xs
xsm
sm
md
lg

ภท.ฉะ “ส.ส.เพื่อเขมร” เชิญรูปพระสยามฯให้ “ฮุนเซน” ไล่ไปอยู่เขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (แฟ้มภาพ)
“ชัย” เสนอสภาถกญัตติสู้รบไทย-เขมร ส.ส.ภูมิใจไทย ฉะ “มาร์ค” ยุบสภาหนีปัญหา พร้อมตะเพิด ส.ส.เพื่อเขมร เชิญรูปพระสยามเทวาธิราช บรรณาการ “ฮุนเซน” ขณะที่ “อภิสิทธิ์” ยังท่องคาถาเจรจาเพื่อยุติปัญหา แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความจริงใจ ยอมรับหน้ารู้ข้อมูลฝ่ายเขมรน้อยมาก พร้อมหนุนกองทัพทำงานเต็มที่ “สุเทพ” ยันแค่ความขัดแย้ง ยังไม่ถึงสงคราม ชี้โต้กลับกัมพูชาต้องแรงกว่าเพื่อยุติการโจมตี “กษิต” นัดแจงปัญหาแขมร์ต่อทูตอาเซียน ที่อินโดฯพรุ่งนี้ ย้ำต้องใช้เจรจาทวิภาคีเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (27 เม.ย.) นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานในที่ประชุม ได้เสนอญัตตด่วนขอยกเว้นข้อบังคับการประชุม โดยระบุว่า เนื่องจากขณะนี้มีปัญหาร้ายแรงเกิดขึ้นกับประเทศไทยที่กำลังถูกบางประเทศรังแกก็อยากปรึกษาเรื่องนี้โดยด่วน โดย ส.ส.ต่างอภิปรายเห็นด้วยที่จะมีการหยิบยกปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาขึ้นมาพิจารณา โดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน

นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวไม่เห็นด้วยที่จะเร่งยุบสภา ในต้นเดือน พ.ค.เพราะบ้านเมืองจะเข้าสู่สงครามแล้ว การยุบสภาจะทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เหมือนไทยหนีปัญหา รัฐบาลต้องเอาปัญหาทุกเรื่องมาแถลงต่อสภา ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และการเยียวยาว่าต่อไปจะแก้ไขปัญหาอย่างไร

“วันนี้เราสู้รบมา 7-8 วัน ประเทศเสียหาย ประชาชนล้มตาย ทหารเสียชีวิต วันนี้ตนฟังข่าววิทยุมีผู้แทนไทยสังกัดพรรค “เพื่อเขมร” อัญเชิญรูปพระสยามเทวาธิราช ไปให้สมเด็จฮุนเซน คนแบบนี้น่าจะย้ายสำมะโนครัวไปอยู่เขมรให้พ้นแผ่นดินไทย”

นายสนอง ถามว่า ที่ทหารเขมรกล้ารบกับไทย ทั้งที่ศักยภาพไม่เท่าเรา แต่ที่เขากล้า เพราะมีประเทศข้างเคียงเป็นผู้หนุนหลัง หากไปดูไม่ใช่ทหารเขมรอย่างเดียว แต่มีทหารประเทศอื่นมาช่วย วันนี้ รมว.กลาโหม จะไปเจรจาหยุดยิง แต่ปรากฏว่า เขมรไม่พูดด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้เราต้องพูดความจริงและวิงวอน ส.ส.ทุกคนปกป้องอธิปไตยไทย ทะเลาะกันเรื่งอื่นไม่ว่า แต่เรื่องชาติบ้านเมืองต้องหยุดไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นวันนี้เราจะไม่มีแผ่นดินอยู่

นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า มาจากคนที่ชุมนุมอยู่แถวราชดำเนิน ที่มีการด่าทอว่าผู้นำประเทศกัมพูชาด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ตรงนี้เชื่อว่า ทำให้เกิดทิฐิอย่างรุนแรง เพราะถ้าคนของประเทศอื่นมาด่าผู้นำประเทศเรา เราก็คงไม่ยอมเหมือนกัน นอกจากนี้ ต้องยอมรับว่า ตัวของ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ สร้างศัตรูมากไปด่าเขาทั่ว ไม่ว่า เขมร จีน รัสเซีย ดังนั้น ถ้าเราไปก้าวล่วงประเทศเขมร ประเทศเหล่านี้ก็จะเป็นแบ็กอัพให้กับเขมรอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเอาเครื่องบินเอฟ 16 เข้าไปบินแถวๆ นั้น เชื่อว่า ก็จะเป็นการประกาศสงครามทันที จึงขอให้เวลานี้อย่าใช้อารมณ์

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า จากการที่เดินทางไปพบประชาชนที่ จ.สุรินทร์วันนี้ เชื่อว่า เราทุกคนคงเข้าใจความต้องการ และความรู้สึกของประชาชน คือ ต้องการเห็นความสงบ ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข พี่น้องที่อพยพก็อยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน ซึ่งเราต้องคิดต่อว่าไม่ใช่เรื่องที่จะกลับไปอยู่บ้านตามปกติแต่คนเหล่านี้ต้องอยู่บริเวณชายแดนอีกนาน ทั้งนี้ รัฐบาลไม่มีความประสงค์ที่จะมีการปะทะความรุนแรงต่างๆ ที่มากระทบกับประชาชน

นอกจากนี้ การที่จะดำเนินการให้ปัญหายุติเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ตนยืนยันว่า การโจมตีเกิดจากฝ่ายกัมพูชา เมื่อโจมตีมาเราจึงจำเป็นต้องตอบโต้ กองทัพต้องรักษาดินแดน อธิปไตย พื้นที่ของไทยไว้ โดยยึดหลักกติกาสากล และอยู่ในระดับที่สมควรแก่เหตุ มุ่งเฉพาะเป้าหมายทางการทหาร

“การเจรจานั้นขึ้นอยู่กับ 2 ฝ่าย ซึ่งไทยไม่เคยมีปัญหาในการพูดคุย แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความจริงใจ ความจริงสองวันก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าการติดต่อของสองฝ่ายแทบจะไม่มีเลย แต่เมื่อคืนวานฝ่ายเขมรติดต่อมา และอยากเห็นการพบกันของรมว.กลาโหม 2 ประเทศ จึงนึกว่าจะเป็นสัญญาณที่ดี เราก็ตอบว่า ไม่มีปัญหาแต่กัมพูชาก็ยังยิงเข้ามาตลอดเวลา ซึ่งเราก็บอกว่าหากอยากจะให้เกิดความสงบต้องให้มีการคุยกัน ตอนแรกเหมือนจะตกลงแต่หลังจากนั้นก็ยิงกันอีก เช้านี้ก็มียิงกันบ้างประปราย ทั้งนี้ เรายึดมั่นในจุดยืนอย่างสม่ำเสมอว่าเราไม่รุกรานใคร แต่ใครมารุกรานเราไม่ได้”

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาอีกอย่างหนึ่ง คือ ข้อมูลที่เราได้รับ โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นอีกฝั่งน้อยมาก คนไทยโกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้นเห็นทหารตาย ประชาชนต้องอพยพ แต่เมื่อตนได้ไปพบประชาชนก็เข้าใจว่าสภาพที่เป็นอยู่ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝ่ายเรา แต่เมื่อมีการโจมตีมาเราก็ต้องตอบโต้และมีมาตรการในการดูแลความปลอดภัยของประชาชน เราพยายามทุกวิถีทางให้จบเร็วแต่ก็ต้องรักษาอธิปไตย เราจบเร็วฝ่ายเดียวไม่ได้

