xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” คาดเลือกตั้งครั้งนี้เลวร้ายที่สุดในทุกด้าน ย้ำ “โหวตโน” คือทางออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” คาดการเลือกตั้งครั้งนี้ “รุนแรงสุด-โกงสุด-ทำลายสถาบันมากสุด” ชี้มีแต่ตัวเลือกที่เลวที่สุดระหว่าง “หน้าหล่อ-หน้าเหลี่ยม” ประเทศชาติจะเสียหายหนัก ย้ำ “โหวตโน” คือแสงสว่าง ขอให้เชื่อมั่นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”  

วันนี้ (12 พ.ค.) นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า การยุบสภาและจัดให้มีเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าดูตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา 79 ปีของประชาธิปไตย การยุบสภาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 12 เรายุบสภามาเพียง 11 ครั้ง และครั้งนี้มีคุณลักษณะไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา

นายประพันธ์กล่าวว่า ถ้าพี่น้องจำได้ว่าการเลือกตั้งและยุบสภาทุกครั้งที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ฝ่ายนิติบัญญัติมีปัญหากับฝ่ายบริหาร เช่น ฝ่ายบริหารเสนอนโยบาย ฝ่ายสภาไม่เห็นชอบ ท้ายที่สุดฝ่ายบริหารก็ยุบสภา เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าการดำเนินการของฝ่ายบริหารที่ผ่านมา กับการไม่เห็นชอบของฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายใดที่ประชาชนสนับสนุน ดังนั้นพอจะบอกได้ว่าการยุบสภาที่ผ่านมาเป็นคำตอบในการคลี่คลายปัญหาบ้านเมืองได้

แต่สำหรับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ยุบสภาเพราะเคยรับปากไว้หลายครั้ง ครั้งแรกตอนเสื้อแดงชุมนุม แต่เมื่อผ่านพ้นการชุมนุมของเสื้อแดงมาได้ ปรากฎว่ารัฐบาลก็เผชิญกับกระแสสังคมอย่างหนัก เพราะบริหารงานล้มเหลวทุกด้าน เต็มไปด้วยเรื่องราวฉาวโฉ่ทุจริต แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย จึงต้องยุบสภา กุนซือของพรรคแนะนำว่าถ้าลากยาวไปคงได้ปิดเทอมยาว นี่คือปัจจัย คือแรงกดดันที่แท้จริงที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภา ไม่ใช่ยุบด้วยความเต็มใจ จริง ๆ อยากอยู่ครบเทอมถึงเดือนธันวา

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า และไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่นายอภิสิทธิ์เคยพูดไว้เลยว่าจะยุบสภาก็ต่อเมื่อบ้านเมืองสงบ แต่ทุกวันนี้ยังคงวุ่นวาย มีความรุนแรง ยังไม่เลือกตั้งก็มีการฆ่ากันแล้ว และบอกว่าจะยุบเมื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ซึ่งก็แก้ไม่ได้จนถึงทุกวันนี้

สิ่งเดียวที่เป็นไปตามที่พูดคือ แก้รัฐธรรมนูญสำเร็จ ทำให้เงื่อนไขในการแก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ สมประโยชน์ตัวเองและพรรคร่วม คือเปลี่ยนการเลือกตั้ง ส.ส.แบบสัดส่วนมาเป็นแบบบัญชีรายชื่อ โดยเอาทุกคะแนนมาคิด ซึ่งประชาธิปัตย์มองว่าจะทำให้มีโอกาสได้ส.ส.เพิ่ม และแก้จำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อจาก 80 คน มาเป็น 125 คน แต่ส่วนที่ยอมแก้แบบเขต ให้เป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียวก็เพื่อเอาใจพรรคร่วม เนื่องจากพรรคเหล่านั้นมองว่าซื้อได้ง่ายกว่า ก็เลยเป็นการสมประโยชน์กัน

ฉะนั้น เมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วคงคิดว่าตัวเองจะได้เปรียบในการเลือกตั้ง และนึกว่าพลังพันธมิตรฯ จะอ่อนแอไปแล้ว แต่คาดการผิด ทั้งพลังพันธมิตรฯ และฝ่ายค้าน กลับเข้มแข็งขึ้น เมื่อประกาศยุบสภาไปแล้วก็ต้องยุบ ครั้นจะกลืนน้ำลายตัวเองไม่ยุบ ก็กลัวโดนสหบาทา

นายประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้การเมืองเต็มไปด้วยความขัดแย้ง แต่ความขัดแย้งที่เป็นคู่หลักของประเทศตอนนี้ แม้นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ พยายามบอกว่าที่บ้านเมืองวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้เพราะเสื้อเหลือง เสื้อแดง แต่ความจริงแล้วปัญหาบ้านเมืองไม่สงบ ไม่ใช่เกิดจากเหลือง - แดง แต่เกิดจากปีกฝ่ายเพื่อไทย กับขั้วการเมืองประชาธิปัตย์ นี่คือขั้วขัดแย้งที่รุนแรงที่สุด

ตอนเราสู้กับระบอบทักษิณอาจเป็นความขัดแย้งระหว่างเรากับฝ่ายเพื่อไทย แต่วันนี้มันยุติลง ประชาธิปัตย์ก็ได้ฉวยโอกาสจากการต่อสู้ครั้งนั้นตั้งรัฐบาล โดยการไปดึงคนที่เคยสนับสนุนฝ่ายเพื่อไทยมายกมือหนุนให้ตัวเองเป็นนายกฯ มันจึงทำให้การเมืองวันนี้มีกลุ่มอำนาจเก่าคือนายทักษิณ และอำนาจใหม่คือกลุ่มนายอภิสิทธิ์ ฝ่ายหนึ่งก็พยายามจะดึงคนของอีกฝ่ายไปร่วม

บางคนจ่ายเงินมัดจำไปแล้ว แต่กลับใจไม่ยอมมาก็เลยอาจมีการเช็กบิลกัน ฝ่ายค้านอยากมาเป็นขั้วรัฐบาลก็พยายามซื้อพรรคร่วมรัฐบาล ซื้อตัว ส.ส.กันด้วยราคาแพง การยิง การบาดเจ็บล้มตาย  การฆ่ากันล้างผลาญกัน จะเกิดในการเลือกตั้งครั้งนี้เต็มแผ่นดินคอยดู บางพรรคได้ตัวมาแล้วยังไม่กล้าเปิดตัวเพราะกลัวไข้โป้งตามมา

นายประพันธ์กล่าวว่า บทสรุปของตนในการยุบสภา และเลือกตั้งครั้งนี้คือ

- จะเป็นการเลือกตั้งที่รุนแรงที่สุดในประเทศไทย ใช้วิธีการสกปกรกที่สุด กลวิธีสารพัดโกงจะถูกงัดมาใช้ นโยบายหาเสียงจะสามานย์ ลดแลกแจกแถม

- จะได้เผด็จการในคราบประชาธิปไตย เพราะฝ่ายใดที่ได้เป็นรัฐบาลจะต้องใช้อำนาจเผด็จการเพื่อเล่นงานอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นอย่าดีใจที่วันนี้ไอ้ตู่โดนคุมขัง เพราะมันทำแบบนี้ได้ วันหน้ามันก็ทำพวกเราได้

- การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีแต่ตัวเลือกที่เลวที่สุด จะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในประเทศว่าเอาเลวแบบหน้าหล่อ หรือเลวแบบหน้าเหลี่ยม

- จะเป็นการซื้อตัว ส.ส.แพงที่สุด จะมีการทุ่มเงิน ฆ่ากัน เพื่อแย่งตัว ส.ส.

- ทุกองค์กรจะติดเชื้อชั่วจากนักการเมืองไป จะถูกลากมาเป็นเครื่องมือนักการเมืองหมด

- จะมีทำลายสถาบันกษัตริย์มากที่สุด เพราะอีกฝ่ายก็แอบอ้างเพื่อใช้เป็นเครื่องมือทำลายอีกฝ่าย ส่วนอีกฝ่ายก็เต็มไปด้วยคนไม่จงรักภักดี

- ผู้ชนะและมีโอกาสเป็นนายกฯ จะเป็นบุคคลที่หน้าด้านที่สุดในประเทศไทย และห่วยที่สุดในประเทศไทย ประชาชนจะถูกเหยียบย่ำ ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อขึ้นสู่อำนาจเท่านั้น

- กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม จะถูกเหยียบย่ำมากที่สุด เนื่องจากพอโกงกันมโหฬารแล้ว ก็จะต้องวิ่งเต้นกันแหลกแน่นอน การจัดเลือกตั้งครั้งนี้ของ กกต.ก็จะเป็นครั้งที่ล้มเหลวที่สุด

- ประชาชนและประเทศจะผิดหวังที่สุดกับการเมืองโสโครกนี้

“ฉะนั้น การโหวตโนของพวกเราคือแสงสว่าง คือทางออกที่ดีที่สุดของบ้านเมือง คือหนทางที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง จงเชื่อมั่นว่าคือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว” นายประพันธ์กล่าว  

