สุรินทร์ - ปชช.สุรินทร์ เสียชีวิตในศูนย์อพยพ สังเวยการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา อีก 2 ราย เหตุเครียดซึมเศร้าจากเหตุการณ์สู้รบ-อพยพจากบ้านเรือนมานาน ประกอบกับโรคประจำตัว เผย ฌาปนกิจศพแล้วในวันนี้ ทั้ง 2 ราย และทางจังหวัดมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวนหนึ่ง
วันนี้ (1 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาค 2 ส่วนหน้า ได้แจกเอกสารข้อมูลกับสื่อมวลชน ระบุว่า มีประชาชนผู้อพยพเสียชีวิตที่ศูนย์อพยพ 2 ราย ประกอบด้วย ผู้อพยพเสียชีวิตที่ศูนย์อพยพเทศบาลนิคมปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เมื่อเวลา 01.00 น.คืนวันนี้ (1 พ.ค.) คือ นางสาวเรอยา แสงตะวัน อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 19 บ้านเขาโต๊ะ ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นอนเสียชีวิตอยู่ภายในศูนย์อพยพ โดยก่อนหน้านั้นมีอาการตัวร้อน และหายใจติดขัด ก่อนที่ญาติจะพาไปหาแพทย์ภายในศูนย์อพยพและให้ยามารับประทาน จากนั้นได้นอนหลับและเสียชีวิตในเวลาดังกล่าว
จากนั้นได้นำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลศพอยู่ที่วัดนิคมปราสาท ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ และประกอบพิธีฌาปนกิจศพแล้วในวันนี้ (1 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ผ่านมา โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์, นายวัชชระ เกตุพันธุ์ อำเภอพนมดงรัก เข้าร่วมพิธีฌาปนกิจศพด้วย และทางจังหวัดสุรินทร์ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวในเบื้องต้นจำนวนหนึ่ง
ส่วนผู้เสียชีวิตรายที่ 2 คือ นางทอง ขันติวงค์ อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 19 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ถูกนำส่งโรงพยาบาลอำเภอปราสาท และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอำเภอปราสาท อ.ปราสาท ด้วยโรคประจำตัว
ญาติพี่น้องได้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพอยู่ที่วัดบ้านบัลลัง ตรงข้ามโรงพยาบาลปราสาท ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์และประกอบพิธีฌาปนกิจศพแล้วในวันนี้ (1 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ผ่านมา ท่ามกลางความเศร้าสลดของครอบครัวและญาติพี่น้อง และ ทางจังหวัดสุรินทร์ ได้มอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นจำนวนหนึ่งเช่นกัน
สำหรับสาเหตุของการเสียชีวิต รายแรกเสียชีวิต เพราะความเครียด กับเหตุการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นและมีโรคประจำตัว ส่วนรายที่ 2 เสียชีวิตเพราะโรคประจำตัว และซึมเศร้าจากการต้องอพยพหนีภัยสู้ออกจากบ้านเรือนมานาน
ทางด้าน นายหอน แสงตะวัน พิการ ตาบอด พ่อของ นางสาวเรอยา แสงตะวัน ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า การปะทะของทหารวันแรก ตนกับนางแอน แสงตะวัน อายุ 76 ปี ภรรยาและลูกยังไม่ได้อพยพมาอยู่ศูนย์อพยพ โดยอาศัยหลบอยู่ในท่อระบายน้ำในหมู่บ้าน ด้วยความเป็นห่วงบ้านและลูกสาวที่เสียชีวิตก็เป็นคนพิการปัญญาอ่อน เกรงว่า มาอยู่ศูนย์จะเป็นภาระกับคนอื่น แต่พอวันที่ 26 เม.ย.เขมรยิงปืนใหญ่ บีเอ็ม-21 เข้ามา พวกเรากลัวมากจึงพากันมาอยู่ที่ศูนย์อพยพนิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท ต่อมาทางการให้ย้ายจึงมาอยู่ที่หอประชุมเทศบาลนิคมสร้างตนเอง
นายหอน กล่าวอีกว่า ก่อนเสียชีวิตลูกสาวมีอาการเครียดจากการมาอยู่สถานที่แปลกจากชีวิตประจำวัน และมีผู้คนมาก ตนกับภรรยาช่วยกันปลอบ ตกกลางคืนจึงนอน มารู้สึกตัวเวลา 01.00 น.ของวันนี้ (1 พ.ค.) เห็นลูกนอนนิ่ง จึงปลุกแต่ไม่ตื่น จึงรู้ว่าลูกตายแล้ว จึงเสียใจมาก ทางบ้านยากจนไม่มีเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) กองร้อย ตชด.ที่ 21 จึงช่วยนำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด และตัดสินใจเผาศพลูกในวันนี้แล้วนำกระดูกลูกไปเก็บไว้ที่บ้านหลังสงครามจบสิ้น