อย่างไรก็ตาม พยายามเร่งคลี่คลายปัญหานี้ให้ดีที่สุด หลายคนไม่ทราบข้อเท็จจริงความซับซ้อนการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศ ทั้งนี้ ยืนยันว่า กองทัพปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจรับทราบเฉพาะฝ่ายเรา แต่ความเสียหายที่เกิดกับฝ่ายกัมพูชาก็ไม่น้อยกว่า หากผู้นำกัมพูชาจะให้ความสำคัญหยุดความรุนแรงจะเป็นประโยชน์กับประเทศ และประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพราะหากจะเจรจากัน ง่ายที่สุดคือ หยุดโจมตีให้เห็นแล้วค่อยคุยกัน และกรอบการเจรจาก็มีอยู่แล้ว สุดสัปดาห์หน้าตนก็จะเดินทางไปกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อไปประชุมอาเซียน ดังนั้น อยากให้ทุกคนให้กำลังใจทหารที่น่ายกย่อง เพราะทุกคนสู้และเข้มแข็ง

“อยากขอความร่วมมือขอให้ไว้วางใจ มั่นใจพวกผม หากตัดสินใจอะไรไปแล้วเกิดความเสียหายต้องรับผิดชอบ เราเป็นนักการเมืองต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว การไปตกลงอะไรรัฐธรรมนูญก็บอกหากมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศต้องกลับมาเข้าสู่รัฐสภา และมั่นใจว่าสภาไม่มีทางเห็นชอบข้อตกลงใดๆ ที่จะทำให้ประเทศเสียเปรียบ เราอยากจะเห็นทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ให้กำลังใจกองทัพและประชาชนยืนหยัดในอุดมการณ์ของชาติที่จะปกป้องสิทธิของตัวเอง ยืนยันว่า ผมได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีกลาโหมและแม่ทัพทุกวัน วันละหลายครั้ง ซึ่งยืนยันว่าจะปกป้องอธิปไตยบนพื้นฐานที่ไม่มีความคิดใช้ความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น”

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ชี้แจงว่า ตนให้ความมั่นใจสมาชิกว่ารัฐบาลให้ความเอาใจใส่ดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษลงลึกรายละเอียดเพื่อให้ได้ข้อมูลข้อเท็จจริงเพียงพอในการตัดสินใจ เราใช้สติแก้ปัญหา ไม่มีการใช้อารมณ์ ไปใช้ในการตัดสินใจโดยฟังกระแส เพราะรัฐบาลตระหนักดีกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเป็นผลประโยชน์ของชาติ และการอยู่ร่วมกันของประชาติอาเซียน ในการพูดจาให้ข่าวของรัฐบาลทำงานสอดประสานกันกับทุกฝ่าย ส่วนที่อยากให้เราชี้แจงว่าปัญหาความขัดแย้งคืออะไรเริ่มต้นอย่างไร เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ประเทศไทยก่อเหตุเราไม่เคยเริ่มต้นเลย เรื่องที่เกิดเหตุทั้งหมด ไม่ใช่เป็นการกระทำของฝ่ายไทย

“ประเทศไทยต้องการความสงบความสันติอยู่กับประเทศเพื่อนบ้านด้วยความเป็นมิตร เราไม่ใช่ชาติที่กระหายสงคราม เมื่อมีปัญหากระทบกระทั่งกันบริเวณชายแดน สิ่งที่รัฐบาลต้องการคือการมาพูดคุยเจรจากัน โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น ถ้าพูดข้อขัดแย้งคือแนวเขตชายแดนประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านยังมีจริงๆ ไม่ชัดเจนจริงๆ และต้องช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่เฉพาะที่ติดกับกัมพูชา แต่ชายแดนติดลาว ติดพม่า ติดมาเลเซีย เรายังต้องชำระสะสาง” นายสุเทพ กล่าว

