นายกฯ ระบุสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร เริ่มคลี่คลาย ชาวบ้านทยอยกลับเข้าบ้านแล้ว กำชับอย่าประมาทแผนลอบกัด ชี้ เขมรนำเหตุปะทะเข้าสู่เวทีนานาชาติ เป็นเรื่องที่คาดหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว ชง ครม.จัดทีม สู้คดีกัมพูชา ในศาลโลกพรุ่งนี้ ยังไม่มีแผนนัดฮุนเซนถกในเวทีอาเซียนสุดสัปดาห์
วันนี้ (2 พ.ค.) ที่ รร.รามาการ์เดน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ว่า ชาวบ้านเริ่มกลับบ้านบ้างแล้ว เพราะว่าจากการประเมินสถานการณ์ ขณะนี้คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ว่าในส่วนของการดูแลชายแดน ได้กำชับไปแล้วว่าทางกองทัพต้องระมัดระวัง เพราะว่าแนวทางขณะนี้เราเริ่มเห็นว่าทางกัมพูชาอาจจะใช้วิธีการซุ่มยิงลอบทำร้าย เพราฉะนั้นตรงนี้ยังระมัดระวังเต็มที่ แต่ว่าในลักษณะของการปะทะ ซึ่งจะมีผลกระทบมาถึงพี่น้องประชาชนนั้น เท่าที่ติดตามมา 2-3 วันที่ผ่านมา คิดว่า ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 3 พ.ค.จะมีการเสนอเรื่องการขอว่าจ้างทีมสู้ข้อกฎหมายชาวต่างชาติ ในการต่อสู้คดีกับกัมพูชาในศาลโลก มีข้อเท็จจริงอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการจัดกลไกที่จะดูแลรับกับเรื่องที่กัมพูชานำเรื่องขึ้นสู่ศาลโลก แต่ว่ารายละเอียดจะต้องรอดูในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าจะมีทั้งในส่วนของคณะกรรมการ คณะทำงานต่างๆ
เมื่อถามว่า เราจะได้เปรียบมากขึ้นในการต่อสู้คดีในศาลโลกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราต้องเตรียมให้ดีที่สุด และแนวทางจะต้องดูที่เหมาะสมที่สุด ส่วนเรื่องของการสร้างหลุมหลบภัยเพิ่มเติมให้แก่ประชาชนนั้นได้มีการอนุมัติไปหมดแล้ว
เมื่อถามว่า การปะทะครั้งล่าสุด ถือว่าเป็นแผนของทางกัมพูชาหรือไม่ ที่ต้องการนำเรื่องขึ้นสู่นานาชาติ นายกฯ กล่าวว่า “เป็นความจงใจอยู่แล้วของกัมพูชาที่จะอาศัยเหตุการณ์การปะทะกันเพื่อเป็นข้ออ้างกลับเข้าสู่เวทีต่างๆ ระหว่างประเทศ ซึ่งเราพูดมาโดยตลอด และคิดว่า ขณะนี้ต่างประเทศจะเห็นชัดเจนมากขึ้น เพราะว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นทุกครั้ง เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่เราพยายามชี้ให้เห็นตลอดมาว่าและนโยบายของเราในการตัดสินใจต่างๆจึงมีความระมัดระวังในเรื่องนี้ค่อนข้างมาก
เมื่อถามต่อว่า การพบกันระหว่างนายกฯ กับ สมเด็จฮุนเซน ในเวทีการการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 18 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 7-8 พฤษภาคม จำเป็นต้องมีการคุยแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องดู เพราะจากวันนี้ถึงวันนั้นอีกหลายวัน และทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคงจะต้องพบกันก่อนอยู่แล้ว ซักต่อว่า การเจรจาในพื้นที่ไม่มีผลเลยใช่หรือไม่ เพราะยังมีการซุ่มโจมตีอยู่ตลอด นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในช่วง 2-3 วัน หลังมีการประสานเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลุกลาม แต่ดูยังมีเหตุการณ์ที่เริ่มต้นแบบลอบยิง ขว้างระเบิดเข้ามา ซึ่งไม่ควรจะเกิดในลักษณะที่ปะทะกันแบบแรงๆ ใช้อาวุธหนักต่างๆ ซึ่งดูแล้วจะสามารถที่จะควบคุมกันได้มากขึ้น
เมื่อถามต่อว่า กระแสข่าวที่ออกมาว่าทางกัมพูชา มีการเสียชีวิต หรือมีการถอนกำลังทหาร และกล่าวหาว่าทางไทยได้ฆ่าคนกัมพูชาในไทย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งของยุทธศาสตร์ทางการข่าวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างที่บอกว่า มีความพยายามในลักษณะยั่วยุปลุกระดม คือ ไม่ใช่ลักษณะการปะทะกันเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งตรงนี้ที่บอกว่าทางกองทัพได้ทราบและระมัดระวังอยู่ เพราะเป็นการพยายามที่จะอ้างว่ามีเหตุการณ์อย่างนั้นอย่างนี้ และทำให้ไปสู่การใช้ความรุนแรงในรูปแบบอื่น เมื่อถามว่าจะทำให้สถานการณ์บานปลายไปมากขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราก็ตรึงพื้นที่ชายแดน และทางกองทัพก็ทำหน้าที่ไป