xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ไล่ ส.ส.หลังยาวลาออก มั่นใจ กม.ลูก 3 ฉบับผ่านสภาแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (แฟ้มภาพ)
“มาร์ค” ตะเพิด ส.ส.จอมโดดลาออก ถ้าไม่อยากทำหน้าที่ อ้างไม่เกี่ยวประกาศยุบสภาล่วงหน้า ลั่นหมดปัญหาอุทกภัยใต้สภาล่มไม่ควรเกิดขึ้นอีก มั่นใจกฎหมายลูก 3 ฉบับรองรับเลือกตั้งเข้าสภาสัปดาห์หน้าไม่มีปัญหา เชื่อ ส.ส.ทุกคนเข้าใจดี บอกไม่แปลกใจ “เสนาะ” ผสมพันธุ์เพื่อแม้ว รอดูอยู่ชูใครแคนดิเดตนายกฯ “บุญยอด” ระบุสภาล่ม 3 วันติดเพราะ ส.ส.เพื่อไทยเล่นเกมไม่ร่วมประชุม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาสภาล่มซ้ำซากว่า ต้องยอมรับว่า สัปดาห์นี้ไม่ค่อยปกติ แม้แต่ตนเองในช่วงที่มีการนับองค์ประชุมต่างๆ ก็เป็นช่วงที่เดินทางไปภาคใต้ และมีส.ส.อีกหลายคนที่ไปรวมภารกิจ และคงมีพื้นที่อื่นๆ ด้วย ซึ่งทางวิปมีความเข้าใจสถานการณ์ดี และคงจะมาพูดคุยกันอีกที

ส่วนที่มีการอ้างว่าการที่ ส.ส.ขาดประชุมเนื่องจากใกล้ยุบสภาจึงไม่มีใจที่จะเข้าประชุมสภานั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อ้างไม่ได้ สมมติว่าไม่มีการยุบสภา วันหนึ่งจะเลือกตั้ง สมมติว่าใกล้เดือนธันวาคมจะมาอ้างอย่างนี้กันหรือเปล่า ตราบใดก็ตามซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ต้องทำหน้าที่ จะไปคิดทำอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งการทำหน้าที่เป็นเรื่องสำคัญ อยากให้พี่น้องประชาชนจับตาดู หากเป็นห่วงการเลือกตั้ง แทนที่จะทำหน้าที่ให้ประชาชนดูกลับไม่ทำหน้าที่ ทำไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.อ้างว่าเป็นการลงพื้นที่เพื่อหาเสียงเพื่อได้กลับมาเป็น ส.ส.อีกครั้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวย้ำว่า อยากให้ประชาชนเลือกว่าใครทำหน้าที่ไม่ทำหน้าที่ เมื่อถามย้ำว่า การประกาศยุบสภาในเดือนพฤษภาคม ทำให้เกิดสุญญากาศ ส.ส.เลยไปลงพื้นที่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มันไม่มีสุญญากาศ สมมุติว่าไม่ประกาศ และจะไปใกล้เดือนธันวาคมจะครบแปลว่า เดือน พ.ย.-ธ.ค.จะไม่ทำงานหรือเปล่า คนอยู่ในตำแหน่งต้องทำหน้าที่

“ไม่งั้นก็ยังมีสิทธิลาออกได้ ถ้าคิดว่าจะไปทำอย่างอื่นก็ลาออกได้” นายอภิสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า หลังจากสถานการณ์ภัยพิบัติเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ปัญหาสภาล่มไม่ควรจะมีแล้วใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ควร เพราะประธานมีความตั้งใจที่ดี เริ่มจะกำหนดวันชัดเจน และในส่วนของวิปก็เอารายชื่อกฎหมายมาไล่กันดูว่า ฉบับไหนบ้างที่เราอยากจะเร่งรัดให้เสร็จตามขั้นตอนต่างๆ ฉะนั้นอยากจะขอความร่วมมือสมาชิกในกาประชุมต่างๆ บังเอิญสัปดาห์นี้ประธานรัฐสภานัด 4 วัน แต่สัปดาห์จากนี้ไป อาจมีแค่ 1 วัน หรือ 2 วันตามปกติ ฉะนั้นอยากจะขอความร่วมมือ

ต่อข้อถามว่ากฎหมายลูกจะผ่านก่อนยุบสภาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องของกฎหมายลูกเป็นไปตามเป้าหมาย เพราะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว น่าจะเสนอเข้าสู่สภาได้สัปดาห์หน้า

ส่วนที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ระบุว่า หากสภาล่มบ่อยๆ แบบนี้ก็ให้นายกรัฐมนตรียุบสภาไปนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็เห็นใจประธานสภา เมื่อเช้าก็คุยกัน ท่านตั้งใจอยากให้ทุกอย่างเข้มแข็ง และเดินหน้าทำงาน จึงอยากจะขอความร่วมมือสมาชิกด้วย เมื่อถามว่า กฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับที่จะเข้าสภาจะมีปัญหาเรื่ององค์ประชุมไม่ครบอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงไม่มี ทุกคนเข้าใจดี วันก่อนก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี ตอนนี้กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง ออกมาระบุว่าถ้าต้องออกระเบียบเลือกตั้งจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่ร่วมลงชื่อ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์อะไร ทุกคนมีหน้าที่ต้องทำ ขณะนี้อยากให้ทุกคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. รัฐมนตรี องค์กรอิสระต่างๆ เพราะเราพยายามทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าให้ได้ เมื่อถามย้ำว่า หากเป็นไปตามแผนที่วางไว้กฎหมายลูกจะผ่านสภาได้เมื่อไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า น่าจะผ่านการประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ในสัปดาห์หน้า จากนั้นก็ต้องไปประสานงานกับวุฒิสภา ซึ่งต้องดูตารางเวลากับวุฒิสภาอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช จะควบรวมพรรคประชาราชกับพรรคเพื่อไทยนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เมื่อถามว่าจะกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหรือไม่ หากนายเสนาะถูกชูเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยตัดสินใจอย่างไร ส่วนที่จะชูใครเป็นนายกฯ นั้น ตนก็รออยู่ เห็นบอกว่ารอวันยุบสภา

