ปชป.ปัดเกิดปัญหาจัดตัวผู้สมัคร เชื่อได้ข้อยุติจันทร์นี้ รับห่วงหลังเลือกตั้งความขัดแย้งยังอยู่ เรียกร้องประชาชนปฏิเสธความวุ่นวาย เลือกพรรคที่ไม่สร้างปัญหาเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงปฏิเสธว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้งในการพิจารณาส่งผู้สมัคร ส.ส. ยืนยันว่าผู้สมัคร และ ส.ส.ปัจจุบันของพรรคทุกคนเป็นบุคคลากรที่ได้รับการยอมรับไว้และวางใจจากประชาชน ซึ่งพรรคตระหนักถึงการทำงาน ของ ส.ส. ทุกคนที่ยึดแนวทางของพรรคในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาของประชาชน
ส่วนปัญหาการทับซ้อนของพื้นที่เนื่องจากเขตเลือกตั้งที่ลดลงนั้น พรรคมีขั้นตอนในการดำเนินการ ซึ่งจะได้ข้อยุติในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคในวันจันทร์ที่ 2 พ.ค.นี้ ส่วนการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจะดำเนินการภายหลังที่มีการยุบสภาแล้ว ทั้งนี้ ส.ส.เดิมของพรรคจะได้รับการพิจาจารณาให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อหากบุคคลนั้นปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์อยู่แล้ว
“อยากให้ทุกคนที่วิตกกังวลในเรื่องของการจัดสรรตัวผู้สมัครไม่ว่าจะเป็นนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กรุงเทพฯ และนายพินิจ กาญจนชูศักดิ์ รองประธานสภา กทม.พรรคประชาธิปัตย์ พี่ชาย น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคตระหนักดีถึงการทุ่มเทการทำงานของครอบครัวกาญจนชูศักดิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบิดาของบุคคลทั้งสองที่เป็นประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขตสัมพันธวงศ์ พรรคทราบดีว่าเป็นผู้ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาชนในนามพรรคมาโดยตลอด เป็นครอบครัวที่ทำประโยชน์ให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง”
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาความขัดแย้งเรื่องตัวผู้สมัครจะยุติลงในวันที่ 2 พ.ค.นี้ใช่หรือไม่ นพ.บุรณัชย์ยืนยันว่าไม่ใช่ปัญหาความขัดแย้ง แต่เป็นปัญหาเฉพาะบางเขต ถ้าพิจารณาจากจำนวน ส.ส.ทั้งหมด ถือว่าเป็นส่วนน้อยและเป็นบุคคลบางคน เพราะแนวทางของพรรคจะต้องดูภาพใหญ่
ต่อข้อถามว่า ส.ส.ของพรรคจะคำนึงถึงภาพใหญ่ของพรรคด้วยหรือไม่ นพ.บุรณรัชย์กล่าวว่า แน่นอน พรรคจะพิจารณาถึงการทุ่มถึงการทำงานของ ส.ส.และประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาพรรคจะพิจารณาข้อมูลและรับฟังความคิดของสาขาพรรคและแประชาชนในพื้นที่ด้วย
ส่วนที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เชื่อว่าหลังเลือกตั้งยังมีปัญหาความขัดแย้งอยู่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นายบรรหารเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองที่มีประสบการณ์ในการพาบ้านเมืองผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง ซึ่งข้อห่วงใยของนายบรรหารก็ใกล้เคียงกับของพรรคและประชาชนที่หวังจะเห็นบ้านเมือง เดินหน้าและหวังที่จะเห็นการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสงบ รวมทั้งหวังว่าความขัดแย้งจะหายไปจากสังคม
“สิ่งที่พรรควิตก คือ เรื่องการเคลื่อนไหวนอกสภาของกลุ่มการเมือง ที่มีการควบรวมกับพรรคการเมืองหลัก ซึ่งผลการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการทำร้ายประเทศ ทำให้ความวุ่นวายไม่หมดสิ้นไป มีความเสี่ยงที่ความวุ่นวายจะกลับไปสู่ความขัดแย้งและความรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น อยากให้ประชาชนออกมาปฏิเสธความวุ่นวายเหล่านี้ โดยการกำหนดทิศทางของประเทศจากพรรคที่เสนอตัวเป็นทางเลือกว่าพรรคใดทำให้ประเทศเดินหน้า หรือพรรคใดที่แก้ไขปัญหาการเมืองเพื่อคนๆ เดียว แต่ทำให้ประเทศกลับไปสู่ความวุ่นวายไปอีกครั้งหนึ่ง”