“สุมิตร” เปิดมุมมองเล่ห์กลการเมือง ชี้โครงการเมกะโปรเจกต์ กินกันถ้วนหน้า โอดโครงการสนับสนุนเลี้ยงกุ้งภาคใต้กลายเป็นทุ่งสังหารไปแล้ว เผยแผนขยายอุตสาหกรรมลงใต้นักการเมืองกว้านซื้อที่เก็งกำไรล่วงหน้า ลั่นการเมืองถึงทางตัน วอน ปชช.อย่าปล่อยบริษัท ปชป.หรือ พท.คิดทำฝ่ายเดียว ก่อนไม่เหลืออะไรไว้ให้ลูกหลาน ยันโหวตโนไม่ผิด กม.เป็นการใช้สิทธิตาม รธน.
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสุมิตร นวลมณี"
วันที่ 10 พ.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุมิตร นวลมณี พันธมิตรฯสงขลา กล่าวถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า คนเราหากแกล้งโง อาจเป็นคนโง่ถาวรในอนาคต รัฐบาลบอกจะไม่มีการพูดในระดับพหุภาคี ก็เห็นๆกันอยู่คุยกันสามประเทศ หรือท่าจะจริงมีการคุยกันระหว่างเขมรกับอินโดนีเซียเท่านั้น ประเทศไทยเป็นแค่ไม้ประดับ เพราะผลที่ออกมาไทยไม่ได้อะไรเลย หากประเทศไทยยังมีนักการเมืองที่เห็นว่าการเสียดินแดนเป็นเรื่องเล็ก ที่เท่าแมวดิ้นตาย มีหวังในอนาคตเราต้องไปทำบัตรประชาชนเขมรแน่ ทั้งนี้ จะให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรือไม่ พี่น้องต้องถามใจตัวเอง ไม่มีใครไปชี้นำได้ โดยเฉพาะพี่น้องที่ยังยึดติดอยู่กับตัวบุคคล ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหรือพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนักการเมืองสุดยอดปรารถนาเป็นพรรคเมืองในดวงใจ ก็อยากให้พี่น้องได้คิดทบทวน เราจะฝากความหวังไว้ได้อย่างไร
ในเมื่อจากโพลที่ออกมา เขาบอกว่าสิ่งที่พี่น้องต้องการให้แก้ไขมากที่สุด คือ ปัญหาปากท้อง แต่สภาพที่เป็นอยู่ข้าวข้องทุกอย่างแพง ปัญหานี้หากได้ผู้นำที่เอาประเทศชาติเป็นตัวตั้ง สิ่งเหล่านี้จะเบาบางลง หากพูดถึงรัฐบาลนี้ ถือได้ว่า นายอภิสิทธิ์ บริหารบ้านเมืองทำให้เกิดช่องว่าง ส่งผลให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฉวยโอกาสใช้ช่องว่างทำการตลาดมัดใจพี่น้องที่ไม่เคยได้รับการดูแลจากภาครัฐ จนเกิดความเชื่อมั่นหาก พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เงินจะอยู่เต็มกระเป๋า แต่หารู้ไม่ว่านั้นคือยาพิษที่เขามอบให้ แน่นอนเงินอาจจะได้ในระยะแรก แต่ต้องแลกด้วยผลประโยชน์ของชาติทั้งประเทศที่จะต้องเสียในอนาคต สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างจะตกไปอยู่กับผู้มีอำนาจโดยกลุ่มการเมือง
นายสุมิตร กล่าวว่า จำคำพูดตนไว้ให้ดี บ้านหลังแรกที่ได้จากรัฐบาลนี้ ต่อไปในอนาคตจะเป็นหนี้สินบ้านหลังแรกที่คุณกำลังได้รับ เพราะการพลิกแพลงทางกฎหมายและเงื่อนไขของธนาคารสามารถพลิกแพลงได้ตลอด ตนอยู่ภาคใต้เคยเห็นการฟุ้งเฟ้อได้อะไรมาง่ายๆ เช่น รัฐสนับสนุนให้เลี้ยงกุ้ง ประชาชนพากันเปลี่ยนจากท้องนาที่เคยเป็นทุ่งข้าวเขียวขจีไปเป็นนากุ้ง สุดท้ายนาข้าวหายไปนากุ้งก็กลายเป็นดินเปรี้ยว ดินเค็ม ไม่สามารถทำการเกษตรได้ สุดท้ายผลประโยชน์ไปตกอยู่ในมือของกลุ่มทุนเท่านั้น ทุกวันนี้หากใครไปภาคใต้จะเห็นสองข้างทางเป็นทุ่งสังหารดีๆ นี่เอง