ส่วนแนวทางของรัฐบาลไทย คือ ให้ความสำคัญกับคณะกรรมการปักปันเขตแดนที่มีกรรมการร่วมระหว่าง 2 ประเทศ บางด้านก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นจึงไม่เป็นข่าว แต่เรื่องกัมพูชาเป็นเรื่องที่มีมายาวนานในเรื่องเขตแดนตั้งแต่ปราสาทพระวิหาร จึงเป็นเหตุแห่งปัญหา และทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้กัมพูชาเริ่มก่อน และตอนนี้เป็นเพียงการกระทบกระทั่งกัน ไม่ได้ยกระดับเป็นสงครามแต่อย่างใด และต้องการที่จะเจรจาสื่อสารกัน แม้กระทั่งเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ก็คิดว่าเป็นโอกาสดีที่ รมว.กลาโหม 2 ประเทศมาเจอกัน แต่บังเอิญไม่ได้เป็นไปตามนั้น เพราะทหารกัมพูชาไม่หยุดยิง แต่เราก็ยังพยายามที่จะให้มีการเจรจาเกิดขึ้น ส่วนข่าวที่ออกมาว่าเราใช่แก๊สพิษ ทางกระทรวงต่างประเทศได้ทำหน้าที่อธิบายไปแล้ว ซึ่งเราเชื่อว่าทั้งโลกเชื่อเรา ด้วยจุดยืนแบบนี้เราจะพยายามให้เกิดสันติภาพให้ได้และจะพยายามต่อไป

“แม้เราจะต้องการสันติภาพ แต่เราก็ต้องรักษาอธิปไตยของชาติ เมื่อเขายิงมาเราก็ต้องยิงกลับไป และยิงตอบโต้ให้แรงเพื่อให้เขาหยุด ไม่ใช่ไปอวดอ้างแสดงศักดาอะไร และยืนยันว่าไม่ได้นำเครื่องบินไปในพื้นที่ ตั้งแต่มีเหตุการปะทะประสาทพระวิหารกองทัพไทยก็ไม่ได้เอาเข้าไป เราจำกัดจุดให้เล็กที่สุด ส่วนเรื่องเอฟ 16 เป็นการฝึกบินตามปกติ ยืนยันว่า การเมืองกับการทหารทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ด้าน นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากฝ่ายเขมรได้รุกล้ำอธิปไตยของไทย บริเวณปราสาทตาเหมือนธม และปราสาทตาควาย โดยเป็นความพยายามที่ต้องการขยายผล จากเหตุการณ์ปะทะเมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยไม่มีเหตุผลที่จะเป็นฝ่ายรุกล้ำเขมรก่อน เพราะไทยอยู่ในฐานะผู้ลงทุน และให้ความช่วยเหลือกัมพูชา ทั่งนี้เหตุการณ์ปะทะตลอด 4 วันที่ผ่านมา ทางฝ่ายไทยได้พยายามติดต่อขอเจรจากับทางเขมรมาโดยตลอด เพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่สู้รบ แต่ก็ได้รับการปฎิเสธ ดังนั้นอยากขอเสนอให้รัฐสภาของไทย ทำหนังสือไปยังรัฐสภากัมพูชา และรัฐสภาของประชาคมอาเซียน เพื่อเป็นตัวแทนในนามของปวงชนชาวไทย ในการส่งเสียงให้ประชาคมโลก โน้มนาวให้สมเด็จฮุนเซนกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา เพราะทุกอย่างมีกระบวนการแก้ไข

“ยืนยันว่า ไทยพร้อมปกป้องอธิปไตย ไม่มีการบิดเบือนทำอย่างตรงไปตรงมาและขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลและกองทัพ เพราะยังไงถ้าสู้กันจริงๆ เขมรก็ไม่มีทางชนะ ที่ผ่านมา เราได้ทำทุกทางแล้วเพื่อให้มีการเจรจา โดยเฉพาะการพุดคุยกับทางอินโดนีเซีย เพื่อขอให้เขมรกลับเข้าสู่โจ๊ะเจรจา เช่นเดียวกับการแสวงหามิตรประเทศ เพื่อให้เกิดสันติภาพในแนวชายแดน”
กำลังโหลดความคิดเห็น