถที่จะเอื้ออำนวยให้เกิดการปฏิรูประบบคนดีในสภาผู้แทนราษฎรได้ และจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง จึงเป็นสาเหตุที่ประชาชนต้องร่วมมือกันรณรงค์กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน เพื่อส่งสัญญาณการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่
“การโหวตโน คือการไม่ทำบาปทำร้ายประเทศชาติ และยังถือเป็นการทำบุญให้แก่ประเทศ โดยไม่ส่งเสริมพรรคการเมืองข้างใดข้างหนึ่งที่จะนำเสียงของเราไปแอบอ้างในการทำร้ายประเทศ หรือปล่อยให้คนชั่วมาปกครองบ้านเมือง” นายปานเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 19 พ.ค.ซึ่งเป็นวันแรกของการรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทางพันธมิตรฯ จะยังคงไปรณรงค์โหวตโนที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ด้วยหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า จะมีการไปรณรงค์โหวตโนที่ที่สมัครด้วย ส่วนกิจกรรมอื่นๆ นั้นกำลังอยู่ระหว่างสรุป โดยอย่างน้อยก็จะมีสัญลักษณ์โหวตโน เพื่อเชิญชวนประชาชนไปแสดงความครึกครื้นร่วมกับพรรคการเมืองอื่นที่ไปลุ้นจับเบอร์กัน แต่ของเราไม่ลุ้นจับเบอร์ แต่เป็นการรณรงค์ให้กาในช่องไม่ลงคะแนน ในส่วนของการออกให้ความรู้กับประชาชนทั่วประเทศนั้น ยังคงทำอยู่ แต่เป็นในลักษณะของการไปร่วมกับเวทีที่จังหวัดนั้นๆ จัดขึ้น เพื่อความสะดวกของวิทยากร เพราะหากเราเป็นผู้จัดเองเสียเอง ก็คิดว่าจะสิ้นเปลืองกำลังคน เพราะแต่ละจังหวัดก็มีการรณรงค์ที่แตกต่างกันไป และด้วยระยะเวลาเท่านี้ คงทำไม่ทันและไม่ได้ทั่วถึง
เมื่อถามถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่เตรียมตักเตือนและให้ปลดป้าย “อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา” ออก เนื่องจากมีภาพไม่เหมาะสมนั้น นายปานเทพกล่าวว่า ตอนนี้มีเพียงข่าว ไม่ได้มีการประสานงานมา เหมือนเป็นกระบวนการเอาใจนักการเมืองโดยที่ไม่มีนักการเมืองคนไหนกล้าแสดงตนว่าเดือดร้อน หรือหากมีก็ขอให้ระบุด้วยว่าภาพสัตว์ตัวใดที่ทำให้เดือดร้อน
ขณะที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า นักการเมืองเกือบทั้งสภาไม่สนใจต่อการเสียบ้านเสียเมือง และเลือกตั้งครั้งนี้ก็จะกลับมาเกือบทั้งหมดเช่นกัน การที่ไม่สนใจต่อการเสียบ้านเสียเมืองนั้นจะบอกว่าเป็นคนดีได้อย่างไร เมื่อเข้ามาก็ทำตัวเหมือนเก่า ไม่ทำหน้าที่ตามบทบาทของตัวเอง ทำให้ปัญหาของชาติก็ยังคงอยู่ต่อไป โดยเฉพาะปัญหาการสูญเสียดินแดน