xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อแม้วฉะ “มาร์ค” หอบครอบครัวเที่ยวสงกรานต์ พักผ่อนโรงแรมหรู ขณะชาวใต้ยังผจญน้ำท่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์  (แฟ้มภาพ)
โฆษกเพื่อแม้ว ฉะ “มาร์ค” ไรัวุฒิภาวะการเป็นผู้นำ หอบครอบครัวเที่ยวสงกรานต์ พักผ่อนโรงแรมหรูเกาะสมุย ทั้งที่ชาวใต้ยังระทมทุกข์อุทกภัย เตรียมตรวจสอบการเข้าพัก เข้าข่ายรับผลประโยชน์ ผิดกฎหมาย ป.ป.ช.หรือไม่ ก่อนส่งเรื่องเอาผิด ปัด 2 ผู้เฒ่า “จิ๋ว-เหนาะ” เตรียมเผ่นหนี พร้อมโวย ปชป.ใส่ร้ายเพื่อไทยหมิ่นสถาบัน เรียกร้อง ส.ว.อย่ายื้อ เร่งพิจารณา 3 กฎหมายลูก



วันนี้ (17 เม.ย.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมครอบครัวได้เดินทางไปพักผ่อนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเข้าพักที่โรงแรมบันยันทรี หาดละไม ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย ซึ่งเป็นที่พักแบบวิลลา (บ้านส่วนตัว) ที่มีมหาเศรษฐีคนหนึ่งเป็นเจ้าของ มีกำหนดพัก 4 วันตั้งแต่วันที่ 13-16 เมษายน 2554 ซึ่งกรณีนี้ ตนอยากถามว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือต่างตอบแทนอะไรกันหรือไม่ และ เป็นเป็นการกระทำที่เหมาะสม และมีวุฒิภาวะของคนเป็นผู้นำประเทศหรือไม่ ที่นายอภิสิทธิ์พาครอบครัวเข้าพักผ่อนในโรงแรมหรูที่มีค่าเข้าพักเกือบ 5 หมื่นบาทต่อคืน หรืออาจจะมากกว่านั้น หากนายอภิสิทธิ์ได้เข้าพักที่ห้องพักระดับ presidential ซึ่งราคาเกือบแสนบาทต่อคืน ทั้งที่หากข้ามฝั่งไปไม่ถึงร้อยกิโลเมตร ที่ฝั่งสุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช รวม 5 อำเภอ 34 ตำบล 237 หมู่บ้าน สถานการณ์อุทกภัยยังไม่คลี่คลาย ยังมีพี่น้องชาวใต้อีกได้รับความเดือดร้อน 67,259 ครัวเรือน 195,793 คน จากอุทกภัย และดินถล่ม ทางขาด ไม่มีที่อยู่ที่ทำกิน ขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค หรือแม้แต่เงินเยียวยา 5,000 บาทก็ยังเบิกไม่ได้ แต่นายอภิสิทธิ์พาครอบครัวไปเที่ยวสงกรานต์ที่เกาะสมุย นอนโรงแรมคืนละ 5 หมื่นได้

และก่อนหน้านี้ก็ยกพรรคมาสัมมนาที่โรงแรมหรูเกาะสมุยเช่นกัน ขณะที่น้ำท่วมทั้ง 10 จังหวัด พรรคประชาธิปัตย์กลับเสวยสุขท่ามกลางน้ำตาของชาวใต้ ในพื้นที่ที่พวกเขาไว้วางใจ เลือกพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้ ส.ส.ยกจังหวัดทุกจังหวัด แต่พวกเขาต้องน้ำท่วมซ้ำซ้อนหัวปี ท้ายปี เสียชีวิต ทรัพย์สิน และอาชีพ มูลค่ามหาศาล คนเป็นผู้นำประเทศแทนที่จะเสียสละวันหยุดยาวของตนลงพื้นที่ดูแลชาวใต้ กลับพาครอบครัวเที่ยวเกาะสมุยเย้ยชาวใต้ นี่ก็เป็นอีกกรณีที่แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ว่าไม่ได้สนใจพี่น้องชาวใต้ ที่เป็นฐานเสียงของพรรค ปชป. เพราะคิดว่ายังไงก็ต้องเลือกพรรค ปชป.เหมือนเป็นหมูในอวย และความเหมาะสมของพรรคการเมือง ที่เป็นแกนนำรัฐบาลอยู่ในปัจจุบัน ที่มักจะทำเหมือนช่วยประชาชนแบบขอไปที ตามหน้าที่ไปวันๆ พอถึงวันหยุดสงกรานต์ก็หยุดงานไปเที่ยวท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชน

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า และในกรณีการเข้าพักในโรงแรมหรูดังกล่าว ตนกำลังให้คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคตรวจสอบว่า การเข้าพักที่วิลลาหรูส่วนตัว ในโรงแรมบันยันทรี เกาะสมุย นายอภิสิทธิ์ได้ลงทะเบียนเข้าพัก และจ่ายค่าใช้จ่ายค่าที่พัก ค่าอาหาร ทั้งของตนเอง ผู้ติดตาม และทีม รปภ.หรือไม่ หากได้รับบริการฟรี หรือได้รับการลดราคาใดๆ ที่เกินกว่า 3,000 บาท การกระทำดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์น่าจะเข้าข่ายทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 ประกอบกับ ประกาศ ป.ป.ช. เรื่องหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2543 ข้อ 5 ที่ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งหมายถึง ส.ส.-ส.ว.รับทรัพย์สินมีมูลค่าเกิน 3,000 บาทหรือไม่

โดยหากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 2542 มาตรา 122 ซึ่งความผิดเกิดขึ้นสำเร็จแล้ว เพราะเป็นการเข้าใช้บริการ ได้ผลประโยชน์ไปแล้ว และคงนำไปคืนเจ้าของไม่ได้เหมือนที่รอดจากกรณีรับงาช้างจากนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมไปได้ ซึ่งเรื่องนี้ตนจะยื่นให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนและดำเนินการถอดถอน นายอภิสิทธิ์ออกจากตำแหน่งต่อไป

นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมีขึ้นนั้นว่า นายอภิสิทธิ์ที่จะเข้ามาอาสาเป็นผู้นำประเทศครั้งที่ 2 นั้น แต่ยังไม่มีการสละสัญชาติ และดำเนินการใดๆ ตามที่พรรคเพื่อไทยได้เรียกร้องไป เพราะฉะนั้นตนเห็นว่านายอภิสิทธิ์ ควรที่จะทำตัวเองให้มีความใสสะอาดก่อนที่จะลงรับสมัครการเลือกตั้ง เพราะตนเห็นว่าเรื่องสัญชาติดังกล่าวนั้นอาจจะเป็นการเอื้อประโยชน์ในหลายเรื่องได้ เพราะฉะนั้นหากนายอภิสิทธิ์ไม่ทำการสละสัญชาติก็อย่าลงรับสมัครเลือกตั้งครั้งนี้เลย

นายพร้อมพงศ์ยังปฏิเสธประแสข่าวที่ระบุว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย และนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช จะถอนตัวออกจากพรรคเพื่อไทย เนื่องจากไม่เห็นด้วยที่พรรคชู น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการปล่อยข่าวจากทางรัฐบาล เหมือนอย่างเช่นการปล่อยข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเกี่ยวข้องกับการหมิ่นสถาบัน และนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง

“มีบุคคลระดับสูงของทางรัฐบาลอยู่เบื้องหลังเหตุการใส่ร้ายว่าพรรคเพื่อไทยเกียวข้องกับการหมิ่นสถานบัน เนื่องจากในวันนี้ที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ สน.สำราญราษฎร์ หลังจากที่นายจตุพร โดนฟ้องว่ามีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันมาเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งในวันนี้ก็จะมีความพยายามในการจัดกลุ่มผู้ชุมนุมมาชนกับอีกกลุ่มของนายจตุพรด้วย โดยจะเป็นการดำเนินการของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการขัดขวางการเลือกตั้ง”

โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่ทางวุฒิสภากำลังจะพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับเกี่ยวกับการเลือกตั้งว่า ทางพรรคเพื่อไทยจึงเกิดความเป็นห่วงว่าระยะการพิจารณาอาจจะเสร็จไม่ทัน ซึ่งอาจจะมีการคลาดเคลื่อนไปถึงต้นเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ก็จะส่งผลกระทบไปยังการประกาศยุบสภา นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวระบุว่ามี ส.ว.บางกลุ่มต้องการยื้อกฎหมายลูกออกไปเพื่อชะลอการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นทางพรรคเพื่อไทยเห็นว่าทาง ส.ว.น่าจะพิจารณาเรื่องนี้ตามระบบของมัน อย่าทำการยื้อเวลา เพราะประชาชนเขาก็ต้องการเลือกตั้งใหม่เช่นกัน ทางพรรคเพื่อไทยอยากเรียกร้องให้ที่ประชุมของวุฒิสภา ทำหน้าที่อย่าตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้มีการยื้อเวลาการเลือกตั้งออกไปอีก

นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า ภายหลังจากกระบวนการสรรหา ส.ว.ทั้ง 73 คนผ่านพ้นไปแล้ว จึงมาสู่การสรรหาประธานวุฒิสภา ซึ่งก็มีบางคนที่ต้องการยึดตำแหน่งนี้ โดยกลุ่มของ ส.ว.สรรหา เพราะฉะนั้นการที่มาจากการเลือกสรร ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งนั้น คนเหล่านี้น่าจะมีความละอาย โดยการเปิดโอกาสให้กับเสียงของประชาชนที่เลือก ส.ว.เข้ามาขึ้นมาเป็นประธานวุฒิสภา
กำลังโหลดความคิดเห็น