“มาร์ค” ชมทหารกล้าป้องอธิปไตย ลั่นไม่วางใจเขมร ชง ครม.ตั้งทีมสู้คดีศาลโลก 3 พ.ค.

นายกฯ เสียใจ ครอบครัวทหาร-พลเรือนสูญเสียเหตุเขมรรบไทย ชมความกล้าและเสียสละของทหาร รับสถานการณ์เริ่มเป็นไปในทิศทางบวก แต่ยังไม่วางใจ ยันกองทัพป้องอธิปไตยเต็มที่ ไม่ยอมศัตรูรุกคืบยึดพื้นที่ คาด 1-2 วัน ส่งชาวบ้านกลับถิ่นได้ รับเขมรยื่นศาลโลกตีความคำพิพากษาพระวิหารแล้ว ชง ครม.ตั้งทีมสู้ อังคารนี้ ยันแม้ยุบสภาหน่วยงานรัฐก็ยังทำงานได้

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์"  

วันนี้ (1 พ.ค.) ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เทปสุดท้าย ถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาว่า ต้องยอมรับว่าตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้นปัญหาการปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตนเองได้มีโอกาสไปเยี่ยมพี่น้องประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพ ทั้งประชาชน และทหารที่ได้รับบาดเจ็บ โดยทั้งที่จังหวัดสุรินทร์ และที่กรุงเทพฯ ก็ได้มีโอกาสพบปะเยี่ยมเยือนบุคคลดังกล่าวก็ต้องขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวที่ต้องสูญเสียจากเหตุการณ์ปะทะกัน และต้องขอแสดงความชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของพี่น้องทหารทุกคนที่ทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตย

นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องของสถานการณ์หลังจากที่มีการปะทะและใช้อาวุธหนักมาเป็นระยะหนึ่งก็ได้มีการประสานงานระดับพื้นที่เพื่อที่จะได้มีการพูดคุยกัน มีการพูดคุยกันอย่างน้อย 2 ครั้ง และได้มีการตกลงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลุกลามของการปะทะกัน แนวโน้ม 2-3 วันต้องยอมรับว่ายังมีการปะทะกันอยู่ แต่เป็นการใช้อาวุธประจำกาย ไม่ได้มีการใช้อาวุธหนัก ในการปะทะกันทุกครั้งได้มีการติดต่อประสานงานกันเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามออกไป เพราะฉะนั้นแนวโน้มขณะนี้เป็นไปในทางบวก แต่ว่าเราไม่วางใจ เราไม่ประมาท และทางกองทัพยังทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการปกป้องอธิปไตย

“ถือโอกาสแสดงความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่า บางทีพี่น้องประชาชนก็มีความสับสนว่า ตลอดระยะเวลาสัปดาห์กว่าๆ ที่ผ่านมานั้น การสู้รบมีผลอย่างไรต่อดินแดนอธิปไตย ขอยืนยันว่าแนวที่เราได้มีการวางกำลังอยู่นั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่ประการใด หรือมีการถอยร่นอะไรเข้ามาทั้งสิ้น เพราะว่าเราไม่ยอมให้ฝ่ายทางกัมพูชานั้นรุกคืบเข้ามายึดพื้นที่ใดๆ ทั้งสิ้น เราประสบความสำเร็จในการปกป้องตรงนี้” นายกฯ กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า สถานการณ์เป็นอย่างนี้เราจะติดตามดูแลไปอีก 1-2 วัน และคิดว่าประชาชนหลายส่วนน่าจะกลับเข้าอยู่ในชุมชน ในบ้านของตนเองได้ แน่นอนที่สุดความต้องการของพี่น้องตามบริเวณชายแดนต้องการที่จะกลับบ้าน วันที่ตนไปก็สัมผัสได้ในความต้องการในบริเวณชายแดนต้องการที่จะอยากจะกลับบ้าน ซึ่งประชาชนเกิดความเครียด แม้ว่าเราจะจัดหน่วยงานเข้าไปดูแลเต็มที่เท่าไรก็ตาม แต่พี่น้องประชาชนต้องการที่จะกลับบ้าน และต้องการที่จะเห็นการเจรจา ต้องการเห็นความสงบเกิดขึ้นในพื้นที่ตามบริเวณแนวชายแดน ต้องไม่ลืมว่าพี่น้องทั้งหมดตรงนี้คือพี่น้องที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากสถานการณ์ความขัดแย้งต่างๆ เรากำลังติดตามสถานการณ์ถ้าการปะทะประปรายมีเพียงเล็กน้อย ใน 1-2 วันข้างหน้าคิดว่าประชาชนสามารถกลับไปอยู่ชุมชนตามปกติได้ แต่ยังเป็นเรื่องที่เราต้องติดตามต่อไป

นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนการเมืองระหว่างประเทศ ทางกัมพูชาได้ไปยื่นต่อศาลโลกให้มีการตีความคำพิพากษาในคดีปราสาทพระวิหาร โดยอ้างว่ายังมีความเห็นมาตรงกันในคำพิพากษาในสมัยนั้น และเป็นปัญหาที่นำมาสู่เหตุการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้การแจ้งการยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการนั้นยังมาไม่ถึงประเทศไทย แต่ว่าทางสถานทูตของเราที่ไอซีเจได้รับแจ้งแล้ว เพราะฉะนั้นได้มีการสั่งการให้มีการเตรียมการตั้งคณะกรรมการ คณะทำงานขึ้นมา เพื่อเป็นผู้กำหนดทิศทางในการที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเหมาะสมเพื่อที่จะปกป้องสิทธิของประเทศไทย ซึ่งในวันอังคารที่ 3 พ.ค.นี้จะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในการตั้งคณะกรรมการที่จะดูแลในเรื่องของการขอการเข้าไปต่อสู้เรื่องมรดกโลกในช่วงที่จะเกิดขึ้นในเดือน พ.ค.และเดือน มิ.ย. ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า แม้ว่าจะมีการยุบสภาการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความชัดเจนในนโยบายที่จะปฏิบัติงานได้เต็มที่ในการปกป้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และรักษาอธิปไตย