“สนธิ” ถาม “อภิสิทธิ์” เอาสมองส่วนไหนคิด 500 คนในสภา จะแก้ปัญหาชาติ เปรียบ ปชป.และพวก เป็นปลวกคอยแทะเสาบ้านใกล้พัง แต่กลับร้องบอกให้ระวัง “เพื่อไทย-เสื้อแดง” ที่ถือขวานรอจามบ้าน ทั้งที่เลวเหมือนกัน ท้าเอาปืน-อำนาจ มาให้จะปฏิวัติล้างทั้งปลวก-คนถือขวาน ฉะ “กอร์ปศักดิ์” วัวลืมตีน ได้ดีเพราะการเมืองข้างถนนแล้วกลับมาดูถูก ชี้ป้ายรูปสัตว์ประจานยังน้อยไป ย้ำโหวตโนได้ล้างแค้นนักการเมืองสัตว์นรก พร้อมสลายชุมนุมอย่างภูมิใจ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล”
เวลา 21.10 น.วันที่ 15 พ.ค.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรีประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยบนเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า วันนี้มีคนของพรรคประชาธิปัตย์หลายคนออกมาพูดผ่านสื่อ จึงอยากอธิบายเพื่อเตือนสติอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ ให้เห็นที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไร กรณีที่ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ บอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ตัดสัมพันธ์กับคนเสื้อเหลืองแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกันแล้วนั้น ก็เพราะต้องการจะสื่อถึงคนที่จะลงคะแนน ว่า พรรคประชาธิปัตย์ตัดสายสัมพันธ์ กับคนเสื้อเหลืองได้ ขณะที่พรรคเพื่อไทย ยังไม่ตัดสัมพันธ์กับคนเสื้อแดง ก็แสดงว่า พรรคประชาธิปัตย์มีคุณงามความดีมากกว่าพรรคเพื่อไทย
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ความเป็นจริงแล้ว สีเสื้อไม่มีความหมาย ที่เราใส่เสื้อเหลืองก็เพราะว่า ช่วงปี 2547-2549 สถาบันพระมหากษัตริย์ ตกอยู่ในอันตรายจากการจาบจ้วงของพรรคไทยรักไทย และพวกซ้ายจัดที่อยู่เบื้องหลังพรรคนี้ แล้วไม่มีใครออกมาปกป้อง แม้แต่คนจากพรรคประชาธิปัตย์ วันที่รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ถูกถอดออกจากช่อง 9 และวันรุ่งขึ้นมีการแถลงข่าวที่บ้านพระอาทิตย์ ตนได้ใส่เสื้อเหลืองที่มีข้อความว่า “เราจะสู้เพื่อในหลวง” ด้วยจิตวิญญาณ ความรู้สึก และองค์ความรู้ที่ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์กำลังถูกพรรคไทยรักไทยรุกฆาตด้วยวิธการที่แยบยล ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ได้แต่ซุกตัวเองอยู่ในุมมหนึ่งของสภา กระบวนการลุกขึ้นมาสู้เพื่อในหลวงเกิดจากจิตวิญญาณและสัญชาตญาณที่เรารู้ แต่ก็มีคนมากล่าวหาว่า เพราะเราต้องการขายเสื้อ มีขบวนการใส่ร้ายป้ายสีว่าจะออกมาสู้ทำไม ในหลวงท่านสบายดี ไปยุ่งอะไรกับท่าน แต่ที่เราต้องออกมาสู้ก็เพราะท่านไม่มีปากมีเสียง แล้วทำไมช่วงที่มีการเผาบ้านเผาเมืองเมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลและทหารออกมาเปิดเผยว่ามีขบวนการล้มเจ้า แสดงว่า เราเห็นเหตุการณ์ก่อนและที่เราทำเพราะเราเห็นว่าภัยมาถึงแล้ว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ที่เอาเรื่องนี้มาพูดก็เพื่อโยงถึงเรื่องโหวตโน