คำต่อคำ

วันนี้ผมนึกว่าจะได้พักผ่อน นึกว่าฝนตกพี่น้องคงกลับบ้านหมดแล้ว ยังอยู่ไหมครับ ขอฟังเสียงหน่อย ขอเสียงปรบมือดังๆ หน่อย พี่น้องครับ เมื่อสักครู่ คุณอมร และคุณอำนาจ พูดถึงเราจะมีงานรำลึกการชุมนุม ครบรอบ 3 ปีของการชุมนุมพี่น้องพันธมิตรฯ 193 วัน ซึ่งวันที่ 25 ผมจำได้ เราเคลื่อนขบวนออกมาจากอนุสาวรีย์ และมาตั้งเวทีอยู่ตรงนี้ สะพานมัฆวาน และผมมาปราศรัยท่ามกลางสายฝน และมาปราศรัยอีกครั้งวันที่ 26 ก็ท่ามกลางสายฝน และวันที่ 26 ที่มีการปราศรัยของผม ที่ถูกทักษิณฟ้อง 500 ล้าน ซึ่งผมพูดถึงปัญหาของคุณทักษิณที่ทำให้บ้านเมืองต้องประสบความเสียหาย ความคิดและทัศนคติทางการเมืองที่เป็นอันตรายของคุณทักษิณ อันส่อไปในลักษณะที่เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรืออาจจะส่อไปในลักษณะที่มุ่งประสงค์ที่จะสร้างระบอบการเมืองอื่นที่ไม่ใช่ระบอบการเมืองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่โชคดีเขาฟ้องก็สู้คดีกันไป ศาลชั้นต้นตัดสินไปแล้วยกฟ้อง ให้ผมชนะคดีครับ รอดูอยู่ว่าเขาจะอุทธรณ์ไหม ดูเหมือนครบกำหนดแล้วเขาก็ยังไม่ยื่นอุทธรณ์ เช็กดูแล้วเขาอาจจะว่า แพ้ไปแล้วศาลชั้นต้นอย่าไปสู้อีกเลย เพราะถ้าอุทธรณ์ก็แพ้อีกเสียเงินค่าธรรมเนียมศาล ค่าทนายเปล่าๆ คงคิดได้ เพราะคดีทำนองนี้ก็แพ้มาแล้วหลายคดี

เหตุที่รำลึกถึงเหตุการณ์วันที่ 25 พ.ค.ก็นี่มันใกล้จะถึงวันที่ 25 เข้าไปทุกขณะแล้ว ย้อนหลังกลับมาจนกระทั่งถึงวันนี้ ท่ามกลางสายฝน 3 ปีมาแล้ว พี่น้องก็ยังมีความผูกพันอยู่กับมัฆวานเหมือนเดิมครับ แต่การชุมนุมครั้งนี้มีพัฒนาการที่ทันสมัยกว่าการชุมนุมครั้งที่แล้ว เพราะพ่อแม่พี่น้องประชาชนมีบทเรียนในการชุมนุมมาแล้วอย่างดี นั่นคือ ยังไม่รวมพลก็มาพอสมควร ถ้ามีเหตุจำเป็นก็มามากเพิ่มขึ้นตามเหตุความจำเป็น ถ้าระดมพลก็มากันเต็มที่ ใช่ไหมครับพี่น้อง เรียกว่ามีประสบการณ์ งานหลวงก็ไม่ให้ขาดงานราษฎร์ก็ไม่ให้เสีย งานของบ้านเมือง งานของภาคประชาชนก็ทำควบคู่กันไป ประกอบอาชีพไป ชุมนุมไป รักษาชาติบ้านเมืองปกป้องแผ่นดินไป นับว่าเป็นพลเมืองคนรุ่นใหม่ สมกับเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจริงๆ ครับ

เพราะฉะนั้นการชุมนุมของพวกเราครั้งนี้ ยืนยันได้ครับว่า มีพี่น้องติดตามอยู่ทางบ้านเยอะมาก และแวะเวียนมา แบบมาแล้วกลับก็หลายท่าน ผมเลยหยิบยกจดหมายมาฉบับหนึ่งเพื่อยืนยันว่า ท่านมาร่วมชุมนุมกับพวกเรา ส่งจดหมายเขียนมาแค่นี้ เรียนคุณประพันธ์ คูณมี ถึงสะพานมัฆวาน ก็ถึงแล้ว เพื่อยืนยันว่าพี่น้องมาชุมนุมกันแบบไหน เดี๋ยวอ่านจดหมายฉบับนี้ก่อน ก่อนมีเรื่องจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านเขียนมาเมื่อวันที่ 11 พ.ค. เรียนคุณประพันธ์ คูณมี ที่เคารพ ผมได้ติดตามการปราศรัยของคุณประพันธ์ มาตั้งแต่การชุมนุม 193 วัน ก่อนหน้านั้นนับตั้งแต่ปรากฏการณ์สนธิ ผมตัดสินใจร่วมอุดมการณ์กับพันธมิตรฯ เรื่อยมา จนถึงทุกวันนี้ แต่ไม่ได้แสดงตนมากเท่าที่ควร สรุปได้ว่า 100 วัน ผมมา 50 วัน หน้าจอ 50 วัน แบ่งแบบนี้เลยมาวันหน้าจอวัน ระยะแรกๆ ผมนั่งแท็กซี่มาชุมนุม ระยะหลังนั่งรถเมล์และเอาค่าแท็กซี่มาบริจาค พัฒนาขึ้นครับ ไป-กลับก็ 200 รู้สึกมีความภาคภูมิใจที่มีส่วนร่วมอย่างยิ่ง ท่านก็เลยแนบเงินค่าแท็กซี่มาในซองนี้ด้วย 200 เห็นไหมครับ ปรบมือให้ด้วยครับ เรียกว่าเป็นไอเดีย เป็นจินตนาการ วิธีคิดที่ดีของท่าน คือนั่งรถเมล์มาประหยัดค่าแท็กซี่เอาค่าแท็กซี่มาบริจาคสนับสนุนการต่อสู้ การเขียนจดหมายเปิดผนึกครั้งนี้ ผมอยากเสนอไอเดียของการตัดสินใจของประชาชนในการโหวตโนว่า มีข้อดีข้อเสีย หรือข้อน่าสนใจอย่างไร ก่อนอื่น การตัดสินใจของผู้ตัดสินใจควรขึ้นอยู่กับการมองเห็นคุณค่าของสิ่งนั้นๆ ผมเอาหลักคิดมาจาก ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอร์โบโน และดร.สตีเว่น โควี่ นี่ไม่ใช่ผู้ชุมนุมธรรมดาที่เขียนมาแบบนี้ สองนักคิดยุคดิจิตอลผู้มีชื่อเสียงกระฉ่อนโลก ผมคิดว่าคงมีประโยชน์แน่นอน เพราะถ้าผมไม่เห็นคุณค่าในการโหวตโน ผมคงนั่งงงเป็นไก่ตาแตก หาทางออกไม่ได้เป็นแน่แท้ และคงอธิบายให้เพื่อนฝูง พ่อแม่พี่น้อง รวมถึงเพื่อนร่วมงาน หรือผู้อยากร่วมโหวตโน ดีหรือเสียอย่างไร หลักการคิดง่ายๆ คือ คิดทั้งเรื่องดี เรื่องเสีย และเรื่องที่เป็นข้อคิด ก่อนอื่นต้องตั้งหัวข้อว่า โหวตโนดีไม่ดีหรือน่าสนใจอย่างไร ข้อดี 1.นักเลือกตั้งทั้งหลายไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างเพื่อเรียกร้องความชอบธรรมได้เหมือนในอดีต ผมมาจากการเลือกตั้ง(กรณีที่โหวตโนมีคะแนนเสียงมากกว่า) ข้อดี 2.จะทำให้นักเลือกตั้งต้องสร้างการเมืองใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้อดี 3.เป็นก้าวแรกของการสร้างการเมืองที่ต้องดีขึ้นในอนาคต ข้อดี 4.เมื่ออำนาจที่แท้จริงเป็นของปวงชนชาวไทย ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ประเทศ 5.เป็นการแสดงออกถึงประชาธิปไตยที่แท้จริง นี่คือข้อดี

ทีนี้ข้อเสียท่านบอก 1.การรณรงค์โหวตโนอาจมีการต่อต้านจากนักวิชาการไร้สมอง ซึ่งทำให้ผู้รณรงค์อาจท้อใจ หรือโกรธแค้นจากการวิจารณ์ของเขา 2.ทำให้มีค่าใช้จ่ายจากการรณรงค์โหวตโน เช่น ต้องซื้อเสื้อยืด แจกแผ่นปลิว หรืออาจเจ็บป่วยจากการต่อสู้ อันนี้สงสัยไปแจกใบปลิวแล้วอาจมีความเสี่ยงเล็กน้อยถ้าเจอคนไม่รู้เรื่อง 3.ทำให้ห่างเหินจากครอบครัวในการออกรณรงค์บนท้องถนน ท่านพยายามแยกว่าจะมีข้อเสียอะไร 4.กลัวโหวตโนจะแพ้และอาจไม่เป็นที่ยอมรับของผู้มีความคิดเห็นแตกต่าง 5.เกรงว่าการรณรงค์จะสูญเปล่า อันนี้เป็นข้อเสียที่อาจทำให้เป็นกังวลใจ

