วันที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เดินทางไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย (วันที่ 2 ตุลาคม 2552) ได้แถลงถึงเหตุผลข้อหนึ่งว่า ทนเห็นประเทศอยู่ในลักษณะนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะความแตกแยกในแผ่นดินไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทย สถาบันที่เคารพบูชาหลายสถาบันได้รับกระทบเทือนอย่างมาก
พลเอกชวลิต ยังได้ออกแถลงการณ์ที่ระบุไว้ในตอนหนึ่งว่า ในชีวิตของตนเองไม่มีสิ่งใดที่รักและเทิดทูนยิ่งไปกว่าประเทศชาติและราชบัลลังก์ วันนี้สถานการณ์ในชาติตามความเป็นจริงน่าห่วงใยอย่างที่สุด นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ตนเองและพี่น้องที่เคยร่วมกันรักษาชาติบ้านเมือง ต้องกลับมาร่วมกันหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าเคยรับปากกับคนที่เคยรักและเคารพยิ่งว่าการทำงานให้บ้านเมืองไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมือง แต่สถานการณ์ในวันนี้ถ้าไม่มาทำงานการเมืองก็คงไม่มีอำนาจที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้แน่
เป็นการแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า การเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ ภารกิจหลักของพลเอกชวลิตคือ การลบภาพ “ล้มเจ้า” ของพรรคเพื่อไทย ถึงแม้ว่า พฤติกรรมของพลเอกชวลิต ในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้ว ที่ไปขึ้นคนเวทีให้กำลังใจกับแกนนำ นปช.และความพยายามที่จะดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ลงมายุ่งเกี่ยวกับ ความขัดแย้งทางการเมือง ที่ นช.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้สร้างขึ้น ด้วยการขอเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อกราบทูลฯ ให้ทรงเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ เหมือนเหตุการณ์ เดือนพฤษภา 2535 ปฏิเสธไม่ได้ว่า คือการกดดันสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผย และน่าจะเป็นการจาบจ้วงมากกว่าการปกป้องสถาบัน
พลเอกชวลิตได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 2 (มหาโยธิน) และชั้นที่ 4 ( อัศวิน) จากพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และต้องสาบานตนใ นพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ต่อพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว พลเอกชวลิตไปเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมนาเชิงปฏิบัติการของพรรคเพื่อไทยที่โรงแรมเรดิสัน มีการกล่าวต่อที่สัมนาตอนหนึ่งว่า “วันนี้สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในหัวใจของพวกเรา คือการกล่าวหาว่าเราไม่จงรักภักดี องค์พระมหากษัตริย์ คือองค์เอกภาพ เรามีพระมหากษัตริย์จึงเหมือนเสด็จพ่อปกครองลูก มีความผูกพันที่ยึดมั่น แน่นอนที่สุดคนที่มีความคิดที่เอ็กซ์ตรีมมันมี แต่ต้องหาทางทำความเข้าใจกับพวกนี้ ที่ผมตัดสินใจมาอยู่ในพรรคเพื่อไทย ภารกิจข้อแรกคือการจะมาพิสูจน์ว่าพรรคนี้มีความจงรักภักดี แต่ความจงรักภักดีของเราไม่ต้องประกาศ เมื่อไม่กี่วันมานี้มีคนบอกว่าจะพวกเราต้องรวมกำลังกันเพื่อปกป้องสถาบัน ผมทนไม่ไหวจริงๆ "
ในครั้งนั้น พล.อ.ชวลิต ยังอ้างว่า อีกไม่นานเกินรอพรรคนี้จะมีเครื่องหมายแห่งความจงรักภักดีเข้ามาอยู่กับพวกเรา เป็นหม่อมเจ้ารุ่นสุดท้าย เพราะท่านทราบดีว่าวิธีการที่จะปกป้องสถาบันได้ดีที่สุด
แม้ว่าวันรุ่งขึ้นพลตรีหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล จะอออกมาปฏิเสธทันควัน ทำให้บิ๊กจิ๋วต้องแก้เกี้ยวว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ก็แสดงให้เห็นว่าพลเอกชวลิต เอาทุกทาง เพื่อฟอก นช.ทักษิณ ชินวัตร ให้เป็นผู้มีความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ได้
เมื่อภารกิจของพลเอกชวลิต คือ การลบภาพล้มเจ้า แขวนป้าย” จงรักภักดี” ให้ นช.ทักษิณ กับพรรคเพื่อไทย การลาออกจากจากการเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยและสมาชิกพรรคเพื่อไทย ด้วยสาเหตุที่คนสนิทของพลเอกชวลิต ปิดเผยกับสื่อว่า พลเอกชวลิตไม่สบายใจ อึดอัดใจ เพราะไม่สามารถแก้ไขภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ จึงเท่ากับเป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่ง ในสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่รู้กันแล้วว่า นช. ทักษิณคิดอย่างไรกับสถาบันพระมหากษัตริย์
การลาอออกของพลเอกชวลิต จึงเป็นเสมือนคำประกาศในเรื่อง ความจงรักภักดีของ นช. ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมาที่สุด