ซึ่ง นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ก็พูดในที่สัมมนาผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต่างจากนายกอร์ปศักดิ์ รวมทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่บอกว่า มีคน 500 คน อาสาเข้าไปทำงานให้ชาติในสภา นายอภิสิทธิ์กำลังบอกว่า ถ้ามีคน 500 คนเข้าไปในสภาแล้วปัญหาของชาติจะจบสิ้นไป ไม่รู้ว่าเอาสมองส่วนไหนคิด ก็เพราะ 500 คนนี้ไม่ใช่หรือที่ทำให้บ้านเมืองพินาศฉิบหายจนทุกวันนี้ นายอภิสิทธิ์ กำลังบอกว่า ส.ส.คือ ทางออกของชาติ ขณะที่เราบอกว่า ส.ส.คือ สัตว์นรกที่ทำชาติบ้านเมืองฉิบหาย ถ้าอุปมาอุปมัยประเทศไทยเป็นบ้านหลังหนึ่ง พวกเรานั่งอยู่ในบ้านเห็นโจรที่ต้องการสถาปนารัฐไทยใหม่ถือขวานจะวิ่งเข้ามาจามบ้านเรา คนพวกนี้เราไม่กลัวเพราะเรามองเห็น และเราจ้องอยู่ตลอดเวลา มันวิ่งเข้ามาเมื่อไหร่เราก็พร้อมออกไปสู้ แต่ขณะเดียวกัน ที่เสาบ้านมันมีปลวก คือ นักการเมืองชาติชั่ว ซึ่งหมายถึงนักการเมืองทุกพรรค ไม่เว้นพรรคประชาธิปัตย์ คอยกัดกินเสาบ้านอยู่ เผลอๆ คนถือขวานยังไม่ได้วิ่งเข้ามาเลย บ้านที่เราปกป้องอยู่ก็พังไปแล้ว แล้วพวกที่เป็นปลวกก็บอกว่าให้พวกเราระวังคนถือขวานแล้วปล่อยให้พวกมันกินเสาบ้านต่อ นั่นก็คือ วาทกรรม “ไม่เลือกเราเขามาแน่”
นายสนธิ กล่าวว่า ตั้งแต่เรามีพรรคการเมืองมา เพิ่งมีพรรคไทยรักไทยที่สะท้อนว่าเป็นคนถือขวานจะเข้ามาจามบ้าน แต่เรามีปลวกที่เราไม่คิดว่าจะเป็นปลวก หลงเชื่อว่า เป็นไม้สักเนื้อดี หารู้ไม่ว่ามันแทรกอยู่ข้างใน คอยกัดกินเนื้อไม้อยู่ตลอด การคอร์รัปชันเป็นปลวก การไม่รักษาดินแดนเป็นปลวก การไม่มีหลักนิติรัฐนิติธรรมเป็นปลวก ซึ่งมันมีมานานแล้ว แต่เรามัวแต่ไปจ้องคนถือขวาน แล้วปลวกมันก็กัดกินไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นคนถือขวานกับปลวกมันชั่วพอๆ กัน
“เรามีทางออกทางไหนบ้าง เราไม่มีปืน เราไม่มีอำนาจ แล้วยังมีคนมาเที่ยวกล่าวหาเราว่าเชื้อเชิญการปฏิวัติ ผมอยากจะบอกว่า เอาปืน เอาอำนาจมาสิ ผมจะปฏิวัติเดี๋ยวนี้เลย ผมจะล้างแผ่นดิน ทั้งปลวกและคนถือขวาน จะล้างให้หมดจด ผมจะตามล้างตามเช็ดพวกสัตว์นรกที่ทำร้ายประเทศมาตั้งนาน เอา คุณวีระ คุณราตรี กลับมา และจะให้ นายฮุนเซน รู้ว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้งเรื่องพระยาละแวก แต่ขณะนี้เราเป็นแค่ประชาชนที่รักชาติรักแผ่นดิน เราทำได้แค่ออกมาประท้วง”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า นายชำนิ ได้พูดในวงเสวนาพรรคพวกเขาที่เคยหนีเข้าป่า ว่า การเมืองไทยที่ยุ่งทุกวันนี้ เพราะมีการเมืองข้างถนน ไม่เป็นผลดีต่อชาติ มีอะไรควรจะเอาเข้าใปในสภา ไปเปลี่ยนแปลงในสภา แต่ในข้อเท็จจริง ในเมื่อสภาเป็นสภาโจร มีแต่เอาของโจรมาแลกเปลี่ยนกันไปมา ของโจรก็คือของที่ปล้นมาจากชาติบ้านเมือง ทำไม นายบรรหาร ศิลปอาชา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และทุกพรรคจึงอยากร่วมรัฐบาล ก็เพราะจะใช้ความชอบธรรมจากการเป็นรัฐบาลในการปล้นชาติบ้านเมือง
