เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
๐๐ กลายเป็นเรื่องฮือฮาเหนือความคาดหมายกันไปอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับผลโหวตผ่านทาง “เอ็มเอสเอ็น” ที่ออกมา “โหวตโน” เหนือคะแนนโหวตให้พรรคการเมืองทั้งหลาย ทั้งพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนพรรคอื่นไม่ต้องพูดถึงได้คะแนนโหวตรวมกันไม่ถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น สำหรับผลที่ออกมาแม้ว่าคะแนนไม่นิ่ง ยังไม่สรุป แต่ที่น่าสนใจก็คือแม้คะแนนยัง “ไม่นิ่ง” แต่ก็กระแสพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
๐๐ที่ต้องบอกว่าเหนือความคาดหมายก็เพราะในตอนแรกที่เริ่มมีการพูดถึงเรื่องนี้ คงคิดว่าไม่มีใครเอาด้วย หรือมีก็เพียงกระเส็นกระสาย เพราะเกรงว่าจะถูกมองว่าเป็นพวก “ก่อกวน” หรือพวกป่วนไปเสียอีก แต่ทำไปทำมากลายเป็น “กระแส” ที่เริ่มเดินมาในทางนี้กันมากขึ้น ขณะเดียวกันอีกด้านมันก็ทำให้เข้าใจได้ทันทีว่ากระแส “เบื่อ”พรรคการเมือง นักการเมืองเริ่มพุ่งสูงขึ้นทุกวัน เริ่มมองเห็นแล้วว่าคนพวกนี้มัน “ไร้ค่า” ไม่มีความหมายในสายของชาวบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคงเห็นตำตาว่าบรรดาพวกที่ “บังอาจ” เสนอหน้าเข้ามามัน “กระจอก” สิ้นดี แถมบางคนยังเคยร่วมขบวนการ “ปล้นชาติ” ร่วมสร้างวิกฤตให้กับบ้านเมือง ก่อความทุกข์ยาก หรือเคยร่วมส่งเสริมเผด็จการ “ห้อยโหน” เปลี่ยนสีไปตามผลประโยชน์ร่วมตลอดเวลา ไม่เคยมีอุดมการณ์เพื่อส่วนรวมเลยแม้แต่น้อย คนพวกนี้หรือที่จะให้มาเป็นตัวแทน เป็นผู้ทรงเกียรติมา “แอบอ้าง” สิทธิ์แทนตัวเรา
๐๐นอกจากนี้สิ่งที่ต้องสนใจก็คือในการโหวตคราวนี้ ยังมีการเปรียบเทียบความนิยมระหว่างสองพรรคใหญ่ คือเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ ซึ่ง “พรรคแม้ว” ก็ยัง “นำโด่ง” เมื่อเทียบกับ “พรรคมาร์ค” นั่นก็แสดงให้เห็นเช่นเดียวกันว่าความยึดมั่นต่อ ทักษิณ ชินวัตร ก็ยังมีอีก “ก้อนโต” ขณะที่ฝ่ายหลังแม้ว่าจะกุมอำนาจรัฐบาล สามารถอาศัยกลไกทั้งด้านนโยบาย บุคลิกการทำงาน สร้าง “ภาวะผู้นำ” ขึ้นมาให้โดดเด่นเหนือฝ่ายตรงข้าม แต่ในที่สุดกว่าสองปีที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้นำกลับไร้ประโยชน์ ตกเป็นเครื่องมือกลายเป็น “หุ่นเชิด” ให้กับกลุ่มผลประโยชน์ที่ “หากินกับการเมือง” มาตลอด กลายเป็นเครื่องมือให้กับคนพวกนี้ทำร้ายบ้านเมืองไปเสียอีก เลวร้ายยิ่งกว่าเก่า มันก็ไม่ต่างจาก “พายเรือให้โจรนั่ง”
๐๐ อย่าได้แปลกใจที่เมื่อกระแส “โหวตโน” พุ่งสูงปรี๊ดมันก็ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ระดับ “เขี้ยว” ทั้งหลาย ต่างนั่งไม่ติด ล่าสุดถึงกับต้องออกโรง “ขอร้อง” ให้เลิกรณรงค์ “สร้างกระแส” ดังกล่าวโดยไว ขณะเดียวกันภายในพรรคก็เริ่มถกเถียง เริ่มมีอาการ “กระเพื่อม” ภายใน โดยเฉพาะมีความเคลื่อนไหวเข้ามา “ขวาง” การ “ยึดพรรค” ของ “เทพเทือก” กันมากขึ้น และเท่าที่เห็นก็ยังเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างสองกลุ่มเดิมคือ กลุ่มของ “น้าหยัด” บัญญัติ บรรทัดฐาน ที่มองเห็นแล้วว่าหากปล่อยให้สถานการณ์ภายในพรรคยังอยู่ในรูปเดิมต่อไป เห็นทีจะต้องเสียท่า ที่สำคัญทำให้ “พรรคแตก” ป่นปี้แน่
๐๐ เท่าที่เห็นอาการปั่นป่วนภายในที่เกิดขึ้นแรงขึ้นทุกวันก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการ “คัดตัว” ผู้สมัครลงเลือกตั้ง เพราะข่าวว่า เทพเทือกจะดันแต่พวกลูกหลาน คนของ “นายทุนพรรค” ลง ส.ส.เขตท่าเดียว มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องมีเสียงโวยวาย เริ่มแรกมาจากเขตบางบอนของ “แจ๊ค” วัชระ เพชรทอง” ที่อุตส่าห์ทำงาน สร้างสีสันเข้ากับชาวบ้าน ต่อกรกับพวกเสื้อแดง โดยเฉพาะกับ “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ได้อย่างถูกคู่ แต่ก็ยังถูกเมิน เพราะ “ไม่ใช่เด็ก” ของตัวเอง จึงต้องผลักออกไปให้พ้นทางให้ได้ แต่สำหรับหนุ่มแจ๊คถือว่าเป็นนักเคลื่อนไหวตัวยง ก็ออกมาโวยวาย มันก็ยิ่งทำให้สังคมได้รับรู้ภายในมากขึ้น แต่ถ้าพิจารณาโดยสรุปไม่ว่าพรรคไหนก็ตามมีทางเดียวคือ “โหวตโน” เท่านั้น
๐๐นาทีนี้ก็ไม่ต้องคิดอะไรกันมากแล้ว เพราะในที่สุดแล้ว เป็นข้อสรุปออกมาแล้วว่าจะมีการยุบสภาไม่เกินวันศุกร์ที่ 6 พ.ค.นี้อย่างแน่นอน ล่าสุดก็เป็นการบอกใบ้จาก “คนสั่งการ”ในรัฐบาลอย่าง สุเทพ ออกมาแล้วว่าจะยุบสภาไม่เกินวันเสาร์ ซึ่งมันก็คือวันที่ 6 พ.ค.นั่นเอง ก็ว่ากันไป เพราะนับจากนี้ก็เริ่มกระแสรณรงค์โหวตโน ไม่เลือกใคร เพราะ “เซี้ย” ทุกตัว พี่น้องเอ้ย !!