xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊หน่อย” โผล่แนะ “เพื่อไทย-เสื้อแดง” ปรับยุทธวิธีหลังถูกมองไม่จงรักภักดี อัด ปชป.ไร้ฝีมือ-เก่งแต่ปาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (แฟ้มภาพ)
“เจ๊หน่อย” สวมวิญญาณแม่พระ ห่วงข่าวปฏิวัติ-ละเมิดสถาบัน วอนร่วมปกป้อง แต่ไม่ใช่รัฐประหาร หนุน กกต.ออกกฎหมายลงโทษขั้นยุบพรรค ชี้ จุดอ่อนเพื่อไทยถูกมองไม่จงรักภักดียากที่สังคมยอมรับ-คนไม่เข้าพรรค ชี้ ต้องปรับยุทธวิธี จี้ นายกฯ-รัฐบาล ต้องรับผิดสลายชุมนุมเสื้อแดง ชี้ เพื่อไทยต้องชนะการเมืองด้วยการเลือกตั้ง เพราะมีศักยภาพสูงสุด อัด ปชป.ไร้ฝีมือ เก่งแต่ปาก ทำข้าวยากหมากแพง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน และหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับวันนี้ (25 เม.ย.) ได้ตีพิมพ์บทความของ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ในหัวข้อ “ความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมือง ข่าวลือ “การปฏิวัติ” และการจาบจ้วง แอบอ้างสถาบัน” โดยกล่าวถึงกระแสข่าวลือการปฏิวัติจากประเด็นหมิ่นสถาบัน และการที่พรรคเพื่อไทยรวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงถูกมองว่าไม่จงรักภักดี

บทความดังกล่าวของคุณหญิง สุดารัตน์ มีเนื้อหาโดยสรุปว่า ความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ได้มีความพยายามดึงฟ้าต่ำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ทั้งพวกที่แอบอ้างว่าตนปกป้องสถาบัน ป้ายสีคู่ต่อสู้ว่าไม่จงรักภักดี และพวกให้ร้ายจาบจ้วงสถาบันให้เสียหาย ซึ่งตนเห็นว่า ไม่เฉพาะทหารที่ไม่สบายใจเรื่องนี้ ประชาชนคนไทยทั้งหลายก็ไม่ยอมเช่นกัน

“ดิฉันได้แสดงความคิดเห็น และวิงวอนไว้หลายครั้งแล้วว่า ทุกฝ่ายต้องหยุดดึงฟ้าต่ำ สถาบันกษัตริย์อยู่เหนือการเมือง ทั้งในแง่กฎหมาย และในข้อเท็จจริงที่สถาบันพระมหากษัตริย์มิได้ยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงกิจการทางการเมืองแต่อย่างใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของเราคนไทยทุกคนที่จะร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงจัง แต่มิใช่แก้ไขปัญหาด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร! ดิฉันขอเตือนว่า การปฏิวัติจะทำให้สถานการณ์ของประเทศเลวร้ายยิ่งขึ้น ความแตกแยกจะมากยิ่งขึ้น ประเทศจะถอยหลังไปอีกหลายสิบปี” ในบทความระบุ

• เชียร์ กกต.ลงดาบอ้าง-จาบจ้วง ถึงขั้นยุบพรรค

คุณหญิง สุดารัตน์ กล่าวต่อว่า ตนสนับสนุนให้จัดการพฤติกรรมแอบอ้างและจาบจ้วงสถาบันอย่างเด็ดขาด และเป็นระบบ โดยยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด การที่ กกต.จะออกระเบียบห้ามพรรคการเมือง ควรกำหนดความผิดถึงขั้นยุบพรรคได้ รวมถึงการดำเนินคดีกับผู้จาบจ้วงให้ร้ายสถาบันให้ได้รับโทษถึงที่สุด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่ต้องเป็นไปอย่างยุติธรรม เสมอภาค อย่าใช้กฎหมายเพื่อทำลายล้างอย่างไม่ยุติธรรม เพราะจะเกิดความแตกแยกไม่จบสิ้น ดังคำโบราณว่า “อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน” ทั้งนี้ สถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่เหนือการเมือง เหนือความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น หน้าที่ของคนไทยทุกคนไม่ว่าสีใด พรรคใด ต้องมีความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบัน

“การเมืองต้องอยู่ส่วนการเมือง การเมืองต้องสู้กับพรรคการเมืองด้วยกันเท่านั้น! พรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองที่แอบอ้างความจงรักภักดี แอบอ้างสถาบัน เพื่อทำลายคู่แข่ง โดยกล่าวหาว่าคู่แข่งไม่จงรักภักดี และมีเฉพาะพรรคตนเอง หรือกลุ่มของตนเองเท่านั้นที่จงรักภักดี หรือปกป้องสถาบัน คนพวกนี้เป็นพวกจงรักภักดีแต่ปาก ที่ทำให้เกิดผลเสียต่อสถาบันเช่นกัน เพราะพรรคการเมืองมีทั้งคนรักคนเกลียด ความจงรักภักดีเป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่แค่สมาชิกพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น” บทความคุณหญิง สุดารัตน์ ระบุ

• แนะ พท.ต้องปรับยุทธวิธี เหตุถูกมอง “ไม่จงรักภักดี”

ในบทความดังกล่าว คุณหญิง สุดารัตน์ ระบุว่า ตนขอแสดงความห่วงใยต่อพรรคเพื่อไทยในฐานะมิตร อาจจะไม่ถูกหู ไม่ถูกใจบ้าง แต่ก็เป็นไปด้วยความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง และต่อพรรคด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตนเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ที่ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม ได้รับความเจ็บปวดเช่นเดียวกับอีกหลายคน แต่ตนเห็นว่า พรรคเพื่อไทยต้องปรับยุทธวิธีครั้งใหญ่ ให้สามารถดำรงความเป็นพรรคการเมืองที่เป็นที่พึ่งของประชาชน และก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

“จุดอ่อนสำคัญของเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง คือ การถูกมองว่าไม่จงรักภักดี จะด้วยการถูกป้ายสี หรือจะด้วยข้อผิดพลาดประการใดก็แล้วแต่ ซึ่งถ้าปล่อยให้มีภาพว่าไม่จงรักภักดีเช่นนี้ต่อไป หนทางข้างหน้ายากที่จะได้รับการยอมรับจากสังคม และถ้ายอมรับความจริงกัน ก็คงจะรู้ได้ว่าการที่พรรคเพื่อไทยเพียรเชิญผู้มีความสามารถมาเป็นหัวหน้าพรรค แต่ไม่ได้สักที หรือแม้แต่ผู้ที่มีความรู้ความสามารถหลายท่าน ก็เคยทำงานร่วมกันมาก็ไม่กล้าเข้าพรรคเพื่อไทย ก็เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ทั้งๆ ที่เขาอยากเข้าใจจะขาด” บทความของคุณหญิง สุดารัตน์ระบุ

คุณหญิง สุดารัตน์ กล่าวอีกว่า การเมืองชนะกันด้วยการเลือกตั้ง ก็ควรจำกัดการต่อสู้อยู่แค่พรรคการเมืองด้วยกันเท่านั้น อย่าดึงองค์กรที่อยู่นอกเหนือการเมืองมาเป็นคู่ต่อสู้ เพราะไม่ได้ลงแข่งในสนามเลือกตั้งด้วยกัน ตรงกันข้ามกลับจะทำให้ทางเดินตีบตันไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีศักยภาพ มี ส.ส.มากที่สุด นโยบายที่ดีที่สุด มีผลงานในอดีตเป็นเครื่องประกัน และเป็นความหวังของประชาชนมากที่สุด ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ไร้ฝีมือ เก่งแต่ปาก ด้วยวิกฤตข้าวยาก หมากแพง มีการทุจริตคอร์รัปชันอย่างมโหฬารและทำประเทศชาติเสียหายมากมาย

คุณหญิง สุดารัตน์ ยังกล่าวถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเรียกร้องความยุติธรรม โดยเห็นว่า เป็นสิ่งที่ทุกคนสนับสนุน รวมทั้งเรียกร้องให้มีผู้รับผิดชอบและเอาผิดผู้ที่สั่งสลายการชุมนุมจนทำให้ประชาชนและทหารเสียชีวิต แต่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการสั่งปราบประชาชน คือ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล จึงไม่มีประโยชน์ที่จะไปดึงเอาองค์กรอื่นหรือสถาบันมาเกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ วิธีการเดียว คือ ต้องเปลี่ยนรัฐบาลด้วยการชนะเลือกตั้งตามวิถีประชาธิปไตยเท่านั้น ดังนั้น ถ้าต้องการได้รับชัยชนะและได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมาก็ต้องแก้ไขเรื่องนี้ให้ได้อย่างจริงจัง ทั้งภาพลักษณ์และการกระทำ ทั้งกาย วาจา ใจ อย่าให้เป็นที่กังขาหรือง่ายต่อการใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งตนเชื่อว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยต่างก็จงรักภักดีทั้งสิ้น
บทความ “ความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมือง ข่าวลือ การปฏิวัติ และการจาบจ้วง แอบอ้างสถาบัน” ในหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันนี้ (25 เม.ย.)
กำลังโหลดความคิดเห็น