ข้อที่น่าสนใจ 1.น่าสนใจที่ว่า พันธมิตรฯ จะมีความอดทน ต่อสู้เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม และพิสูจน์ว่าพันธมิตรฯ เป็นทองแท้หรือไม่ อันนี้ก็คือข้อน่าสนใจว่า เราจะยืนหยัดโหวตโน มันจะเป็นบทพิสูจน์ตัวพวกเราเองว่าเป็นทองแท้หรือไม่ เพราะเรามีความอดทนพร้อมต่อสู้หรือไม่ ข้อที่ 2.น่าสนใจที่ว่า สิ่งที่พันธมิตรฯ รณรงค์นั้นจะถูกต้องหรือไม่ เราต้องเชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เซื่อ บ่ครับพี่น้อง นี่ก็คือ น่าสนใจว่าสิ่งที่พันธมิตรฯ รณรงค์จะถูกต้องหรือไม่ เราต้องพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติ ใช่ไหมครับ นี่ผมอธิบายให้ ข้อ 3.น่าสนใจที่ว่า การต่อสู้อย่างอหิงสา ดีกว่าการต่อสู้ที่ใช้ความรุนแรง และจะบอกได้ว่า ดีอย่างไร 4.น่าสนใจที่ว่า นักวิชาการที่มีความคิดเห็นแตกต่าง จะหาเหตุผลมาลบล้างการรณรงค์ได้อย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์ได้มากน้อยเพียงใด 5.น่าสนใจที่ว่า ค่าใช้จ่ายและแรงงานในการรณรงค์ จะมีความสำคัญกว่าการสร้างการเมืองใหม่เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม

เพียง 15 ข้อคิดเห็นก่อนนะครับ จะเห็นได้ว่าข้อคิดเห็นในทางลบ มีคุณค่าในการตัดสินใจน้อยมาก ข้อสรุปเพียงเท่านี้ก่อน ผมมีความคิดที่หลากหลายมากมาย และอยากจะแชร์ความคิดกับทุกคน ยกเว้นแก้วสรร ด้วยความเคารพ ลงชื่อ นายพานะกะ บุญยเกียรติ ขอบริจาคเงินอีก 200 บาทผ่านคุณประพันธ์

ขอบคุณนะครับที่เขียนจดหมาย และมีความคิดเห็นดีๆ มาร่วมแสดงความคิดเห็นกับพวกเรา ผมนำมาอ่านให้พี่น้องเพื่อเป็นตัวอย่างว่า พี่น้องครับ คนที่ติดตามการชุมนุมของพวกเรามีมาก และมีความรู้ดีๆ วันก่อนส่งจดหมายมา ที่บอกว่า 7 สิ่งมหัศจรรย์ ผมโพสต์ลงในเฟสบุ๊คแล้ว มีพี่น้องมาแชร์ความคิด ฟอร์เวิร์ดต่อๆ ไปเยอะ สิ่งมหัศจรรย์ 7 อย่างยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พี่น้องคงจำได้ นั่นก็มาจากความคิด ไอเดียดีๆ ของพี่น้องที่ติดตามรับฟัง รับชมการถ่ายทอดสดของ ASTV ต้องปรบมือให้กับทีมงานและพี่น้องทุกคน ซึ่งทำให้เวทีนี้ให้ปัญญากับพี่น้องประชาชน

พี่น้องครับ ในบรรยากาศและสถานการณ์บ้านเมืองยามนี้ เรื่องที่อยากจะมาแลกเปลี่ยน พูดคุยกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ณ ขณะนี้ก็คือ เรื่องของการเลือกตั้งการยุบสภา ผมคิดว่าวันนี้เราต้องมาคุยกันให้ได้ข้อมูล ความรู้ ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด เพื่อการตัดสินใจของพวกเราและพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ว่าเราจะเลือกเดินไปในทิศทางใด การยุบสภาการเลือกตั้งครั้งนี้มีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนกับการเลือกตั้ง และการยุบสภาที่ผ่านๆ มาอย่างไร การเลือกตั้งครั้งนี้จะนำไปสู่อะไร และการเลือกตั้งครั้งนี้มีอนาคตและเป็นคำตอบให้กับบ้านเมืองหรือไม่ เราจะตัดสินใจอย่างไร ด้วยเหตุผลอะไร และเป็นเหตุผลที่หนักแน่น ถูกต้อง และเป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมืองหรือไม่ เพียงใด ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราต้องทบทวนและพูดคุยกันให้กระจ่าง

เมื่อท่านฟังจากผู้ปราศรัย วิทยากร จากความเห็นแย้ง จากฝ่ายวิชาการของนักเลือกตั้ง หรือพรรคการเมืองที่อยู่ในอำนาจ เราจะได้มาขบคิด ลับสมอง ทดลองปัญญา และจะได้ยืนยันว่า สิ่งที่เราตัดสินนั้นถูกต้อง และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองจริงหรือไม่ ซึ่งผมคิดว่าวันนี้มีเรื่อง และมีมุมมองที่ผมอยากจะพูดคุยกับพี่น้องในอีกมุมมองหนึ่งที่ยังไม่เคยพูดกับพี่น้องประชาชนครับ

พี่น้องครับ การยุบสภาและการจัดเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าเราจะดูจากประวัติศาสตร์การเมืองประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา การยุบสภาครั้งนี้ 79 ปีของประชาธิปไตย การยุบสภาครั้งนี้เป็นเพียงครั้งที่ 12 เราเคยยุบสภามาแล้วเพียง 11 ครั้งเท่านั้นครับ นี่เป็นครั้งที่ 12 และเป็นในยุคสมัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีคุณลักษณะไม่เหมือนการยุบสภาทุกครั้งที่ผ่านมา แตกต่างกันอย่างไร ถ้าพี่น้องจำได้ การเลือกตั้งและการยุบสภาทุกครั้งที่ผ่านมา มักจะเป็นเรื่องที่สภามีปัญหากับฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติมีปัญหาขัดแย้งกับฝ่ายบริหาร เช่น ฝ่ายบริหารเสนอพระราชบัญญัติ หรือเสนอกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญแล้วไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภา สภาไม่ไว้วางใจฝ่ายบริหาร ท้ายที่สุดฝ่ายบริหารตัดสินใจยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน อย่างที่พูดกัน เพื่อให้ประชาชนเลือกว่าการดำเนินงานของฝ่ายบริหารที่ผ่านมา กับการไม่ไว้วางใจ ไม่ได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายสภานิติบัญญัตินั้น หรือการถูกฝ่ายค้านไม่ให้การรับรองและท้ายที่สุดต้องยุบสภานั้น ใครจะเป็นฝ่ายที่ถูกต้องในการดำเนินงานในเรื่องนั้นๆ หรือในการเสนอพระราชบัญญัติ หรือกฎหมายนั้นๆ ก็จะใช้การยุบสภาไปให้ประชาชนเป็นฝ่ายตัดสินใจ ถ้าประชาชนตัดสินใจเลือกฝ่ายบริหารกลับมาอีก แสดงว่าฝ่ายบริหารชุดเดิมอาจเป็นฝ่ายถูกต้อง และได้รับความสนับสนุน เห็นชอบจากพี่น้องประชาชน แต่ถ้าเขาเลือกอีกพรรคหนึ่ง ฝ่ายค้านหรือฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายบริหาร และรัฐบาลมามากกว่า แสดงว่าประชาชนไม่สนับสนุนรัฐบาลที่บริหารบ้านเมือง

ที่ผ่านมามักจะเป็นเช่นนั้นการเมืองของเรา การยุบสภา การเลือกตั้งแต่ละครั้ง พอจะบอกได้ว่าเป็นคำตอบในการคลี่คลายวิกฤตของบ้านเมือง หรือหาทางออกจากการเมืองที่ตัน หรือการเมืองที่ปีนเกลียวกันระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายสภา หรืออย่างการยุบสภา เมื่อครั้งที่ นายกฯ ชวน หลีกภัย ยุบสภาเมื่อครั้งที่มีปัญหาเรื่อง สปก.4-01 พี่น้องจำได้นะครับ เมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้าน ว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายแจก สปก.4-01 ไปในลักษณะที่ส่อว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวกตนเอง และกลุ่มเศรษฐีที่ไม่เป็นเกษตรกรจริง มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ข้อมูลพรรคฝ่ายค้านตีแผ่นำเสนอ จนกระทั่งนำไปสู่การที่พรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคพลังธรรม ถอนตัว ท้ายที่สุดนายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ปรากฏว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เสียงข้างมาก กลายเป็นพรรคชาติไทย มาเป็นรัฐบาล โดยนายบรรหาร ศิลปอาชา อย่างนี้เป็นต้น

