xs
xsm
sm
md
lg

"เติ้ง" ชี้การเลือกตั้งแก้ขัดแย้งไม่ได้ ปัดพรรคเล็กจัดตั้งรบ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรหาร ศิลปอาชา
ปธ.ที่ปรึกษาหน.ชทพ. พูดชัดนายกแก้ปัญหาความแตกแยกไม่ได้ จึงประกาศยุบสภา แต่เชื่อหลังการเลือกตั้งก็ไม่มีอะไรดีขึ้นความขัดแย้งยังคงอยู่ ปฏิเสธพรรคเล็กเป็นแกนนำจับมือจัดตั้งรัฐาลย้อนยุคหม่อมคึกฤทธิ์ เชื่อเป็นไปได้ยาก เพราะพรรคใหญ่ไม่เล่นด้วย

วันนี้ (29 เม.ย.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงที่หลายฝ่ายยังแสดงความกังวลว่า จะไม่มีการเลือกตั้งว่า นายกรัฐมนตรีย้ำว่ามีแน่นอน วันยุบสภาก็มีอยู่แล้วว่า เป็นต้นพฤษภาคม แต่ถ้ามันจะไม่มีเพราะอะไรตอบไม่ได้ เป็นเพราะอะไรที่จะไม่มี นอกจากว่า สงครามเกิดขึ้นค่อยว่ากันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาระบุว่า จะมีการปฏิวัติ 1-2 วันนี้ นายบรรหาร กล่าวว่า ฝ่ายทหารออกมายืนยันแล้วมาว่าไม่มีปฏิวัติ ก็ต้องเชื่อ

“บ้านเมืองทำไมเป็นอย่างนี้ก็ไม่รู้ เมื่อก่อนไม่เป็น ซึ่งเป็นเพราะอะไรตอบไม่ได้ จะทำอย่างไรให้เกิดความเข้าใจกันได้คงยาก บางฝ่ายก็เข้มงวดเหลือเกิน มันคงจะลำบาก บรรยากาศการเลือกตั้งครั้งนี้จะว่ารุนแรงก็รุนแรง เพราะยังมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันแบบนี้ เลือกกลับเข้ามาก็เหมือนเดิม มาเป็นรัฐบาลก็เหมือนเดิม แดง-เหลือง ก็ยังอยู่เหมือนเดิม อะไรก็ยังอยู่หมด ปัญหาต่างๆก็ยังอยู่ แต่ก็ยังหวังว่า ถ้ามีการเลือกตั้งก็จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เขาหวังว่าอย่างนั้น ผมก็หวังเหมือนกันว่ามันก็จะดีขึ้น แต่ความนึกคิดของผมยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรสลายไป” นายบรรหาร กล่าว

เมื่อถามว่า จริงๆ แล้วก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง เราควรแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่มีอยู่ให้หมดก่อนหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า นายกฯแก้ปัญหาไม่ได้ จึงนำไปสู่การยุบสภา และถึงแม้จะนำไปสู่ยุบสภาก็แก้ไม่ได้ ถ้าแก้ได้ก็คงจะอยู่ต่อไป จึงให้ประชาชนตัดสินกันใหม่ ใครจะได้เป็นรัฐบาลต่อไป ส่วนที่มีการมองกันว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า 2 พรรคใหญ่อาจไม่ได้เป็นคนที่จัดตั้งรัฐบาลนั้น จริงๆแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นพรรคไหนที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ต้องดูตัวเลขหลังเลือกตั้ง ใครจะเป็นตัวแปรก็ว่าอีกที

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคที่ได้ส.ส.น้อยกว่ามีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปได้หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า จะเหมือนปี 2518 หรือไม่ที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคม เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลที่มีเพียง 18 เสียงได้เป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้คงไม่หวนกลับมาอีก สมัยนี้คงยาก พรรคใหญ่คงไม่ยอมหรอก

นายบรรหาร ยังกล่าวถึงนโยบายพรรคการเมืองว่า การออกนโยบายประชานิยมมากเกินไปจะเป็นปัญหากับรายจ่ายรัฐบาล รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นมา จะเกิดความไม่สมดุล และจะทำให้ขาดดุลงบประมาณมากขึ้น ต้องระมัดระวังตรงนี้ นอกจากนี้รายจ่ายประจำก็เพิ่มมากขึ้นทุกปี อย่างเช่น หลักประกันคุณภาพ จาก 2,400-2,500 จนเพิ่มมาเป็น 2,800 บาท จะไปจัดเก็บรายได้ที่ไหนมาให้เพิ่มขึ้นได้ต้องพิจารณา ซึ่งนโยบายประชานิยมดีแต่ต้องดูด้วยว่า เหมาะสมหรือไม่ เราเองลงทุนเรื่องประกันสังคมเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสาธารณสุข แต่ผลที่ลงทุนไป มันไม่คุ้มกับตัวเงินที่ลงไปในต่างประเทศลงทุนด้านประกันสังคมมาก แต่ก็มีคุณภาพได้ดีมาก ตรงนี้เราต้องมาพิจารณาดูด้วย อย่างเรื่องการศึกษาน่าเบื่อย่ำอยู่กับเท้าอยู่ตลอดเวลา

นายบรรหาร ยังกล่าวถึงผลงานรัฐบาลว่า เราคงไปให้คะแนนผลงานรัฐบาลไม่ได้ คงต้องเป็นหน้าที่ของสื่อ ส่วนกาประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 3 พ.ค.นี้นั้น ที่จะเป็นนัดสุดท้าย เรื่องใหม่คงไม่มี คงเป็นเรื่องปกติธรรมดาแต่ทั้งนี้ถ้าเป็นเรื่องของโครงการรัฐบาลเองก็ต้องดูให้ดีด้วย ไม่อย่างนั้นจะเป็นภาระตามมา
กำลังโหลดความคิดเห็น