“จิ๋ว” ส่งเลขาฯส่วนตัวแจกแถลงการณ์ทิ้ง พท. ระบุบางคนกระทำเรื่องมิบังควร

เลขาฯส่วนตัว “จิ๋ว” เปิดแถลงการณ์เหตุผลทิ้งเพื่อแม้ว ระบุ มีบางคนกระทำเรื่องมิบังควรกับสถาบัน ส่อทำพรรคเสื่อมสูญ ปราชัยในที่สุด ขณะที่ผู้ใกล้ชิดอีกคนอ้างเป็นแถลงการณ์ปลอม คาด พ่อใหญ่ชี้แจงด้วยตัวเองภายใน 2-3 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 เม.ย.) นายไชยยงค์ รัตนวัน เลขานุการส่วนตัว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้จัดทำแถลงการณ์ของ พล.อ.ชวลิต แจกจ่ายสือมวลชน โดยระบุว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ชวลิต ให้จัดทำแถลงการณ์ ชี้แจงเหตุผลในการลาออกจากพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า มีความขัดแย้งต่อหลักการและเหตุผล 5 ข้อที่เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย จึงขอลาอีก

ขณะที่ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย คนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต ชี้แจงว่า คำแถลงการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ในนามของ พล.อ.ชวลิต โดยคาดว่า พล.อ.ชวลิต จะออกมาแถลงชี้เแจงเรื่องการลาออกจากพรรคด้วยตัวเองภายใน 2-3 วันนี้

ด้าน นายไชยยงค์ ยืนยันว่า เอกสารคำชี้แจงของ พล.อ.ชวลิต ชิ้นนี้เป็นความคิดของ พล.อ.ชวลิต จริง โดย พล.อ.ชวลิต ได้เรียกไปพบที่ดอนโดมิเนียม วานนี้ (19 เม.ย.) และให้ร่างคำแถลงการณ์ตามนี้ เพื่อแจกจ่ายสื่อมวลชน ดังนั้น ไม่ใช่การกล่าวอ้าง พล.อ.ชวลิต และเมื่อตนยกร่างเสร็จ ก็ได้ให้ พล.อ.ชวลิต ตรวจสอบอีกรอบ

ส่วนที่ นายชวลิต คนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต อีกคนยืนยันไม่ใช่ความคิดของ พล.อ.ชวลิต นั้น นายไชยยงค์ กล่าวว่า นายชวลิต จะรู้ได้อย่างไร ไม่เชื่อ นายชวลิต ก็ลองไปถาม พล.อ.ชวลิตดู

นายไชยยงค์ กล่าวว่า ตนช่วยงาน พล.อ.ชวลิต มานานมาก ที่ผ่านมา ลงสมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคความหวังใหม่ และปัจจุบันก็ยังเป็นเลขานุการส่วนตัว พล.อ.ชวลิต

สำหรับแถลงการณ์ดังกล่าวให้เหตุผลที่ พล.อ.ชวลิต ตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทยว่า “ปรากฏว่า มีบางส่วนในองค์การพรรคและองค์การมวลชนที่เคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับ พล.อ.ชวลิต ได้เสนอความคิดเห็นที่ขัดต่อหลักการทั้ง 5 ข้อ นั่นคือ ขัดต่อหลักการ “แนวทางประเทศไทย” อย่างชนิดตรงกันข้าม โดยเฉพาะในด้าน “ปัญหาบุคคล” โดยเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อน ว่า ปัญหาของชาติและประชาชนอยู่ที่ “ปัญหาบุคคล” ไม่ได้มองเห็นปัญหาที่ถูกต้องว่า “ปัญหาชาติและประชาชนอยู่ที่ปัญหาหลักการ หรือปัญหาระบอบ” ตามความจริงแท้ของสถานการณ์ประเทศไทย คือ “ระบอบเลว คนดี” ที่สรุปอยู่ในคำขวัญที่ว่า “สังคมเลวทำให้คนเป็นผี สังคมดีทำให้ผีเป็นคน” หรือ “การปกครองเลวเป็นวิบัติ การปกครองดีเป็นสมบัติ” หรือ “ระบอบเลวทำให้วิบัติหายนะ ระบอบดีทำให้เจริญวิวัฒน์พัฒนา”