คนของพรรคประชาธิปัตย์ กำลังบอกว่า เราเล่นการเมืองข้างถนน ก็ไม่ใช่เพราะการเมืองข้างถนนตอน 14 ตุลาฯ ไม่ใช่หรือ เราจึงเริ่มปฏิรูปการเมืองได้ ไม่ใช่เพราะการเมืองข้างถนนช่วงปี 48-49 หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงต้องออกไประเหเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ไม่ใช่เพราะการเมืองข้างถนนหรือ รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จึงไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ การเปลี่ยนแปลงล้วนมาจากข้างถนนทั้งสิ้น เพราะการชุมนุมข้างถนนที่สันติอหิงสาเป็นพลังแห่งธรรม ไม่ใช่การทำลายล้าง หรือเผาบ้านเผาเมือง เป็นพลังบริสุทธิ์ที่เปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้ และเรากำลังจะใช้พลังบริสุทธิ์นี้เปลี่ยนแปลงด้วยการโหวตโน
นายสนธิ กล่าวต่อว่า หลังจากการโหวตโนแล้วจะเปลี่ยนแปลงได้แค่ไหนนั้น ยังไม่รู้ แต่อย่างน้อยที่สุดคนที่ไม่เห็นด้วยกับสัตว์นรกจะได้ใช้สิทธิของเขาสักครั้งหนึ่ง เมื่อก่อนเขาเข้าคูหาไปใช้สิทธิในการหย่อนบัตร 4 วินาทีก็หมด แต่ครั้งนี้เขาจะใช้ 4 วินาทีด้วยความสะใจบ้างที่จะไม่เลือกใครเลย พันธมิตรฯ และประชาชนที่โหวตโน มีจิตใจบริสุทธิ์ไม่ยึดถือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีรวะ ไม่ยึดถือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ยึดถือนายบรรหาร ศิลปอาชา แต่ยึดถือความถูกต้อง ยึดถือว่าในสภาวันนี้มีแต่สัตว์นรกที่เข้าไปปู้ยี่ปู้ยำชาติบ้านเมือง คนที่โหวตโนเขาไม่ยอมให้สิทธิของตัวเองไปแปดเปื้อนมีราคีกับสิ่งสกปรกโสมมของการเมืองไทย
นายสนธิ กล่าวว่า ในวันที่ 26 มิ.ย.ที่กรรมการมรดกโลกจะตัดสินออกมาว่าจะให้เขมรได้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกหรือไม่นั้น เราจะเก็บข้าวเก็บของกลับบ้านด้วยความภูมิใจที่เรามาสู้โดยไม่เสียชาติเกิด ตรงนี้ต่างหากที่เราสามารถไปพูดกับลูกหลานได้ว่านอกจากเราเคยเข้าไปนอนในทำเนียบ เคยฝ่าแก๊สน้ำตาแล้ว เรายังเคยออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินและปฏิเสธการเมืองสัตว์นรก แค่นี้เราก็ภูมิใจ ขณะที่พวกนักการเมืองสัตว์นรกเมื่อแก่เฒ่าลงไปมันจะมีแต่ความทุกข์ระดมขมขื่นใจไปบอกลูกหลานมัน
กรณีที่ นายแพทย์ บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า การขึ้นป้ายรณรงค์การโหวตโน และมีรูปสัตว์ คือ การสื่อสารในทางลบ เป็นการปลุกระดมว่านักการเมืองมีแต่คนชั่วทั้งที่ความจริงแล้วทุกวงการมีทั้งคนดีและไม่ดีนั้น นายสนธิ กล่าวว่า ถ้ามีคนดีจริง ต้องดีต่อชาติบ้านเมือง และถ้าดีต่อชาติบ้านเมือง คนดีในพรรคประชาธิปัตย์ปล่อยให้รัฐบาลโกงชาติบ้านเมืองโดยไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อย่างไร ถ้าดีจริงทำไมไม่ลุกขึ้นมาเรียกร้องให้นำตัว นายวีระ และ นางสาวราตรี กลับมา ทั้งสองคนถูกจับบนแผ่นดินไทย และยังติดคุกเขมรอยู่ แต่พวกคุณไม่สนใจ นอกจากสนใจว่าจะได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาอย่างไร ถ้าคุณดีจริงทำไมเวลาพรรคมีมติที่เลวร้ายออกมา คุณจึงยกมือให้ แสดงว่า คุณไม่ใช่คนดีแล้ว เพราะฉะนั้นป้ายที่เห็นยังน้อยไปด้วยซ้ำ