แต่การยุบสภาคราวนี้ไม่เหมือนการยุบสภาทั้ง 11 ครั้งที่ผ่านมาเพราะอะไรครับ 1.เป็นการที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภาเพราะ ครั้งแรกมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง แล้วรัฐบาลรับปากว่าจะยุบสภา โดยการเจรจาต่อรองกับเสื้อแดง สุดท้ายไม่สามารถตกลงกันได้ เป็นเพียงเกมละครปาหี่ที่มาโชว์ถ่ายทอดออกทีวี ระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่เมื่อผ่านพ้นวิกฤตการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงผ่านมาได้ ปรากฏว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เผชิญกับกระแสกดดันของสังคมอย่างหนักในการบริหารประเทศที่ล้มเหลว ล้มเหลวจากอะไร 1.ล้มเหลวจากการแก้ไขปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐบาลที่ฉาวโฉ่ และทุกเรื่อง ทุกโครงการเต็มไปด้วยเรื่องราวฉาวโฉ่ด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่นของทุกพรรคที่ร่วมกันเป็นรัฐบาล นี่ปัญหาที่ 1 ใช่ไหมครับ ว่านายอภิสิทธิ์ล้มเหลวไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐบาลได้

ประการที่ 2 คือ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง สินค้าราคาแพง และขาดแคลน เป็นครั้งแรกที่ต้องชั่งไข่ขาย ต้องเข้าแถวซื้อน้ำมันปาล์ม และราคาน้ำตาลพุ่งกระฉูด จาก 23-24 บาท ขึ้นมาเป็น 30 บาท สินค้าทุกตัวเรียงแถวขึ้นราคา ประชาชนอยู่ในภาวะที่รายได้ต่ำอยู่แล้ว ภาวะค่าครองชีพสูง เงินเฟ้อ ค่าแรงต่ำ พืชผลเกษตรล้มเหลว เนื่องจากเกิดภาวะน้ำท่วมทั่วประเทศ นี่อีกปัญหาหนึ่ง รัฐบาลไม่เตรียมตัวรับมือภัยพิบัติ ไม่เตรียมตัวรับมือกับปัญหาภัยธรรมชาติ เมื่อเกิดภัยธรรมชาติ ก็เกิดแก้ไขปัญหาแบบชุลมุน แบบแก้ผ้าเอาหน้ารอด ท้ายที่สุดรัฐบาลล้มเหลวในการเข้าถึงประชาชน และบรรเทาภัย แก้ไขปัญหาภัยพิบัติให้ประชาชน ปัญหาสินค้าราคาแพงมาพร้อมๆ กัน นี่คือปัญหาที่ 2 ที่ถาโถมใส่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ต่อมาประการที่ 3 เป็นคลื่นลูกใหญ่ คือ

(สัญญาณสะดุด)

ล้มเหลวในการที่ยังกอดเอ็มโอยู และปล่อยให้กัมพูชาเหิมเกริม รุกรานเข้ามายึดครองแผ่นดินไทย กลายเป็นลูกไล่ของนายฮุน เซน

(สัญญาณสะดุด ขาดหาย)

อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ใช่ แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็ไม่ใช่ เสนอกฎหมายสำคัญเข้าสู่สภาไม่ผ่านก็ไม่ใช่ แต่ยุบเพราะดูแล้ว ขืนอยู่ไป ขืนลากยาวไป กุนซือของพรรคประชาธิปัตย์แนะนำนายอภิสิทธิ์ว่า ถ้าลากยาวไปคงได้ปิดเทอมยาวครับพี่น้อง นี่คือปัจจัย นี่คือแรงกดดันที่แท้จริง ที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องตัดสินใจยุบสภา เพราะล้มเหลวทุกๆ ด้าน ไม่ใช่ยุบสภาด้วยความเต็มใจของตัวเอง ความจริงแล้วอยากจะอยู่ครบเทอมไปถึงเดือน ธ.ค.

การยุบสภาครั้งนี้จริงแล้วมิได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่นายอภิสิทธิ์พูดเลย นายอภิสิทธิ์บอกว่า 1.ถ้าเหตุการณ์บ้านเมืองสงบ มีหลักประกันความปลอดภัย ว่าออกไปหาเสียงแล้วคงจะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง นี่เขาพูดไว้อย่างนี้ บอกว่า ถ้าบ้านเมืองสงบไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย ความรุนแรง และมีหลักประกันว่า ทุกพรรคพร้อม สามารถหาเสียงได้ ความจริงแล้วเหตุการณ์ที่ท่านว่านั้น ยังไม่เลือกตั้งยังยิง ยังฆ่ากันตายเลยครับ ยังไม่มีความสงบ เหตุการณ์ทางภาคใต้ตายทุกวัน เหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยิงถล่มกันทุกวัน การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง วันที่ 19 พ.ค.จะมีการชุมนุมใหญ่ ยิ่งวันนี้จับนายจตุพรกับนายนิสิต สินธุไพร ไปขังคุก ก็ยังไม่รู้ว่าบ้านเมืองจะสงบพร้อมเลือกตั้งหรือเปล่า นี่ผมพูดถึงเหตุประการที่ 1

เหตุประการที่ 2 นายอภิสิทธิ์บอกว่า ถ้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจบ้านเมืองได้เข้าที่เข้าทางแล้วผมพร้อมยินดีคืนอำนาจให้พี่น้องประชาชน ความจริงแล้ว นายอภิสิทธิ์แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจประสบความสำเร็จไหมครับ ล้มเหลวทุกด้าน และเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นจนเท่าทุกวันนี้ ไม่ได้เป็นไปตามที่คุณพูด

ประการที่ 3 ที่เป็นไปตามที่คุณพูดมีอันเดียว คือ แก้ไขรัฐธรรมนูญ และทำให้เงื่อนไขในการแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญสมประโยชน์คุณ และสมประโยชน์พรรคร่วมรัฐบาล สมประโยชน์ตรงไหนครับ พรรคประชาธิปัตย์คิดว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ เป็นแบบปาร์ตี้ลิสต์แล้วเอาทุกคะแนนมาคิด จะทำให้เขามีโอกาสได้ ส.ส.เขาเลยยอมแก้ ยุบการเลือกตั้งแบบโซน แบบสัดส่วน แล้วเป็นแบบบัญชีรายชื่อ เพิ่มจำนวน ส.ส.จาก 80 คน

(สัญญาณสะดุด ขาดหาย)

คือวิธีการที่พรรคประชาธิปัตย์ชอบที่สุด แต่ที่ยอมแก้แบบวันแมนวันโหวต เขตเดียวเบอร์เดียวนั้น แก้โดยแลกเปลี่ยนเอาใจพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทย พรรคร่วมรัฐบาล เพราะพรรคร่วมรัฐบาลบอกว่า วิธีนี้เขาบริหารจัดการได้ง่ายกว่า พูดง่ายๆ คงเป็นว่า ซื้อได้ง่ายกว่า จึงเป็นการสมประโยชน์กันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคแกนนำ

เพราะฉะนั้นเมื่อแก้ไขปัญหารัฐธรรมนูญเสร็จแล้วคงคิดว่า สถานการณ์ก่อนหน้านี้ตัวเองคงจะได้เปรียบ เพราะขณะนั้นกระแสคนเสื้อแดง หลังจากเกิดพฤษภาฯ แล้ว กระแสคนเสื้อแดง กระแสพรรคเพื่อไทย กระแสพรรคฝ่ายค้านตกต่ำ และคงนึกว่า พลังของพี่น้องพันธมิตรฯ อ่อนแอ อ่อนแรงไปแล้ว คงไม่มีศักยภาพ กำลังที่จะมาเคลื่อนไหวใดๆ อันเป็นการจะเป็นกระแสต้านพรรคประชาธิปัตย์ และคงคิดว่า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของตัวเองคงจะดีขึ้น เพราะคาดการณ์ผิด ท้ายที่สุดแล้วเศรษฐกิจก็ล้มเหลว พลังพันธมิตรฯ ก็เข้มแข็งขึ้น พรรคฝ่ายค้านก็เข้มแข็งขึ้น เมื่อรับปากประกาศล่วงหน้าแล้วว่าจะยุบสภา ในที่สุดก็ต้องยุบ แบบเรียกว่า หามผีไปถึงป่าช้าแล้วไม่เผาก็ไม่ได้ครับ ครั้นจะกลืนน้ำลายตัวเองไม่ยุบสภา แล้วตระบัดสัตย์โกหกประชาชนเหมือนที่เคยโกหกมาแล้ว ก็คงคิดว่า ถ้าโกหกเรื่องยุบสภาอีกทีคงโดนสหบาทาแน่ก็เลยต้องยอมยุบสภาด้วยเหตุประการฉะนี้

