“ชวน” บรรยายสอนบรรดาว่าผู้สมัคร ส.ส.ปชป.ให้เชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตยและรัฐสภา พร้อมแนะให้นักการเมืองเป็นคนรักษาคำพูด
วันนี้ (14 พ.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ บรรยายในการสัมมนาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในหัวข้อ “ทางเลือกประเทศไทย” ว่า ขอให้กำลังใจ ส.ส.เก่าให้ได้เป็นอีกสมัย ส่วน ส.ส.ใหม่ก็ขอให้ได้ แพ้ชนะไม่ได้ทำให้ตาย ดีไม่ดีอาจจะตายก่อนเลือกตั้ง ปัจจุบันนี้เราเข้าใจสภาพการของบ้านเมืองได้ว่า เรามองการเมืองในทางลบเพราะเราไปหยิบยกเฉพาะกรณี ของบางคนบางกลุ่มมาเป็นมาตรฐาน ทำให้ประชาชนมองผู้แทนฯในทางลบ ทุกวันนี้ใครเป็นรัฐบาลต้องมีเสียงข้างมาก เพราะต้องผ่านกฎหมายของรัฐบาลเอง ซึ่งไม่เหมือนระบบประธานาธิบดีที่ไม่ต้องพึ่งเสียงข้างมาก ดังนั้น ส.ส.จึงมีหน้าที่รับผิดชอบเยอะมาก นอกจากนี้ ถ้าเรายึดได้ว่าบ้านเมืองมีทั้งคนดีและไม่ดี การเมืองก็เหมือนวงการอื่นๆ ไม่ต่างกัน ทุกวงการมีทั้งคนดีและไม่ดี เมื่อตัดสินใจมาทำงานการเมืองเราก็ต้องมีความเข้าใจให้ลึกซึ้งและต้องมีความชื่นชมต่อระบบของเรา เพราะนี่คือทางเลือกของประเทศไทยที่เขาเลือกมาให้แล้ว เป็นระบบที่มีพระเจ้าแผ่นดินเป็นประมุข การเลือกตั้งไม่ใช่เป็นตัวบ่งชี้ทุกอย่าง ไม่ใช่ใครมีเงินซื้อก็ถือว่ามีความชอบธรรม เราต้องเชื่อมั่นในแนวทางประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แน่นอนใครมีเสียงมากก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้แปลกอะไร เมื่อตัดสินใจเป็นนักการเมืองต้องมีความเชื่อมั่นศรัทธาต่อระบอบนี้ และเคารพกฎเกณฑ์กติกา และระมัดระวังอย่าคิดว่าสุจริตแล้วจะปลอดภัยทุกเรื่องไม่จริง อย่าวางใจเพราะจะมีขบวนการที่เขาทำ เราอย่าประมาท อยากเตือนด้วยความเป็นห่วงเราคุมคนซื้อคนโกงเลือกตั้งยาก คุมได้แต่คนสุจริต นอกจากนี้ อย่าทำให้ประชาชนหดหู่ด้วยการประณามระบอบประชาธิปไตยเอง
นายชวนกล่าวว่า สิ่งที่คนไทยไม่เคยรู้เลย คือ ธุรกิจการเมืองจะมาทำลายระบอบประชาธิปไตยได้ ถ้าองค์กรทั้งหลายไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง มีความแตกแยกสามัคคีคนในชาติ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ วันนั้นฝ่ายนิติบัญญัติก็มีอันเป็นไปด้วย ทั้งนี้ ระบบธุรกิจการเมืองที่ซื้อฝ่ายนิติบัญญัติ องค์กรอิสระ ข้าราชการ สื่อมวลชน เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ เราจึงมีหน้าที่พูดความจริงกับประชาชน ซึ่งต้องกล้าบอกความจริงว่าระบอบประชาธิปไตยที่เราเลือกแล้วอุปสรรคปัญหาในช่วง 80 ปีคืออะไร การยึดอำนาจเหตุการณ์นั้นได้ผ่านไปแล้ว ซึ่งเราน่าจะเบาใจได้แล้ว แต่ธุรกิจการเมืองเราไม่แน่ใจว่าจะผ่านไปได้เมื่อไหร่