นายแพทย์ บุรณัชย์ บอกว่า การรณรงค์ให้โหวตโนได้สร้างปมปัญหาใหม่เห็นได้จากพรรคการเมืองใหม่ ที่ขัดแย้งกับพันธมิตรฯ เรื่องโหวตโน นายสนธิ กล่าวว่า แสดงว่า นายแพทย์ บุรณัชย์ ยังไม่เข้าใจความเป็นไปในพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ที่เต็มไปด้วยเปรต และคนที่กระสันต์อยากจะลงสมัคร ส.ส.อยากลงไปว่ายในน้ำเน่า และกินขี้ที่เขาวางไว้ เพราะฉะนั้นเราไม่เห็นด้วยกับการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง และเราจะโหวตโน ถ้าจะพูดถึงพรรคการเมืองใหม่ ไม่ใช่การขัดแย้งกับเรา เพราะขณะนี้พรรคการเมืองใหม่ก็เป็นสัตว์ประเภทหนึ่งเหมือนพรรคประชาธิปัตย์ พวกเราเป็นมนุษย์เราไม่ยุ่งกับอสุรกายอยู่แล้ว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ทฤษฎีที่ชอบพูดกันมันเริ่มจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ.ที่ว่า ทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง คือ ตัวป่วนชาติ ตนเห็นใจ เพราะคนบางคนเป็นนายพลด้วยการจับสลาก ผบ.ทบ.ของประเทศไทยหาได้น้อยคนมากที่มีปัญญา เพราะถ้ามีปัญญาต้องรู้ว่าความดีความชั่วอยู่ที่ไหน ต้องแยกแยะเป็น ถ้าแยกแยะไม่เป็น ก็ไม่สามารถอ่านเกมออก ดูไม่ออกเลยว่าเราเล่นการเมืองข้างถนน เราเล่นเรื่องอะไรบ้าง ครั้งแรกที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เป็นการจุดประกายให้คนที่ยังไม่มีความกล้า รวมถึงพวกอีแอบประชาธิปัตย์ออกมาร่วมด้วย เป็นการจุดเทียนเล่มแรก ต่อมาเราก็ชุมนุมที่สนามหลวงเมื่อเทียนจุดติด จนเกิดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แม้วันนี้จะเหลือแกนนำ 4 คน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ เพราะสัจธรรมบอกว่าคนเราย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา และประโยชน์ที่ถูกหยิบยื่นมาให้
เราชุมนุมช่วงนั้นเพราะว่าเราต่อต้านการโกงบ้านกินเมืองของทักษิณ ชินวัตร ที่เข้ามาครอบงำองค์กรอิสระ จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง หมดจากวันนั้นไปมีการยึดอำนาจวันที่ 19 ก.ย.เราก็ถอยออกมาหวังว่าคณะรัฐประหารชุดนั้น จะสามารถแก้ปัญหาชาติได้ แต่มันกลายเป็นสมบัติผลัดกันชม หลังจากนั้น 1 ปี มีการเลือกตั้ง วันนี้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหารที่ออกมาบอกเหตุผล 4 ข้อในการยึดอำนาจ ก็ไปเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เมืองไทยของปลอมมันเยอะ ของจริงมันต้องทนต่อการเสียดสี ทองแท้ต้องทนต่อการขูดขีด พอนายสมัครมาเป็นนายกฯ เหตุผลข้อเดียวที่เราออกมาประท้วง คือ เขาจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทักษิณกลับมาโดยไม่มีความผิด พรรคฝ่ายค้าน คือ ประชาธิปัตย์ตอนนั้นก็เสียงน้อยกว่า เถียงสู้เขาไม่ได้ แต่การเมืองข้างถนนนี้แหละที่ออกมาสู้