เอาละมีคนท้วงติงว่ามีคนไม่อยากให้ยุบสภามีเยอะ เพราะ 1.พรรคร่วมรัฐบาลยังคาโครงการไว้เยอะหลายโครงการที่ยังไม่ผ่าน ครม. หลายโครงการยังไม่ได้ประมูลยังไม่ได้จัดซื้อจัดจ้าง ผู้บังคับบัญชาของนายกฯ ตัวจริง ไม่ว่าจรกา แป๊ะขายหมู หรือว่าเตี้ยอุ้มค่อม ใครต่อใคร หรือพี่เดย์ ใครต่อใครเป็นนายของนายกฯ พยายามให้นายกฯ ลากดึงไปให้ยาวเพราะว่าจะได้ผ่านโครงการ แต่นายกฯ ดึงไปไม่ได้เพราะประกาศแล้วว่าจะยุบสภา ท้ายที่สุดแก้ปัญหาอย่างไรครับพี่น้อง ก็เลยแก้ปัญหาโดยวิธีประชุม ครม.ตั้งแต่เช้าแล้วไปเลือกตี 4 เพื่อรวมเอาโครงการ 200-300 โครงการมาประชุม ครม.นัดสุดท้ายแล้วอนุมัติในวันเดียว นี่คือที่มาว่า ทำไมพรรคร่วมรัฐบาลจึงยอมเยสโนโอเค ยอมยุบสภา 200 โครงการผ่านเป็นแสนล้านในวันเดียว มันจึงเป็นที่มาด้วยเหตุประการฉะนี้ มันจึงเป็นมติ ครม.อัปยศ และเป็นตราบาปติดตัวนายกรัฐมนตรีคนนี้และ ครม.ชุดนี้ไปจนแผ่นดินกลบหน้าคนก็ไม่เลิกด่า การเมืองจึงเป็นการเมืองเหลวแหลก อัปยศ

เพราะฉะนั้นทั้งการยุบสภา ทั้งการประชุม ครม.เพื่อผ่านโครงการทั้งหลาย มันมีที่ไปที่มาอันเป็นความอัปยศของบ้านเมืองทั้งนั้น เป็นความอัปยศที่มันเจ็บปวดที่สุดตรงไหนครับ มันเจ็บปวดที่สุดตรงมันเกิดขึ้นในยุคของนักการเมืองที่สร้างภาพว่าตัวเองเป็นนักการเมืองน้ำดี แต่พฤติกรรมมันน้ำเน่าสิ้นดี เพราะฉะนั้นมันเข้ากับบทสรุปของปราชญ์ทางการเมืองเขาสรุปเอาไว้ และเป็นความจริงครับพี่น้อง ที่บรรดาปราชญ์ นักรัฐศาสตร์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองเขาสรุปเอาไว้ เขาสรุปมาจากพฤติกรรมของนักการเมือง ที่เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจึงมาสรุปเอาไว้ ทำไมผมบอกมันเข้ากับบทสรุปอันนี้คือ เขาบอกว่า ผู้นำทางการเมืองที่พยายามรักษาภาพพจน์ของตนเองให้ดูดี แต่ปล่อยให้คนรอบข้างกระทำสิ่งชั่วร้ายอยู่ตลอดเวลา แท้จริงแล้วเขาคือผู้พิทักษ์ความชั่วร้าย โดยการสร้างภาพของตนเองให้ดูงดงาม เพื่อใช้เป็นเกราะกำบัง บุคคลเช่นนี้จะทำความเสียหายให้ชาติบ้านเมืองได้มากมายยิ่งนัก เพราะฉะนั้นคนรอบข้างที่เสนอโครงการ พรรคร่วมรัฐบาล พรรคตัวเองเสนอโครงการมานั้น มันเข้าข่ายปล้นประเทศ โกง ทุจริตแบบหน้าด้านๆ สร้างความเสียหายอย่างมาก จนเกินคณานัป เสียหายอย่างเราคาดคิดไม่ถึง เพราะเราไม่เชื่อว่าคนที่สร้างภาพดีแบบนี้จะเลวจนกูงง โกงจนกูมึน ทึ่มจนกูเอียน เถียงจนกูอาย พี่น้องจะไม่เชื่อเลย นี่คือความเป็นจริงของประเทศเรา นี่คือความเป็นจริงของบ้านเมืองเราที่มันเป็นอยู่ในขณะนี้

เพราะฉะนั้นโครงการทั้งหลายที่เราเอามาพูดถึง อย่างวันก่อนที่ผมพูดถึงรถถังยูเครน ก็คนรอบข้างทั้งนั้นเป็นคนจัดการ แล้วตัวเองสร้างภาพเป็นผู้ดี ทำเป็นคนดีไม่ยุ่งเกี่ยว แต่ปล่อยให้คนรอบข้าง คนในพรรคร่วมรัฐบาลโหงฉิบหายวายป่วง แม้กระทั่งเรื่องรถถังยูเครนที่ผมมาพูด มันเศษเหล็กแล้วครับ เงินภาษีประชาชนทั้งนั้น และคนที่อนุมัติ คนที่เกี่ยวข้อง คนที่มีผลประโยชน์ได้เสีย มันอยู่ในรัฐบาลของตัวเอง และเป็นญาติพี่น้องรัฐมนตรีที่อยู่ในโควต้าของตัวเอง พรรคของตัวเองทั้งนั้น ใครที่หน้าด้าน ใครที่แหลว่า รัฐบาลนี้ คนๆ นี้เขาไม่โกง เขาไม่แปดเปื้อน เขาไม่ยุ่งเกี่ยว พยายามจะแหลแก้ตัวแทน คุณพูดให้ตายก็ไม่มีใครเชื่อ อมพระมา 100 โบสถ์ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะการกระทำมันฟ้อง

เพราะฉะนั้นวันนี้ เวทีนี้ ที่เราพูดถึงรัฐบาล วิพากษ์วิจารณ์ผู้บริหารประเทศในขณะนี้ ถึงความล้มเหลวทุกๆ ด้านนั้น ก็เพราะว่า วันนี้เขาเป็นผู้บริหารและปกครองประเทศ เราจึงวิพากษ์วิจารณ์เขา และเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของพี่น้องประชาชนที่จะวิพากษ์วิจารณ์เขา ในฐานะเขาเป็นบุคคลสาธารณะ ดำรงตำแหน่งบริหารประเทศชาติบ้านเมือง จึงเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่เมื่อวันนี้คุณยุบสภา คุณตัดสินใจให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งผมกราบเรียนพี่น้องไปแล้วว่า การยุบสภาครั้งนี้ เป็นการยุบสภาที่วิปริต ผิดไปจากการยุบสภาทุกครั้งที่ผ่านมา 11 ครั้ง ตั้งแต่สมัยพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ไล่มาพระยาพหลฯ ต่างกันหมด ยุค พล.อ.เปรม ยุคนายชวน ยุคใครต่อใคร ครั้งนี้เป็นการยุบสภาอย่างที่ผมกราบเรียนพี่น้องว่า มันเป็นการยุบสภาแบบไม่ปกติ ขณะเดียวกัน เหตุการณ์บ้านเมืองกำลังครุกรุ่น และเต็มไปด้วยความขัดแย้ง และการเผชิญหน้าของคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน แต่ความขัดแย้งที่เป็นคู่หลักของบ้านเมืองเวลานี้ พี่น้องครับ แม้ว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือนายอภิสิทธิ์ ใครต่อใครในพรรคประชาธิปัตย์บางคน หรือนักวิชาการบางจำพวกที่สอพลอ จะพยายามบอกว่า บ้านเมืองวุ่นวาย เป็นเพราะเหลือง-แดงเป็นปัญหา ความจริงแล้ว พี่น้องครับ วันนี้ความขัดแย้งหลักของบ้านเมือง และที่เป็นปัญหาทำให้บ้านเมืองไม่สงบ และวุ่นวาย เกิดการปะทะกันทางความคิดอย่างหนักหน่วง รุนแรงนั้น ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนเสื้อเหลืองกับกลุ่มคนเสื้อแดง แต่เป็นความขัดแย้งระหว่างปีกฝ่ายพรรคเพื่อไทย กับปีกฝ่ายขั้วการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ นี่คือคู่ความขัดแย้งที่หนักหน่วง รุนแรงที่สุด

