เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 ในที่สุดก็ต้องแยกทางกันไปอีกรอบแล้ว โดยคราวนี้ก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่สำหรับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เคยร่วมงานกับ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งในรูปแบบ “นาย” จนกระทั่งลดระดับลงมาเป็น “ลูกน้อง” ไปๆมาๆ เข้าๆออกๆอยู่เป็นประจำขึ้นอยู่กับว่าในช่วงนั้น “มีความหวัง” ที่คุ้มค่าหรือไม่
00 การยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยเมื่อบ่ายวานนี้( 18 เม.ย.) นั่นก็หมายความว่าต้องพ้นจากตำแหน่งประธานพรรคไปโดยปริยายอีกด้วย แต่สิ่งที่ต้องมาพิจารณากันต่อก็คือ “สาเหตุ” ที่แยกวงออกครั้งล่าสุดว่ามาจากเรื่องอะไรกันแน่ แม้ว่าเหตุผลที่อ้างออกมานั้นมาจากเรื่อง “จงรักภักดีสถาบัน” นั้นก็น่าเชื่อว่าเป็นเหตุผลหลัก แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ซ่อนอยู่ข้างในก็คือ “หมดราคา” หรือ “หมดประโยชน์” ในสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ทำให้ “หมดลุ้น” เก้าอี้สำคัญหลังเลือกตั้งใช่หรือไม่
00 ตามข่าวที่เล็ดลอดออกมานอกเหนือจากจะดัน “น้องสาว” ตัวเอง อย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงมาเต็มตัวแล้ว ในช่วง “ขัดตาทัพ” เฉพาะหน้า “เสี่ยแม้ว”ยังให้ “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็น “หุ่นเชิด” ชั่วคราวแล้ว ยังมีข่าวว่ากำลังทาบทาม “คนดัง” เข้ามาร่วมสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวก ส่วนจะใช่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช หรือไม่ ลองติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปกันเอาเอง
00 ส่วนจะเป็นเพราะสาเหตุดังกล่าว หรือเป็นเพราะตัวเอง “หมดค่า” ไม่อยู่ในสายตาสำหรับในสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนผ่านแบบนี้ แต่ถึงอย่างไรที่ผ่านมาก็น่าจะ “ได้มา” คุ้มค่าแล้ว ขณะเดียวกันเมื่อพูดถึง “ขงเบ๊จิ๋ว” แล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องกล่าวถึง “เหนาะไดโนเสาร์” พันธุ์สุดท้าย เข้าไปด้วยเห็นร่ำๆว่าจะไม่เข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยอย่างที่เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ ล่าสุดบอกว่าจะอยู่ “นิ่งๆ” เฉยเอาไว้ก่อน ความหมายก็คือจะ “ต่อรอง” หลังฉากดีกว่า
00 ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งการออกมา “สร้างราคา” ให้เข้าตา ทักษิณ ของ “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ด้วยการ “จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์” ได้ส่งผล “สั่นสะเทือน” ต่อพรรคเพื่อไทย และ ตัวแม้วเองอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดขึ้นในช่วงใกล้เลือกตั้งเสียด้วย มันทำให้หลายคนเริ่ม “กระโดดหนี” กันเป็นแถว บางคนแม้ไม่ลาออกจากพรรคก็ขอทิ้งเก้าอี้ผู้บริหารพรรค “เซฟ” ตัวเองเอาไว้ก่อน เพราะจากคำพูด “อุบาทว์” ดังกล่าวนอกจากทำให้คนพูดมีสิทธิ์ “ติดคุก” แล้วพรรคยังมีโอกาสถูกยุบได้อีก ก็ไม่รู้จะโทษใครนอกจากโทษตัวเองที่ “บังอาจ” ก็ต้องรับกรรมกันเอาเอง เพราะจะเรียกว่าถูกกลั่นแกล้งก็ไม่ใช่แน่นอน หากพิจารณาจากหลักฐานคำพูดตั้งแต่ต้นมันมีความหมายชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องการ “ใส่ร้าย” หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพียงแต่ยังไม่กล้าพูดตรงๆได้มากกว่านี้เท่านั้น !!
00 ส่วนปฏิทินเลือกตั้งก็เดินไปตามกำหนดเดิมแล้ว หลังจาก นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ย้ำออกมาแล้วว่าจะยุบสภาไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค.มีการเลือกตั้งไม่เกินปลายเดือนมิ.ย.หรือต้น ก.ค.และมีรัฐบาลใหม่ต้น ส.ค.ก็ว่ากันไปสำหรับวิธีการ “เอาตัวรอด” แบบแนบเนียน ใช้การเลือกตั้ง ฟอกตัว-แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่สำหรับคนจำนวนไม่น้อยที่รู้ทัน พอเห็นหน้านักเลือกตั้งที่เสนอหน้าเข้ามาล้วนแล้วแต่ “ร้องยี้” ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่กระแส “โหวตโน” เริ่มแรงและตีคู่มากับ “โนโหวต” เหมือนกัน !!