ขอให้ นายกอร์ปศักดิ์ จำไว้ การเมืองข้างถนนนี่แหละที่ทำให้คุณมีอำนาจ แต่พอมีอำนาจคุณก็เป็นวัวลืมตีน เป็นคางคกขึ้นวอ บอกว่า การเมืองต้องเข้าไปพูดกันในสภา อย่ามาเล่นข้างถนน อุปมาอุปมัยเหมือนเมื่อก่อนคุณไม่มีข้าวกิน พวกเราก็มีข้าวเหนียวไก่ย่างกินกันตามประสาแล้วแบ่งให้คุณกิน วันนี้พอคุณมีอำนาจวาสนาเพราะคดโกงเข้าไปได้ไปกินโต๊ะจีน ก็มาบอกว่า จะกินข้าวต้องมีช้อนมีส้อม อย่าใช้มือกินเพราะถือว่าเป็นคนระดับต่ำ
นายอภสิทธิ์ บอกว่า บ้านเมืองต้องพึ่งคน 500 คน แก้ไขปัญหาชาติ ถ้าพึ่งได้จริงๆ เราคงไม่ต้องเสียดินแดน นายฮุนเซน คงไม่เหิมเกริมขนาดนี้ ข้าวของคงไม่แพงอย่างทุกวันนี้ แต่เป็นเพราะโจร 500 เข้าไปเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง ตั้งแต่ตนเห็นนักการเมืองมา ยังไม่เห็นนักการเมืองคนไหนที่คิดว่าจะเป็นความหวังได้เท่ากับนายอภิสิทธิ์ ที่คิดว่าจะเข้ามาทำให้การเมืองสะอาดได้ ซึ่งการทำให้การเมืองสะอาดนั้น มีได้ทางหนึ่งคือเริ่มจากผู้นำประเทศ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ทำได้ เพราะมีชาติตระกูลดี มีการศึกษาดี แต่กิเลสมาบังตา ละเลยมวลชนที่พร้อมจะสนับสนุนให้เขาลุกขึ้นมาสู้กับพรรคร่วมรัฐบาลหลายๆ พรรค มีทางสู่สวรรค์ให้เข้าเลือก แต่เขาไม่เลือก เขากลับเลือกทางสู่นรก แล้วจะมาโทษคนอื่นได้อย่างไร
วันนั้นเราพร้อมสนับสนุนเขา ยืนอยู่ข้างหลังเขา ถ้าคนอย่างเขาไม่กลัว ไม่ยึดติดในหน้าที่ ไม่หลงใหลว่าการเป็นนายกคือการสำเร็จความใคร่ของตระกูล ถ้าเขาพร้อมที่จะตัดสินใจแม้จะต้องออกจากนายกฯ ในวันนั้น เมื่อมาถึงวันนี้คนทั้งประเทศจะสนับสนุนให้เขาเป็นนายกฯ ต่อไปอย่างล้นหลามที่สุด
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ระบอบการเมืองที่เป็นอยู่ คือ เผด็จการรัฐสภาของนายทุน พันธมิตรฯ ไม่ได้ออกมาไล่รัฐบาลของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เราสู้เพื่อให้มีการปฏิรูปการเมือง เป็นแนวคิดที่เราไม่เคยเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่เราเริ่มชุมนุมที่ลานพระบรมรูป เราพูดมาตลอดว่าเราไม่เอาการเมืองสัตว์นรก ที่นายแพทย์บุรณัชย์บอกว่า เราใช้คำพูดแรง แต่ถ้าเราดูพฤติกรรมของนักการเมืองที่โกงกินปล้นชาติโกหกหลอกลวงแล้ว เราคิดว่าสัตว์ที่เราติดป้ายยังดีกว่านักการเมืองไทยด้วยซ้ำ
อย่ามาถามว่าโหวตโนแล้วอะไรจะเกิดขึ้น เราไม่สน แต่เป้าหมายหลักของเราจะเดินหน้าโหวตโนลูกเดียวก่อน เราต้องทุ่มเทจิตใจร่างกายเพื่อโหวตโน ให้การศึกษาประชาชนทั่วประเทศ เป็นโอกาสเดียวที่จะแก้แค้นนักการเมืองสัตว์นรก แล้วค่อยเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม วันที่เราเลิกชุมนุมแล้วกลับบ้าน ตรงนั้นต่างหากที่เราจะสามารถบอกลูกหลานว่าเราไม่เสียชาติเกิดและเราก็ไม่เสียชาติเกิดจริงๆ