เดี๋ยวผมจะพูดต่อไปในประเด็นนี้ว่า เขากำลังพยายามบิดเบือน พยายามมอมเมาประชาชน ชนชั้นกลาง คนที่เบื่อการชุมนุม บอกว่า บ้านเมืองวุ่นวายเพราะเสื้อเหลือง เสื้อแดง ความจริงแล้วพี่น้องผู้มีปัญญาที่เคารพรักทุกท่าน พี่น้องที่มีการศึกษา พี่น้องที่มีฐานะทางสังคม พี่น้องผู้มีวิจารณญาณทั้งหลายโปรดพิจารณา บ้านเมืองที่มันวุ่นวายและหาความสงบสุขไม่ได้ในขณะนี้ มันเป็นเพราะการเมือง 2 ขั้วชิงอำนาจกันจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ไม่ใช่เรื่องเหลือง เรื่องแดงเลย วันนี้ ใช่ในยุคที่เราสู้กับทักษิณ อาจจะมีปัญหาระหว่างเรากับกลุ่มคนเสื้อแดง หรือพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน เพราะคนของทักษิณ และระบอบทักษิณ รัฐบาลหุ่นสมัคร, สมชาย เขาอยู่ในอำนาจ แต่เขาเผชิญหน้ากับประชาชน พวกเราที่ต่อต้าน คัดค้านการเมืองระบอบทักษิณที่เราเรียกว่า ระบอบโกง โคตรโกง และสามานย์ นั่นเขาอาจมาเผชิญหน้ากับเราใช่ไหมครับพี่น้อง แต่วันนี้การต่อสู้ระหว่างเรากับระบอบทักษิณมันยุติลง พรรคประชาธิปัตย์ฉวยโอกาสจากการต่อสู้ครั้งนั้นมาแย่งชิงอำนาจ โดยการอุ้มสมเอา หรือไปปล้นเอาคนมาจากพรรคไทยรักไทย เอาทหารไปบีบหรือไปหิ้วคนบางคนมาจากพรรคเพื่อไทย แล้วมาตั้งรัฐบาลโดยดึงพรรคร่วมรัฐบาลออกมาจากพรรคพลังประชาชนที่ถูกยุบไปแล้ว มันจึงทำให้การเมืองวันนี้เป็นการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มอำนาจเก่า คือ ทักษิณ กับกลุ่มอำนาจใหม่ คือ ระบอบอภิสิทธิ์ ครับพี่น้อง นี่คือคู่ความขัดแย้ง

เดี๋ยวผมพูดต่อไปพี่น้องจะถึงบางอ้อว่า มันจะดุเดือด แหลมคมขนาดไหน และเรื่องที่ยิงกันที่ จ.สมุทรปราการ และที่อื่นๆ ที่จะตามมาอีกหลายแห่งนั้น มาจากการต่อสู้เพื่อชิงอำนาจครับ อีกฝ่ายหนึ่งจะดึงคนในพรรคของอีกปีกหนึ่งไปเป็นพวกตัวเอง บางคนอาจจะจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้า แต่อาจกลับใจไม่ยอมมา อาจจะมีรายการเช็กบิลกัน ด้วยเหตุฉะนี้ครับพี่น้อง ปีกพรรคฝ่ายค้านที่เป็นขั้วหนึ่งก็อยากจะเข้ามาเป็นรัฐบาล พยายามเจาะยาง ซื้อคนในพรรคร่วมรัฐบาลไปร่วมพรรคของตัวเอง เพราะเวลานี้มีการประมูลซื้อตัว ส.ส.ด้วยราคาแพง เพราะเขาเชื่อว่า นักเลือกตั้งเชื่อว่า ถ้ามีเสียงมาก สามารถเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล ก็เสนอคนของตนเองเป็นนายกฯ ขึ้นมาได้ จึงมีการประมูลซื้อตัว ส.ส.กันขนานใหญ่ และมีการหักเหลี่ยม ลูบคมกันทุกสมรภูมิ การยิง การเจ็บ การตาย การล้างผลาญ การอุ้มฆ่ากันจะเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้เต็มแผ่นดิน พี่น้องคอยดู

บางพรรคได้ตัวมาแล้ว วันนี้ยังไม่กล้าเปิดตัว ไม่กล้าแถลง เพราะถ้าเปิดตัวเมื่อไหร่ เรียกว่าไข้โป้ง ตามมาได้ รับเงินมัดจำแล้ววันนี้ไปโผล่ตัวอยู่พรรคนู้นเดี๋ยวได้เจอดี การเมืองวันนี้เล่นกันด้วยความสกปรกและรุนแรงอย่างนี้ครับ ผมถึงบอกว่า ความขัดแย้งที่จะนำมาสู่ความวุ่นวาย และความรุนแรงนั้น มาจากการปะทะกันของการเมือง 2 ขั้วอำนาจ ที่ไม่อาจประนีประนอมกันได้ เพราะอะไรครับ เพราะมีบุญคุณความแค้นกันอยู่ครับพี่น้อง ผมจะบอกให้

การบุบสภา การเลือกตั้งครั้งนี้ ผมบอกได้เลยเป็นการเลือกตั้งที่ไร้อนาคต ไม่ใช่คำตอบ และไม่ใช่ทางออกของประเทศ และระบอบประชาธิปไตยของเราในขณะนี้ ที่กำลังหาเสียงกันบ้าระห่ำ ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ชัยชนะ ผลาญงบประมาณลด แลก แจก แถม แข่งกัน และเสนอตัวให้ประชาชนเลือกว่า คุณจะเลือกผู้นำประเทศประเภทที่เลวแบบไหนมาปกครองประเทศ จะเอาเลวแบบหน้าหล่อ หรือเอาเลวแบบหน้าเหลี่ยม เท่านั้นเองครับพี่น้อง เรามีทางเลือกแค่นี้ว่าคุณจะเอาเลวแบบหน้าหล่อหรือเอาเลวแบบหน้าเหลี่ยมมาปกครอง ถ้าเลวแบบหน้าหล่อก็ชุดนี้ ถ้าเลวแบบหน้าเหลี่ยมก็ชุดนี้ เราไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้เลยครับสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้

เพราะฉะนั้นการยุบสภาครั้งนี้ ผมอยากจะเรียนพ่อแม่พี่น้องว่า ผมเขียนลงใน ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ว่ามันเป็นการเลือกตั้งที่ไร้อนาคต และเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ไร้วุฒิภาวะที่สุด ไร้วุฒิภาวะในที่นี้คือ ไร้อนาคตพี่น้องมองเห็นแล้ว ไร้วุฒิภาวะก็คือ นักการเมือง พรรคการเมืองที่หาเสียง รณรงค์เลือกตั้งนั้น ไม่ต้องคิดอะไรครับ คิดเรื่องเดียวว่า จะลด แลก แจก แถม เอาเงินภาษีประชาชนมาผลาญ มาแจก มาซื้อเสียงกับประชาชนอย่างไร ใครจะหาเสียงลด แลก แจก แถมได้มากกว่ากัน โดยถือว่า ประชาชนทุกคนเป็นลูกค้าของพรรคการเมือง เท่านั้นเองครับพี่น้อง ใครจะให้บริการลูกค้าได้ประทับใจ แจกได้ถึงใจกว่ากัน ขนาดวันนี้ยุบสภาแล้วพี่น้องครับ เสนอนโยบายลด แลก แจก แถมบ้านหลังที่ 1 หลังที่ 2 จะปลดหนี้ พักหนี้ จะมีกองทุนนู้นกองทุนนี้ จะแจกเงินคนชรา จะให้การศึกษาฟรี จะตั้งกองทุนให้กู้ยืม วันนี้เขาแถลงมีแต่นโยบายแจกและใช้เงินอย่างเดียวครับ ไม่มีนโยบายอะไรเลยที่จะทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ยืนอยู่ได้ด้วยลำแข้ง ลำขาของตัวเอง ไม่มีตรงไหนเลยที่จะเพิ่มศักยภาพและความเข้มแข็งให้ประชาชนในชาติ ไม่มีตรงไหนเลยที่จะป้องกันการรั่วไหล การใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย การใช้จ่ายที่เป็นการโกง การทุจริต ไม่มีแม้แต่ข้อเดียว

