xs
xsm
sm
md
lg

ชัยชนะ พธม.! วิป รบ.ชงสภาขอถอนมติรับร่าง JBC ทั้ง 3 ฉบับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปธ.กมธ.เขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ฝ่ายไทย ยอมถอย อ้างคำสั่งวิปรัฐบาล เตรียมที่ประชุมร่วมสองสภา ถอนร่างเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ ในพรุ่งนี้ หลังสภาล่มซ้ำซาก ด้าน ปชป.อ้อมแอ้ม อ้างทำตามวิป รบ.เห็นชอบข้อสังเกตของ กมธ.ชุดของ “เจริญ” แต่จะจัดประชุมเร่งพิจารณา กม.ที่ค้างอยู่ในวันพรุ่งนี้ต่อไป

วันนี้ (18 เม.ย.) นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) กล่าวถึงกรณีที่ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้บรรจุรายงานผลการพิจารณาศึกษาของ กมธ.พิจารณาศึกษาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) รวม 3 ฉบับ เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 19 เม.ย.ว่า แม้ ครม.จะมีมติให้ถอนเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ต้องผ่านการเห็นชอบจากสภา ว่า ให้ถอนหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ได้มีการหารือกันแล้วว่าจะเสนอในที่ประชุมร่วมในวันพรุ่งนี้ (19 เม.ย.) ให้ถอนเรื่องดังกล่าวออกจากวาระการประชุม เพราะเมื่อถอนแล้วก็ต้องถอนทั้งหมด ทั้งบันทึกข้อตกลงทั้ง 3 ฉบับ และความเห็นของ กมธ.ที่ตนเป็นประธานออกด้วย ส่วนการที่ นายชัย บรรจุเรื่องดังกล่าวในระเบียบวาระ ก็ถือเป็นการดำเนินการตามขั้นตอน เพราะเรื่องนี้ค้างอยู่ในสภานานแล้ว เมื่อวิปรัฐบาลเห็นพ้องให้ถอนและเสียงข้างมากเห็นด้วยก็ไม่มีปัญหาอะไร

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ที่ประชุม ส.ส.รับทราบกรณีที่คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) มีมติว่า ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ (19 เม.ย.) ที่จะมีวาระการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาของ กมธ.พิจารณาศึกษาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) รวม 3 ฉบับ อาจจะมีการพักการประชุมเป็นระยะๆ เพราะมี นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เพียงคนเดียว เนื่องจากยังไม่มีรองประธานรัฐสภาที่มาจากประธานวุฒิสภา จึงขอแจ้งให้ทราบก่อน ทั้งนี้ วาระการรับทราบรายงานของ กมธ.ศึกษาบันทึกเจบีซี เรามีมติจะให้ความเห็นชอบต่อข้อสังเกตที่ค้างการลงมติมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เมื่อเสร็จสิ้นแล้วก็จะเข้าสู่การพิจารณาเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งนายกฯ จะถอนออกจากวาระ โดยจะเป็นการลงมติทีละฉบับ ซึ่งวิปรัฐบาลเห็นชอบให้รัฐบาลถอนเจบีซีทั้ง 3 ฉบับออกจากการประชุมร่วมกันของรัฐสภา แล้วให้รัฐบาลไปดำเนินการต่อ

นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 20-21 เม.ย.จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ แต่จะยกเลิกวาระการตั้งกระทู้ถามสด เพราะจะเร่งพิจารณากฎหมายเพียงอย่างเดียว โดยจะเป็นการพิจารณากฎหมายที่ค้างอยู่ อาทิ ร่าง พ.ร.บ.องค์กรอิสระคุ้มครองผู้บริโภค ร่าง พ.ร.บ.ชุมนุมที่สาธารณะ และร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม

“โฆษก ปชป.” ชี้ เป็นหน้าที่ กกต.แยกแยะพรรคการเมืองหมิ่นสถาบันหรือไม่ ระบุ ไม่สมควรเอามาเคลื่อนไหวทั้งทางคุณ-โทษ ยัน พรรคไม่มีแนวทางนำมาใช้หาเสียง เหตุ เป็นหน้าที่หลักของทุกคนร่วมป้องสถาบัน วอนทุกพรรคอย่าฉวยโอกาสหาผล ปย.

