"ปานเทพ" เซ็ง "แก้วสรร" มีแนวคิดคล้าย "เจิมศักดิ์" สุดงง รบ.ชวน ปชช. เลือกคนเลวน้อย ทั้งที่คนเลวก็ยังเป็นคนเลวอยู่ดี พร้อมเหน็บ"คนขายชาติกับคนปล้นแผ่นดิน"ไม่รู้ใครชั่วกว่ากัน วอน ปชช. เลือกตั้งอย่าหนุนคนโกง ย้ำหอการค้าบอกชัดนักการเมืองโกงมากขึ้น 30% โอดเบื่อทักท้วงเชิญ รบ.ทำ ทีโออาร์ ตามสบาย แต่จะขอไล่บี้เอาผิดคดีอาญาอย่างเดียว แย้มโทษเบาะๆแค่ ประหารชีวิต เท่านั้นเอง
วันที่ 3 พ.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงนายแก้วสรร อธิโพธิ หลังออกมาพูดโหวตโนเพื่อนำไปสู่การรัฐประหาร ว่าทุกคนมีความเห็นต่างกันได้ แต่เราเชื่อสิ่งที่เราทำเดินมาถูกทางแล้ว เวที่นี้ทุกคนมาด้วยหัวใจ ด้วยความเชื่อในสิ่งเดียวกัน ไม่มีใครเป็นเจ้านายใคร สิ่งที่เราสู้ ไม่เคยเรียกร้องให้พี่น้อง กาเลือกพรรคการเมืองใหม่ ไม่ได้ทำเพื่อตนเองและพวกพ้องไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครดู เอเอสทีวี มากมายอย่างก้าวกระโดด เราทำภาคประชาชนตรวจสอบนักการเมือง ไม่เลือกว่าจะเป็นพรรคการเมืองใหน ที่จริง อ.แก้วสรร น่าจะเป็นคนเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กำเนิดจากคณะรัฐประหาร หากไม่มีรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะมีทางขึ้นสู่ศาลได้เลย เพราะทุกองค์กรถูกครอบงำทางการเมือง ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า อ.แก้วสรร เริ่มมีความคิดคล้าย นายเจิมศักดิ ปิ่นทอง ที่เคยพูดว่า "เราควรเลือกคนที่เลวน้อยที่สุดแล้วค่อยๆปฏิรูป" ซึ่งสอดคล้องกับรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์ พูดว่า "ขอให้สังคมพิจารณาว่าระหว่างคนเลวมากกับเลวน้อยควรจะเลือกใคร" ตนเพิ่งเคยได้ยินนักการเมืองเรียกร้องให้คนไปเลือกระหว่างเลวมากกับเลวน้อย ทำไมเราไม่เหลือคนดี มีแต่ชั่วมากกับชั่วน้อย
“คนเลวจะแปลว่าดีไม่ได้ ขณะเดียวกันคนดีจะแปลว่าชั่วไม่ได้ หรือ ค่อยยังชั่ว ผลคือมันก็ยังชั่วอยู่ดี ดังนั้น คนที่บอกว่าคตนเองชั่วน้อย แล้วกล่าวหาคนอื่นชั่วมาก แต่ไม่เคยบอกว่าตัวเองชั่ว สงสัยคนประเภทนี้ชั่วมากหรือชั่วน้อยกันมาก ไม่รู้ใครชั่วกว่ากันระหว่าง คนขายชาติกับคนปล้นแผ่นดิน "
นายปานเทพ กล่าวว่า อ.แก้วสรร เคยเขียนบทความ เปรีบบนักการเมืองดังโสเภณี ที่มีแม่เล้าคอยคลุม จ่ายส่วย ก็อยากถาม วันนี้ อ.แก้วสรรค์ บอกให้ช่วยเลือกคนดีเข้าสภา ซึ่งตนไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ เพราะจะทำให้คนดีจะกลายเป็นคนชั่วตามระบบที่เป็นอยู่ เพราะเมื่อเราหย่อนบัตร แน่นอนจะได้คนที่เราคิดว่าชั่วน้อย แต่ระบบการเมืองจะทำให้คนเหล่านี้ยกมือให้คนชั่วปกครองบ้านเมือง ดูได้จากการปภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ว่าจะเป็นคนดีแค่ไหนสุดท้ายยกมือให้คนชั่วอยู่ดี กับอีกทางหนึ่งหลังเราหย่อนบัตรจะได้คนชั่ว ซึ่งถ้าเรารู้ว่าเป็นคนชั่วแล้วยังหย่อนบัตรให้อยู่ แสดงว่าเราได้ทำร้ายประเทศ ถือว่าได้เลือกคนชั่วเข้าไปบริหารประเทศแล้ว
“พรรคการเมืองทุกพรรค มีการแจกเงินเดือน นอกเหนือเงินเดือนประจำ คำถาม พวกเขาเหล่านั้นเอาเงินมาจากไหนถึงทำได้ ทั้งที่ไม่มีอาชีพอื่น อยู่ดีๆก็รวยล้นฟ้า จ่ายเงินเดือนให้ ส.ส.เดือนละ 20 ล้าน ทำได้อย่างไร คนพวกนี้หากจะรักษาอำนาจไว้ได้ก็ต้องเป็นรัฐบาล ส่งผลให้นักการเมืองพวกนี้ ถึงได้โกงชาติ ลองคิดดูนักการเมืองเหล่านี้จะต้องโกงชาติเท่าไร ถึงจะทำเช่นนี้ได้”
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า บรรดานักธุรกิจที่รวมตัวกันที่เรารู้จักในนามหอการค้า จากผลสำรวจเขาบอกว่า นักการเมืองโกงมากขึ้น 30% ตกลงที่ผ่านมาเราไล่นักการเมืองโกงไปแล้ว จะให้เลือกคนโกงอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามา ซึ่งตนคิดว่าไม่ใช่หนทางที่ดี เราจึงต้องการเปลี่ยนระบบ ไม่ใช่คนกลุ่มนี้ พวกที่สร้างปัญหาให้กับแผ่นดิน
“นายอภิสิทธิ์ พูดกับเยาวชน ว่า คนเบื่อการเมืองมาก เพราะมีแต่ความขัดแย้ง ทุจริต หากเป็นประชาชนสามารถพูดได้ไม่แปลก แต่คนที่เป็นนายกฯ ไม่สมควรพูด เพราะมีหน้าที่ต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้เป็นเช่นนี้”
นายปานเทพ กล่าวทิ้งท้ายว่า เศร้าใจที่ กระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าเสนอแผน ทีโออาร์ พยายามเชิญทหารอินโดนีเซีย เข้ามาสังเกตการณ์ ในแผ่นดินประเทศไทย 4 จุด ประเทศกัมพูชา 3 จุด โดยคิดเอาเองไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ไม่เข้าข่ายรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ทั้งที่ทหารไทยยังไม่ได้ไล่ทหารเขมรออกไป หากทำอย่างนี้ไทยเสียดินแดนแน่นอน ต่อแต่นี้อยากทำอะไรก็เชิญ เราจะไม่ทักท้วง แต่พวกเราจะไล่บี้เอาผิดคดีอาญาจนถึงที่สุด สำหรับโทษอาญานี้ไม่มากสูงสุดแค่ ประหารชีวิต เท่านั้นเอง
