xs
xsm
sm
md
lg

พธม.เล็งติดป้าย “อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา” ทั่วไทย ยันโหวตโนเพื่อชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (แฟ้มภาพ)
“ปานเทพ” แจงภาพสัตว์ 5 ชนิดบนคัตเอาต์อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา ชี้แค่น้ำจิ้ม เล็งติดตั้งทั่วไทย - ซัดเขมรเจ้าเลห์บีบไทยลงนามทีโออาร์ จี้รัฐปกป้องแผ่นดิน ด้าน “ประพันธ์” ชี้เลือกตั้งเลวร้ายสุดในประวัติศาสตร์ ยันโหวตโนทำเพื่อชาติ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (12 พ.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกที่มีการติดตั้งป้ายคัตเอาต์ขนาดใหญ่บริเวณสะพานมัฆวานฯ เพื่อรณรงค์โหวตโน โดยเป็นป้ายคัทเอาท์เสียดสีการเมือง โดยระบุข้อความว่า อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา เข้าคูหากาโหวตโน และมีภาพของสัตว์ 5 ชนิดสวมสูท คือ 1.สุนัขที่ฟันหักจากการกัดกัน และน้ำลายไหล หวังหาผลประโยชน์จากงบประมาณของชาติ 2.เสือที่เป็นตัวแทนของความเขี้ยวลากดินของนักการเมือง 3.กระบือหรือควาย ที่สามารถลากจูงไปทางใดก็ได้ 4.ตัวเงินตัวทอง ที่จ้องแต่จะขโมยงบประมาณแผ่นดินให้ผู้ที่มีภาพลักษณ์ดีที่อยู่เบื้องหลัง แต่ประชาชนเดือดร้อน และ 5.ลิงหลอกเจ้า ที่ไม่สามารถไว้วางใจได้ ตระบัดสัตย์ ไม่รักษาคำพูด และไม่มีวินัย ที่สำคัญในมือยังถือกล้วย ที่ประชาชนต้องไม่ให้โอกาสเข้าไปแจกกล้วยในสภา

นายปานเทพกล่าวอีกว่า สำหรับป้ายคัทเอาท์ดังกล่าวจะมีการติดตั้งหลายจุดในเมือง รวมถึงในต่างจังหวัดด้วย ซึ่งสิ่งนี้เป็นเพียงน้ำจิ้มของการรณรงค์ ก่อนที่จะมีทีเด็ดทยอยออกมา ทั้งนี้ยังมีการออกตระเวนแจกใบปลิวรณรงค์ในพื้นที่ต่างๆ ทั่ว กทม. ขณะนี้แจกไปแล้วประมาณ 3 แสนแผ่น โดยมีเป้าหมายในการเผยแพร่ให้ได้ทั่วประเทศหลายล้านแผ่น

โฆษกพันธมิตรฯ ยังได้ตั้งข้อสังเกตกรณีที่ทางการกัมพูชาออกมาเปิดเผยผลการหารือ 3 ฝ่าย ระหว่าง รมว.ต่างประเทศ ของไทย กัมพูชา และอินโดเซีย ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ในการเปิดเผยโดยทางการกัมพูชามีการระบุถึงมีข้อสรุปที่จะให้มีการลงนามในร่างทีโออาร์ทั้ง 3 ฝ่ายว่า ซึ่งไม่มีข้อใดที่ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรที่กำหนดให้กัมพูชาต้องถอนกำลังออกจากแผ่นดินไทยแม้แต่น้อย ซึ่งเท่ากับว่ากัมพูชากับอินโดเซีย ต้องการบีบให้ไทยยอมรับการมีผู้สังเกตการณ์เข้ามา โดยไม่มีหลักประกันว่าจะผลักดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ ที่สำคัญยังมีการกำหนดกรอบเวลาเป็น 3 ช่วงเวลา คือ ให้ทั้ง 3 ฝ่ายลงนามและแลกเปลี่ยนทีโออาร์ในการเชิญผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียเข้ามาในพื้นที่พิพาท และจัดให้มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนทั่วไป (จีบีซี) และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา ในคราวเดียวกัน หลังจากนั้น 5 วันให้ทีมสำรวจจากอินโดนีเซียเข้ามา ถัดไป 10 วันให้ส่งทีมผู้สังเกตการณ์ลงพื้นที่ และติดตามผลการประชุมจีบีซี และเจบีซี ซึ่งถือเป็นเล่ห์เพทุบายที่ปรากฎเป็นหนังสือออกมาจากฝ่ายกัมพูชา

“สิ่งนี้คือปรากฏการณ์ที่กัมพูชาแถลงว่าเป็นผลการประชุม 3 ฝ่ายที่ตกลงกัน ซึ่งเราไม่ทราบว่าจริงเท็จอย่างไร แต่ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยออกมาทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน ไม่ใช่ดีแต่พูดว่าจะไม่ลงนามในทีโออาร์ แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่ปฏิบัติสิ่งใดที่เป็นการทวงคืนประเทศไทยกลับคืนมา” นายปานเทพกล่าว

ด้าน นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีแนวโน้มในด้านร้ายคือการแข่งขันหาเสียง โดยนำเงินงบประมาณมาลดแลกแจกแถมให้ประชาชน และเป็นการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่ไม่มีวุฒิภาวะ รวมทั้งนโยบายยังไม่สร้างสรรค์ และถือว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นประวัติศาสตร์ที่เลวร้ายที่สุด โดยมีปัจจัยความรุนแรงมาจากการที่ศาลถอนประกันตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิสิต สินธุไพร แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง รวมไปถึงการแย่งซื้อตัวนักการเมืองในราคาที่สูงและพรรคการเมืองใหม่ก็มีผู้เสนอเงินซื้อตัวด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการรณรงค์โหวตโนนั้นเป็นการทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายใด และจะชี้ให้เห็นว่าทุกพรรคการเมืองขณะนี้ ไม่มีใครทำประโยชน์ต่อประเทศชาติแต่อย่างใด
กำลังโหลดความคิดเห็น