โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย เตือน รบ.จะเพลี่ยงพล้ำหากเดินตามเกมกัมพูชาไปต่อสู้คดีในศาลโลก ชี้จ้าง 3 ทนายน้ำหอมเหมือนเผาบ้านตัวเอง เพราะฝรั่งเศสเป็นเจ้าอาณานิคมของกัมพูชาและทำให้ไทยต้องสูญเสียปราสาทพระวิหาร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ประพันธ์ คูณมี ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (1 พ.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาว่า รัฐบาลไทยจะต้องไม่ไปต่อสู้กับกัมพชาในศาลโลก ที่กัมพูชาพยายามยื่นคำร้องอยู่ โดยฝ่ายไทยต้องตัดอำนาจของศาลโลกไม่ให้มาวินิจฉัยเพิ่มเติมจากขอบเขตคำพิพากษาเดิมที่เสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปี 2551 ที่จำกัดเฉพาะเรื่องอำนาจอธิปไตยของตัวปราสาทพระวิหารเท่านั้น หากรัฐบาลไทยยังดำเนินการต่อสู้ในคดีความนี้ โดยยอมรับอำนาจของศาลโลกอีกครั้งหนึ่ง เราจะถือว่าเป็นเจตนาที่ต้องการให้ไทยไปเพลี่ยงพล้ำในเวทีนานาชาติอีกครั้ง
ด้าน นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ได้กล่าวถึงกรณีที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ กล่าวอ้างว่ากระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทยพร้อมที่จะต่อสู้คดีกับปัมพูชาในศาลโลก รวมทั้งเปิดเผยว่ารัฐบาลได้แต่งตั้งทีมทนายชาวฝรั่งเศส 3 คนทำหน้าที่ต่อสู้ในคดีนี้ว่า ท่าทีและจุดยืนของกระทรวงต่างประเทศนั้นไม่สอดคล้องกับแนวทางที่ผู้เชี่ยวชาญและภาคประชาชนออกมาแนะนำว่า การที่ประเทศไทยจะกลับไปสู้กับกัมพูชาบนเวทีศาลโลกอีกครั้ง เท่ากับเป็นการยอมรับกระบวนการที่กัมพูชาพยายามลากดึงไทยเข้าไป ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยไม่มีความจำเป็นและไม่มีประโยชน์ใดๆ ในการไปขึ้นศาลโลกอีก เพราะคำพิพากษาของศาลโลกมีความชัดเจนในเรื่องปราสาทพระวิหารแล้ว จึงเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการเมืองระหว่างประเทศของกัมพูชา ส่วนการตั้งคนฝรั่งเศสมาทำหน้าที่ทนายนั้น ต้องคิดด้วยว่า ฝรั่งเศสเป็นเจ้าอาณานิคมของกัมพูชา และเป็นผู้ยืนยันสนับสนุนกัมพูชาในเรื่องแผนที่ 1 : 200,000 จนเราต้องสูญเสียปราสาทพระวิหาร แต่รัฐบาลกลับไปจ้างคนฝรั่งเศสที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหักกับรัฐบาล
“หน้าที่ของรัฐบาลไทย คือ การปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติตามสนธิสัญญา ซึ่งภาคประชาชนได้ให้ข้อเท็จจริงอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ในการไปขึ้นศาลโลก โดยสิ่งที่รัฐบาลควรทำ คือ การกดดันผลักดันกัมพูชาทั้งหมดไปจากดินแดน ไม่ใช่ไปเต้นตามเกมของกัมพูชา” นายประพันธ์กล่าว