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ทุกคนกังวลการเคลื่อนไหวนอกสภาว่าจะมีการดำเนินการไม่เหมาะสม และขณะนี้เป็นหน้าที่คนไทยที่ต้องช่วยกันดูแลไม่ให้การเคลื่อนไหวการเมืองครั้งนี้ไม่นำประเด็นสถาบันมาสู่การเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยการปลุกระดมใส่ร้ายด้วยข้อความที่ไม่เป็นจริง ซึ่งก็มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองออกมาให้ความสำคัญ รวมทั้งผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยก็แสดงถึงความสำนึกในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ในทางการเมือง ซึ่งถือเป็นเรื่องอันสมควรที่ต้องดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดลักษณะดังกล่าวดำเนินต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า พฤติกรรมการจาบจ้วงสถาบันของพรรคการเมืองทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีการแยกแยะอย่างไร เพราะอาจจะเกิดความสับสนได้ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางพรรคพูดชัดในการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงาน โดยร่วมกันปกป้องสถาบันถือเป็นหน้าที่หลัก ซึ่งไม่ควรนำมาใช้เคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งทางคุณและทางโทษ โดยเฉพาะการพาดพิงในทางไม่ควร อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูร่างกฎหมายของ กกต.ว่า จะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งการพาดพิงในทางเสียหายถือว่าไม่สมควรอยู่แล้ว การจะแยกแยะกรณีการแสดงความไม่เห็นด้วยก็ถือเป็นสำนึกในการปกป้องสถาบัน ซึ่งตนไม่ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง นอกจากนี้ พรรคก็ไม่ได้มีแนวทางที่จะนำการเชิดชูสถาบันมาเป็นนโยบายในการรณรงค์หาเสียงในเรื่องนี้ และคิดว่าทุกพรรคการเมือง และทุกสี ทุกกลุ่ม ไม่ควรฉวยโอกาสหยิบยกมาหาผลประโยชน์ด้วย

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้รับจากกลุ่ม ส.ส.นั้น มีการพูดกันว่า การปราศรัยจาบจ้วงสถาบันมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของพรรคเพื่อไทย โดยขณะนี้มีกระแสข่าวว่าจะมีการย้ายพรรคของส.ส.และว่าที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย โดยขอให้ติดตามดูจากนี้ว่าจะมีว่าที่ และ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ได้ประเมินปฏิทินการพิจารณากฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 3 ฉบับหรือไม่ นพ.วรงค์ กล่าวว่า ทราบว่ากฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับน่าจะมีการแก้ไขในชั้นวุฒิสภา และหากมีการแก้ไขทางวิปรัฐบาลจะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภา ในสัปดาห์ถัดไป โดยจะพยายามทำให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ต้องดูประเด็นการแก้ไขของวุฒิสภาว่าเป็นประเด็นใด แต่คาดว่า น่าจะเป็นประเด็นการเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งตนเห็นพ้องกับส.ว.บางส่วนว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าอาจจะมีช่องทางการทุจริตได้ แต่ก็ต้องเว้นช่องไว้ให้ประชาชนที่ติดภารกิจจริงๆ ขณะเดียวกัน ก็ได้มีการลดวันและเวลาการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าไว้แล้ว จึงน่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าที่ประชุมวุฒิสภาจะแก้ไขในประเด็นใด หากแก้ไขเล็กน้อยก็สามารถผ่านที่ประชุมของสภาไปได้ง่าย แต่หากมีการแก้ไขประเด็นใหญ่ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง ดังนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะกระทบปฏิทินเวลาของนายกฯ ที่จะประกาศยุบสภาช่วงต้นเดือน พ.ค.หรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น