นักการเมืองพยายามสร้างวาทกรรม อ้างต้องการให้ประเทศเจริญก้าวหน้า ไปเอาเทคโนโลยี เอาคนต่างชาติเข้ามาลงทุน ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ตัวเอง อย่างกรณีมาบตาพุด ภาคอุตสาหกรรมขาดความรับผิดชอบต่อชุมชน สารพิษจากโรงงานทำให้คนเป็นมะเร็ง เป็นโรคผิวหนัง หืดหอบ
เมื่อเกิดวิกฤตรัฐบาลก็ปล่อยให้ประชาชนรับชะตากรรมไป เมื่อประชาชนรู้เท่ากัน ก็เล่นเล่ห์ซ่อนเงื่อน ขยายอุตสาหกรรมไปภาคใต้ บรรดา ส.ส.ก็จะไปหากว้านซื้อที่ไว้เก็งกำไรก่อนล่วงหน้า ดูได้จ.สงขลา จ.สตูล ถูกกว้านซื้อไว้หมดแล้ว จากนั้นก็จ้างนักวิชาการเลวมาทำวิจัย แล้วเอาข้อมูลของนักวิชาการมาสนับสนุนสร้างความชอบธรรมให้กับแนวคิดตัวเอง โครงการพวกนี้เป็นโครงการระยะยาวคิดกันไว้ล่วงหน้า กินกันมาเป็นทอดๆ ประเทศชาติถึงได้ผอมโซ เหมือนคนติดโรค พอคนรู้ทันรวมตัวต่อต้าน ข้าราชการชั่วก็จะซื้อตัวไปหรือใช้อำนาจข่มขู่จนอยู่ในพื้นที่ไม่ได้ นี่คือภาพๆหนึ่งของการใช้อำนาจของระบอบทุน นักการเมืองและข้าราชการชั่ว
“ถึงทางตันทางการเมือง อย่าปล่อยให้นักการเมือง บริษัทประชาธิปัตย์ บริษัทเพื่อไทยคิดทำฝ่ายเดียว เรารอไม่ได้ต้องรีบดำเนินการไม่เช่นนั้นจะไม่เหลืออะไรไว้ให้ลูกหลาน เราจะปล่อยให้ทิศทางของชาติ ตกอยู่ในกำมือนักการเมือง โดยเรามีส่วนร่วมเฉพาะตอนลงคะแนนไม่ได้ เราหวังพึ่งใครไม่ได้นอกจากตัวเราเอง ถึงเวลาใช้สิทธิ์ ให้ไปใช้สิทธิ์ของเรา โหวตโนไม่ผิดกฎหมาย เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ”
นายสุมิตร กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของชาติไม่ใช่เรื่องของพันธมิตรฯคนเดียว หากพี่น้องคิดออกจงลุกออกมาช่วยกัน อย่ามีอคติมาช่วยชาติไม่ได้ช่วยพันธมิตรฯ ออมาจากบ้าน ออกมาจากธุรกิจที่คุณบอกไม่ว่างไม่มีเวลา ขอเวลาให้กับประเทศชาติสักวัน ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง คนที่สนับสนุนเดินหน้าโหวตโน ไม่ใช่นายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือ คณะกรรมการปกป้องราชอาณาจักรไทย แต่เป็นจิตใต้สำนึกของตัวเราเอง ที่ต้องทำเพื่อชาติ ศาสตร์ กษัตริย์
ตนก็เป็นพันธมิตรฯ คิดว่ามีความคิดไม่ต่างจากพี่น้องที่นี่ อะไรที่ไม่ถูกต้องพันธมิตรฯจะไม่ยอมรับ แต่อะไรที่ถูกต้องจะสู้ตายถวายหัว เราหวังพึ่งใครไม่ได้นอกจากตัวเอง จงเอาสติจากการที่เรามีธรรมอยู่ในใจ อย่าให้เขาพูดได้ว่าเป็นเพียงวงเสวนาเหมือนวงเหล้า ที่เขาเรียกว่าเหล้าหนาแล้วปัญญาเกิด เกิดเพราะความไม่มีสติ ในเมื่อปัญญาของเราเกิดเพราะมีสติ จงลงพื้นที่ใช้ความรู้ที่มีให้เป็นประโยชน์ บอกกับคนที่ยังไม่รู้ได้รู้ ให้มันรู้ไปว่าธรรมะจะไม่ชนะอธรรม หากความดีเอาชนะความชั่วไม่ได้โลกนี้ก็อยู่ไม่ได้