มิหนำซ้ำ ไม่พอครับวันนี้ จะรีไฟแนนซ์ให้ประชาชนที่เป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรเครดิตขณะนี้เป็นแสนๆ ล้าน เกือบ 2 แสนล้าน ประชาชนที่มีบัตรเครดิตแบบรูดปื้ดๆ แบบผม พี่น้องคงมีบัตรเครดิต เอาไปรูดเงินใช้จ่ายก่อน ไม่ว่าบัตรกสิกร กรุงไทย กรุงเทพ อะไรก็ตามแต่ เวลานี้คนไทยที่เป็นหนี้บัตรเครดิต ประมาณ 2 แสนล้าน รัฐบาลยุบสภาไปแล้ว ตัวเองเป็นรัฐบาลรักษาการ วันนี้เสนอนโยบายจะรีไฟแนนซ์ให้บรรดาลูกหนี้บัตรเครดิต จากที่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ย ค่าปรับ 20% จะลดเหลือ 10% โดยให้แบงก์กรุงไทย กับแบงก์ออมสิน เป็นแม่งานรับหนี้ลูกหนี้บัตรเครดิต โดยเอาจากลูกหนี้ชั้นดี 30% ไปก่อน แต่ลูกหนี้ชั้นไม่ดีผลักภาระให้แบงก์ ทั้งๆ ที่ความจริง ค่าปรับมันคละกันระหว่างลูกหนี้ชั้นดีกับลูกหนี้ชั้นไม่ดี ที่สำคัญไม่ใช่หน้าที่อะไรของรัฐบาลเลยที่จะเสือกเข้ามาเกี่ยวข้องกับประชาชนในเรื่องนี้ ถ้าคุณจะทำ คุณควรจะทำตั้งแต่คุณเข้ามาเป็นรัฐบาล เป็นรัฐมนตรีคลังครั้งแรก คุณควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยค่าปรับจากบัตรเครดิต ร้อยละ 20 ลดลงเหลือร้อยละ 5 ร้อยละ 10 ตั้งแต่ตอนนั้น ทำไมคุณไม่ทำ ทำไมเพิ่งจะมาทำตอนหาเสียงเลือกตั้ง นี่หนึ่ง แล้วสอง หนี้บัตรเครดิต มันเป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นหนี้ฟุ่มเฟือยของประชาชน และเป็นหนี้ส่วนบุคคล ไม่ใช่หนี้ที่จะก่อให้เกิดรายได้ เป็นหนี้การบริโภค เป็นหนี้ค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย ใครกินใครใช้จ่ายก็ควรจะเป็นคนนั้นรับผิดชอบ รัฐบาลไม่ควรอุ้มสมและดึงการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ถ้าจะทำมันควรจะทำตั้งแต่แรก ตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาล ซึ่งผมเห็นด้วยถ้าทำแบบทั่วไป เพราะบัตรเครดิตโหด และปรับประชาชนสูงจริง แต่ควรจะยกเลิกอัตราร้อยละ 20 อาจจะได้แค่ร้อยละ 10 หรือ 15 หรือจริงๆ ไม่ควรเกินร้อยละ 10 จริงๆ แล้วหนี้สินเชื่อ ไฟแนนซ์เช่าซื้อรถยนต์ และหนี้ทั้งระบบที่เป็นการปล่อยสินเชื่อที่ไม่เป็นธรรมสำหรับประชาชน คนที่เช่าซื้อรถจะรู้เรื่องดี เขาคิดดอกเบี้ยแบบแฟลชเลท คือ ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ถ้า 4 ปีดอกเบี้ยจากต้น 1 ล้าน ปีละแสน 4 ปี 4 แสน หารบวกคำนวณเป็นค่างวด ดอกเบี้ยแบบนี้ไม่เป็นธรรม อย่างนี้ทำไมไม่เลิกแต่แรก แล้ววันนี้ควรจะเลิก เลิกก็เลิกทั้งระบบ ไม่ใช่เลือกปฏิบัติ วันนี้กลายเป็นว่า รัฐบาลแข่งเอาใจแต่ละกลุ่ม เพื่อหาเสียง และไม่รู้ว่าเปลี่ยนจากรัฐบาลนี้แล้ว รัฐบาลอื่นกลับมาจะเอาแบบนี้หรือไม่ หรือถ้าเอาก็กลายเป็นนโยบายที่สปอย เรียกว่า ทำให้ประชาชนเกิดพฤติกรรมที่ไม่รับผิดชอบ และเสียผู้เสียคน โดยเมื่อก่อภาระหนี้ขึ้นมาแล้ว รัฐบาลเสนอหน้าเป็นคนรับผิดชอบ แน่นอนคนที่เป็นหนี้ย่อมจะชอบ แต่มันทำให้เสียระบบการเงินของประเทศ และวินัยการเงินการคลังของประเทศ และสนับสนุนพฤติกรรมที่ไม่ดีของประชาชน ในที่สุดประชาชนทุกคนก็สุรุ่ยสุร่าย ไม่มีความรับผิดชอบ ก่อหนี้เยอะๆ รัฐบาลจะมาใช้หนี้ให้ ครูก็ก่อหนี้ ข้าราชการก็ก่อหนี้ พนักงานก็ใช้จ่ายเกินตัว ประเทศนี้เลยมีแต่คนที่ไม่รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ไม่ต้องหาเงิน ไม่ต้องอดออม ไม่ต้องควบคุมบริหารการใช้จ่ายของตนเอง ใช้ไปเถอะเดี๋ยวรัฐบาลก็มาหาเสียงใช้หนี้ให้ ประเทศจะเจริญได้อย่างไรถ้ามีผู้นำประเทศโง่ๆ อย่างนี้ แล้วมีประเทศไหนบ้างที่เขาทำให้ประชาชนเป็นพวกแบมือขอทานอย่างเดียว และไม่ต้องรับผิดชอบ ประเทศที่เจริญแล้วไม่มีแบบนี้ มีแต่ประเทศไทยนี่แหละ ผมถึงบอกมันเป็นระบอบประชาธิปไตยของคนที่ไร้วุฒิภาวะ ทั้งผู้นำประเทศและประชาชนบางส่วนที่งมงาย และตกเป็นทาสนโยบายประชานิยม

พี่น้องครับ ความจริงแล้วผมตั้งใจจะพูดคุยกับพี่น้องเพื่อชี้ให้เห็นว่า การยุบสภาการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคการเมืองทุกพรรคที่มาให้เราเลือก เมื่อเรามาพูดถึงโหมดที่เราจะเข้าสู่การเลือกตั้ง เราจะต้องเอาข้อมูลมาตีแผ่ทุกฝ่ายให้ประชาชนได้เห็นว่า ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยก็ดี พรรคประชาธิปัตย์ก็ดี และพรรคอื่นๆ ที่ร่วมรัฐบาลในขณะนี้ ทุกพรรคมีปัญหาหมด ไม่มีใครอยู่ในฐานะที่จะเป็นทางเลือกให้กับบ้านเมืองได้เลย เดี๋ยววันต่อๆ ไปผมจะเอาข้อมูลทุกด้านมาพูดให้พี่น้องฟัง ว่าถ้าเราเลือกเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลเราจะได้อะไร เราจะเสียอะไร เราจะเผชิญปัญหาอะไร ถ้าประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ประเทศจะเป็นอย่างไร ประชาชน ชาติบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร และถ้าพรรคร่วมรัฐบาลยังมีชีวิตอยู่ไปห้อยไปโหนฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร อะไรจะดีขึ้น มันจะมีแต่ความเลวร้ายในแผ่นดิน หรือจะมีทางออก ทางเลือกให้กับบ้านเมือง เราต้องพูดกัน ให้ข้อเท็จจริงกับประชาชนทุกฝ่าย เพื่อยืนยันว่า เรามาชุมนุมที่นี่ เราพูดเพื่อหาทางออกให้กับชาติบ้านเมือง เราไม่ต้องการจะมาเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ต้องการชโลมเชลียร์พรรคใด ฝ่ายใด เพราะเราไม่เอาทุกคน ทุกพรรค ด้วยการโหวตโนใช่ไหมครับพี่น้อง เราจึงต้องนำข้อเท็จจริงมาให้พี่น้องรับทราบทุกฝ่าย พรรคประชาธิปัตย์ หรือคนที่พยายามจะโจมตีเรา พยายามจะบอกว่า พวกเราอาจจะไปรับเงินพรรคนู้นพรรคนี้มาล้มเขา ถ้าคุณพูดจาเป็นเท็จ และใส่ร้ายประชาชน ผมขอให้คุณฉิบหายไปตลอดชีวิต ถ้าใครใส่ร้ายประชาชนขอให้มีอันเป็นไปครับ ประชาชนอย่างพวกเรามาด้วยใจสุจริตบริสุทธิ์ ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่จะรับเงินใครมาทำลายใคร เราถือผลประโยชน์ชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ถ้าจะมีใครรับเงินใคร ซื้อใคร มันก็สกปรกอยู่ในหมู่พวกคุณที่เอาเงินไปฟาดหัวกันเอง แล้วคุณจำไว้ว่า อย่าคิดว่าพวกผมไม่รู้ พวกคุณพยายามเอาเงินมาซื้อคนของเราอยู่ในกระบวนการของพวกเราเหมือนกัน แต่เจาะพี่น้องพันธมิตรฯ ไม่เข้าครับ ซื้อพวกเราไม่ได้ ก็เลยหาทางปล่อยข่าวทำลาย แต่อาจจะมีบางคนที่ไม่ใช่พวกเรา หรือเคยมาห้อยมาโหนกับพวกเรานั่นแหละ อิงแอบพวกเรานั่นละไปรับเงินสกปรก แล้วนึกว่าพวกเรารับ ความจริงพวกเราไม่เกี่ยว เป็นพวกพันธมิตรเพื่อประชาธิปัตย์ หรือพันธมิตรห้อยโหน ไม่ใช่พวกเรา และพวกนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรา

พี่น้องครับ ผมอยากสรุปในประเด็นเรื่องการเลือกตั้งและการยุบสภา เพื่อปิดท้าย เพราะประเด็นที่จะพูดถึงว่า พรรคเพื่อไทยมีข้อดีข้อเสียอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างไร แต่ละพรรคเป็นอย่างไร เราจะมาพูดในทางหลักการและวิชาการให้พี่น้องฟัง เพื่อพี่น้องจะได้รู้ว่า ทุกคนมันก็คือๆ กัน พอๆ กัน เลวชั่วไม่ต่างกันเลย แล้วเราจะได้ตัดสินใจได้ แต่บทสรุปของผมในการยุบสภา และการเลือกตั้งครั้งนี้ พี่น้องคอยดูนะครับว่า ผมจะสรุปถูกไหม แล้วผมเชื่อแน่ว่า สิ่งที่ผมสรุปไว้ทุกอย่าง ขณะนี้เป็นไปตามที่ผมพูดไม่มีผิด ว่าพอใกล้ถึงวันเลือกตั้ง ที่เขาคุยว่าเขาจะได้ 200 เสียงขึ้นไป เขาจะทำอย่างไร ผมรู้ว่าเขาจะทำอย่างไร พรรคที่คิดว่าตัวเองจะได้ 200 เสียง ในขณะนี้เป็นรัฐบาลอยู่ เลือกตั้งคราวนี้เขามั่นใจว่าเขาจะชนะนั้นเขาจะทำอย่างไร