ซึ่งองค์การมวลชนทั้งหลายในประเทศไทย ก็ทำเป็นแต่ม็อบ ทำแมส หรือติดอาวุธทางปัญญาให้มวลชนไม่เป็น คือ ทำเป็นแต่ปลุกเร้าอารมณ์ร่วมเพื่อเปลี่ยนแต่บุคคล แต่ปลูกฝังทำปัญญาร่วมเปลี่ยนระบอบไม่เป็น

องค์การพรรคการเมืองในประเทศไทย ทำเป็นแต่การหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.แต่ทำการจัดตั้งสร้างประชาธิปไตยไม่เป็น หรือทำเป็นแต่พรรคของ ส.ส.แต่สร้างพรรคของมวลชนไม่เป็น ส่วนองค์การรัฐทำเป็นแต่การสร้างรัฐธรรมนูญแต่ทำการปกครองเพื่อสร้างประชาธิปไตยไม่เป็น หรือองค์การรัฐทำเป็นแต่บริหารระบอบเผด็จการรัฐสภาแต่เปลี่ยนระบอบเก่าให้เป็นประชาธิปไตยไม่เป็น

ดังเช่น อาเพศประเทศไทย 10 ประการ ที่ พล.อ.ชวลิต ได้ประกาศไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน จึงเกิดปัญหากับบุคคล หรือกับบางสถาบันขึ้นอย่างไม่ควรจะเกิดขึ้น และไม่น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งพล.อ.ชวลิต ท่านได้ยืนยันว่า เรื่องไม่บังควรเหล่านี้มีอยู่จริง แต่ก็เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น

แต่ส่วนใหญ่ในองค์การพรรค และองค์การมวลชนในประเทศไทย ยังคงยืนในแนวทางประเทศไทยที่ถูกต้อง แต่ไม่ใคร่จะได้แสดงบทบาท ไม่ใคร่จะเป็นข่าวออกมาภายนอกเท่านั้น เหมือนภูเขาน้ำแข็งที่หนึ่งส่วนโผล่ขึ้นเหนือน้ำให้เห็น แต่อีกเก้าส่วนจมอยู่ใต้น้ำ และท้ายที่สุดก็ต้องเป็นไปตามสัจธรรมที่ว่า “ฝ่ายที่มีแนวทางที่ถูกต้องสอดคล้องย่อมดำรงอยู่ได้ มีความเติบใหญ่ มีชัยชนะในที่สุด...แต่...ฝ่ายที่มีแนวทางการเมืองผิดไม่สอดคล้องย่อมดำรงอยู่ไม่ได้ อ่อนแอเสื่อมสูญ ปราชัยพ่ายแพ้ในที่สุด”

ทั้งนี้ เพื่อยืนยันและตอกย้ำว่า แนวทางการเมืองที่ พล.อ.ชวลิต รับผิดชอบอยู่ และจะยึดถือปฏิบัติต่อไป คือ แนวทางประเทศไทยดังกล่าวข้างต้นอย่างเคร่งครัดตลอดไป ถ้าหากองค์การพรรคการเมือง หรือองค์การมวลชนหรือบุคคลใดๆ ก็ตามที่ไม่ได้ยึดถือและปฏิบัติตามแนวทางประเทศไทย คือ แนวทางการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตยระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ การไม่ยึดถือแนวทางนี้ จึงไม่ใช่แนวทางการเมืองที่ พล.อ.ชวลิต ยึดถือปฏิบัติ และไม่ใช่องค์การพรรคหรือองค์การมวลชนหรือบุคคลเอกชนที่แสดงเจตจำนงค์ทางการเมืองแทนปวงชนชาวไทยอีกด้วย