ผู้สื่อข่าวถามว่าสภาพตอนนี้เหมือนพรรคไทยรักไทยในอดีต ที่กำลังพยายามนำพรรคอื่นๆ มารวมกันเพื่อได้เสียงมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นธรรมดาของการแข่งขัน แต่คนชี้ขาดเป็นของประชาชน เมื่อถามต่อว่า พรรคการเมืองไม่ได้มีการพัฒนาไปไหน การคิดของนักการเมืองยังคงเหมือนเดิม มีความเห็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แล้วแต่จะมอง เพราะบางคนบอกว่า อยากจะให้พรรคการเมืองเหลือเพียงแค่ 2 พรรค บางคนอยากจะให้มีหลายพรรค ซึ่งประชาชนจะเป็นคนตัดสินเองว่าจะให้เหลือกี่พรรค ถ้าพรรคไหนจะขนาดใหญ่เล็กอย่างไร

ต่อข้อถามว่าคิดว่านายเสนาะปั้นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่ทราบครับ ยังไม่ขอออกความเห็น”

นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสาเหตุของกรณีที่ ที่ประชุมสภาเกิดเหตุการณ์องค์ประชุมไม่ครบและสภาล่มมาถึง 3 ครั้งติดต่อกันว่า ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน มีการขาดการประชุมถึง 3 ครั้งที่วัดจากการกดบัตรแสดงตน มีจำนวนติดต่อกัน 175 คน และขาดไม่ครบ 3 อีก 13 คน โดยทางพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง พรรคเพื่อแผ่นดิน มีสมาชิกขาดการประชุมทั้ง 3 ครั้งอยู่ 14 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 7 คน พรรครวมชาติพัฒนา และพรรคกิจสังคม 2 คน และพรรคมาตุภูมิ 1 คน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย มี ส.ส.ลา แต่ไม่ถึงกับขาดประชุมถึง 3 ครั้ง

นายบุญยอดกล่าวว่า โดยในสวนของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นทางนายวิทยา แก้วภราดัย ประธานวิปรัฐบาล ก็ได้พยายามขอร้องให้ ส.ส.เดินทางมาประชุมแล้ว แต่สำหรับทางพรรคฝ่ายค้านจะเห็นได้ชัดว่ามีการนั่งประชุมอยู่ในห้อง แต่กลับไม่กดบัตรแสดงตัว ซึ่งทำให้เห็นว่าทางฝ่ายค้านเล่นเกมการเมืองอยู่ ทั้งนี้ตนไม่อยากจะให้มีการมากล่าวโทษว่าเหตุที่สภาล่มนั้นมาจากการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ทำการระบุเวลาเพื่อที่จะประกาศยุบสภาไปแล้ว เพราะตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เงื่อนไขในการปฎิเสธที่จะมาทำหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งหากถ้านายกรัฐมนตรีไม่กำหนดเวลาเอาไว้ก่อน ทางพรรคฝ่ายค้านก็จะมาตำหนิว่าไม่มีการบอกล่วงหน้าอีก

“ผมคิดว่าสาเหตุที่ทำให้สภาล่มนอกจากจะมาจากการที่พรรคฝ่ายค้านไม่ให้ความร่วมมือแล้ว ยังมีสาเหตุอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเรียกประชุมในวันศุกร์ของนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยนายชัยอาจจะเห็นว่าต้องการที่จะให้กฎหมายที่ค้างอยู่ในที่ประชุมผ่านไปได้ ซึ่งก็เป็นความคิดที่ดี แต่ตามธรรมชาติแล้วในวันศุกร์มักจะเป็นวันที่ ส.ส.เดินทางลงพื้นที่และมีภารกิจที่อื่นกันมากกว่า และในช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ใกล้กับวันเลือกตั้งแล้วซึ่งถ้านายชัยยังฝืนต่อไปก็คงเกิดเหตุสภาล่มต่อเนื่องอีกอย่างแน่นอน

นายบุญยอดยังกล่าวถึงกฎหมายลูก 3 ฉบับว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเงื่อนไขในการยุบภาหรือไม่ เพราะตามหน้าที่แล้วหากกฎหมายลูกต้องตกไปในที่ประชุมสภา ทาง กกต.ก็สามารทำหน้าที่ร่างข้อบังคับตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรานั้นๆ ได้ เพราะเป็นหน้าที่อันชอบธรรมอยู่แล้ว แต่ทาง กกต.ต้องไม่กลัวจนเกินไปเท่านั้น

ส่วนกรณีการประชุมสภาเพื่อพิจารณารับรองบันทึกการ ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา 3 ฉบับนั้น นายบุญยอดกล่าวว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้ตีความแล้วว่าไม่รับฟ้องเรื่องนี้ ซึ่งทางออกใหม่ที่สามารถทำได้ก็คือ ทางสภาสามารถลงมติได้ว่าไม่รับเรื่องนี้เป็นมาตรา 190 เช่นกัน เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ก็เป็นเรื่องรัฐบาล หากยังเห็นว่าเป็นเรื่องที่ขัดแย้งก็ต้องไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น