(สัญญาณสะดุด ขาดหาย)

จะไปเป็นผู้ว่าฯ จังหวัดไหนต้องรับประกันกับพรรคก่อน กับเขาก่อนว่า จะทำให้พรรคของเขายกจังหวัด ถ้าไม่อย่างนั้นเขาไม่แต่งตั้งครับ เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ กลไกที่สำคัญที่จะเป็นปัจจัยชี้ขาดแพ้ชนะ นอกจากเงินแล้ว สารพัดวิชามารแล้ว กลไกอำนาจรัฐ

(สัญญาณสะดุด)

พรรคที่อยู่ในอำนาจรู้ดีว่า คราวที่แล้วตัวเองแพ้พรรคฝ่ายนู้นด้วยวิธีไหน พรรคที่เป็นฝ่ายค้านเคยผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว 2 ครั้งที่ชนะท่วมท้น ก็รู้ตัวเองว่าทำมาโดยวิธีไหน วันนี้ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ สองฝ่ายจะฟาดกันแหลกเลยครับพี่น้อง ผมถึงบอกจะเกิดความรุนแรง ด้วยความขัดแย้ง 2 ฝ่ายนี้

5.จะเป็นการเลือกตั้งที่มีความรุนแรงมากที่สุดในประเทศไทย ครั้งนี้ผมทำนายไว้เลย 6.จะสกปรกที่สุด สารพัดวิชามาร ไม่ว่าเปลี่ยนหีบ ไม่ว่าแก้คะแนน ไม่ว่าอุ้มฆ่า ปล้นจี้หัวคะแนน สารพัดโกงจะงัดมาใช้ เพราะมันเจ้าวิทยายุทธ์ทั้งนั้น ฝ่ายรัฐบาล ยี่ห้อยพี่น้องก็รู้แล้วอยู่ปีกไหน ยังมีกลไกรัฐ กลไกทหาร สารพัด ฝั่งนู้นก็ไม่ธรรมดา เพราะฉะนั้นจะรุนแรงและสกปรกที่สุด นโยบายหาเสียงจะเป็นนโยบายสามานย์ที่สุด และเป็นนโยบายลดแลกแจกแถม เป็นนโยบายที่ไม่มีวุฒิภาวะที่สุด 9.การเลือกตั้งจะทำให้ได้เผด็จการในคราบประชาธิปไตย เพราะทุกฝ่ายที่ได้อำนาจมา จะต้องใช้อำนาจเผด็จการในคราบประชาธิปไตยเพื่อเล่นงานอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วพวกเราอย่าดีใจนะวันนี้ ที่ตู่-จตุพร ไม่ได้ประกันตัว ถ้าทำอย่างนี้ได้ วันหนึ่งข้างหน้าก็ทำกับพวกเราได้ คอยดูนะครับ อำมหิตรัฐบาลนี้ ผมถึงไม่ดีอกดีใจตู่จะโดนคุมขังโดนอะไร แต่ว่ามันทำอย่างนี้ได้ วันหน้าจะอาศัยว่า ก็ให้เท่ากันไง เดี๋ยวเป็นสองมาตรฐาน จะหาเรื่องจับแกนนำไปขังเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราอย่าดีใจ ต้องรู้เท่าทันคนนี้ ผมไม่เคยเชื่อมันเลย เพราะฉะนั้นพี่น้องดูไปว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากเรา มันจะเกิดจาก 2 ฝ่ายที่ต้องเอาคืน เพราะทางฝั่งนู้นก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน 10.การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีตัวเลือกให้เราเลือกด้วยตัวเลือกที่เลวที่สุดทั้งนั้น ไม่มีตัวเลือกว่าเลวมากเลวน้อย เลวพอๆ กัน จะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในประเทศไทยที่ประชาชนเลือกว่าจะเอาเลวแบบหล่อ หรือเอาเลวแบบเหลี่ยม 11.จะมีการประมูลค่าตัว ส.ส.แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ นี่เป็นความจริง ขนาดพวกเรายังมีการทาบทามประมูลตัวคนที่เคยเป็นพี่น้องเรามาขึ้นเวทีนี้ ถูกทาบทามตัวให้ไปลงเลือกตั้งด้วยเงิน 50 ล้าน แต่เขาไม่เอา เพราะเขาเห็นว่า คงไม่ได้ลงพรรคการเมืองใหม่ ก็แอปโพสต์เข้ามา เอาไหมไปลงพรรคมัน มันให้ 50 ล้าน เป็นอย่างนี้ครับ แล้วพวก ส.ส.เก่า จะถูกประมูลตัวด้วยเงินมหาศาล และจะชิงกัน ฆ่ากันด้วยการแย่งตัว ส.ส.ครับพี่น้อง

12.สังคมจะเสื่อมทรามที่สุดจากการเมืองและการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมทำนายไว้เลย 13.ทุกองค์กรจะติดเชื้อชั่วจากนักการเมืองไปหมด คืออะไรครับ ไม่ว่าองค์กร กกต. ไม่ว่าครู ไม่ว่าตำรวจ ทหาร ข้าราชการ พลเรือน หน่วยงานต่างๆ จะติดเชื้อชั่วจากนักการเมือง ถูกดึงถูกลากมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองหมดเลยครับพี่น้อง เพราะต้องการเอาชนะกันอย่างเดียวครับไม่คำนึงถึงความถูกต้อง 14.จะทำลายความมั่นคงของบ้านเมืองมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะจะมี อีกฝ่ายจะถูกกล่าวหาว่า ล้มล้างสถาบัน อีกฝ่ายจะแอบอ้างสถาบันเป็นเครื่องมือทำลายอีกฝ่าย โดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายเลวพอๆ กัน ฝ่ายหนึ่งปล่อยให้สถาบันเผชิญปัญหาตามลำพังแถมเอาสถาบันมาแอบอ้าง ตีกินหาเสียงอีก แต่อีกฝ่ายหนึ่งแฝงไปด้วยกลุ่มคนที่มีความไม่จงรักภักดี เพราะฉะนั้นจะเป็นผลที่ทำให้กระทบต่อความมั่นคง พร้อมๆ กับปัญหาภาคใต้ ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จะถูกละเลยจากนักการเมืองหมด ไม่มีพรรคไหนพูดถึงปัญหานี้แม้แต่พรรคเดียว เพราะไม่มีปัญญาแก้ไข

15.ผู้ชนะและมีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นบุคคลที่หน้าด้านที่สุดในประเทศไทย 16.ผลการเลือกตั้งจะได้ผู้นำประเทศที่ห่วยที่สุดในประเทศไทย 17.ประชาชนจะถูกเหยียบย่ำ และถูกใช้เป็นเพียงเครื่องมือและบันไดสำหรับเหยียบ ไต่ขึ้นไปสู่อำนาจเท่านั้น เลือกตั้งเสร็จก็จบกันครับ 18.กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมจะถูกละเมิดมากที่สุด รับรองโกงสะบั้นไม่เคารพกฎหมายหรอกครับ ถ้าทำชั่วทำผิดแล้วก็พยายามวิ่งเต้นในระดับพนักงานสอบสวน ระดับอัยการ ให้หลุดเพื่อไม่ไปถึงชั้นศาล หรือวิ่งเต้นระดับ กกต.จังหวัด กกต.ที่เกี่ยวข้อง กระบวนการยุติธรรม และกฎหมาย จะถูกทำลายมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ต่อมา การจัดการเลือกตั้งของ กกต. ผมทำนายไว้เลยว่า จะเป็นครั้งที่ล้มเหลวที่สุดของประเทศ และสุดท้ายก็คือ ประชาชนและประเทศจะผิดหวังที่สุดกับระบอบการเมืองอันโสโครกนี้ครับ ถ้าการเลือกตั้งดำเนินการไปในลักษณะที่ผมกล่าวมา และเป็นอย่างที่ผมกล่าวมาไม่มีผิด เพราะฉะนั้นการตัดสินใจโหวตโนของพวกเรานี้คือ แสงสว่างของบ้านเมือง คืออนาคต คือทางเลือก คือทางออก คือแรงกดดันที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น จงเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราตัดสินใจ และเราเลือก ณ สถานการณ์นี้ คือทางเลือก ทางออก คืออนาคตที่ดีที่สุดของบ้านเมือง วันนี้พบกันเพียงแค่นี้ พรุ่งนี้มีเรื่องมาพูดคุยกับพี่น้องอีก ขอบพระคุณมากครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น