คณะทำงานด้านความมั่นคงไข่แม้ว แสดงความเป็นห่วงวิกฤตกองทัพ แฉมีผู้นำจ้องเปลี่ยนหมากพรรคการเมือง ไล่ตะเพิดใช้เวลาดูแลทหารชั้นผู้น้อยดีกว่า ชี้อย่าผูกขาดความจงรักภักดี ดักคอ ผบ.ทบ.อย่าคิดว่าทหารจะเข้าข้างทั้งหมด อัด ปชป.เลิกจุ้น แคนดิเดตนายกฯของ พท. ไล่กลับไปดูนโยบายตัวเอง ลั่นหลังประกาศยุบสภาเปิดตัวแน่นอน ยันเปิดนโยบาย 23 เม.ย.พร้อมเปิด 33 ผู้สมัคร กทม.16 เม.ย.นี้
วันนี้ (15 เม.ย.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการหารือของคณะทำงานการเมืองความมั่นคง และคณะที่ปรึกษาด้านการทหารความมั่นคงของประเทศของพรรค ที่มีนายทหารและตำรวจที่ร่วมงานกับรวมทั้งข้าราชการระดับปลัดกระทรวง และอธิบดีที่มาเป็นที่ปรึกษาของพรรค ร่วมหารือถึงสถานการณ์ของกองทัพว่า ที่ประชุมเป็นห่วงวิกฤตของกองทัพ และมองว่าผู้มีอำนาจกำลังต้องการเปลี่ยนผู้เล่นใหม่ จากพรรคการเมืองบางพรรคที่ไม่มีผลงานแต่ทำให้ประเทศเกิดภาวะข้าวยากหมากแพง เกิดแก๊งสวาปาล์ม โดยมุ่งเป้ามาที่กองทัพเป็นคำตอบสุดท้าย โดยท่าทีของผู้นำกองทัพบางคน พยายามให้ทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง ที่ประชุมพูดคุยและต้องการเตือนสติ ผบ.ทบ.ว่าอาจจะคุมทหารซึ่งเป็นผู้ใต้ บังคับบัญชา ไม่อยู่ แต่ไม่กังวลเรื่องการปฏิวัติแต่อย่างใด
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ระบุว่ามีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลังคนเสื้อแดงว่า เป็นการพูดเพื่อสร้างความแตกแยก เหมือนครั้งที่ประกาศแผนผังขบวนการล้มเจ้า เป็นการพูดตามจินตนาการของ พ.อ.สรรเสริญ ซึ่งจะแบ่งประชาชนออกเป็นฝักฝ่าย ถามว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสีพรรคการเมืองหรือไม่ และหากมีคนชี้นิ้วไปที่กองทัพบ้างว่าอยู่เบื้องหลังกองทัพจะรู้สึกอย่างไร
นายจิรายุกล่าวว่า คณะทำงานได้หารือกันว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีความชัดเจนอยู่แล้วว่ามีความ จงรักภักดีไม่น้อยไปกว่ากัน ประชาชนทุกคนก็มีอยู่ในใจและงานการเมืองที่ดูแลปากท้องกับการจงรักภักดี กองทัพไม่ควรเอามาเกี่ยวกันและไม่บังควรอย่างยิ่ง พรรคเพื่อไทยมีข้าราชการระดับสูง ทั้งปลัดกระทรวง นายทหารรุ่นพี่ระดับพลเอกที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาทจำนวนมาก ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าวันนี้ทหารรุ่นน้องบางคนในกองทัพทำแบบนี้ใช้ไม่ ได้ จะโอเว่อแอ็กติ้งโชว์ความจงรักภักดีอยู่คนเดียว นายทหารบางคนในที่ประชุมระบุว่า โฆษกทบ. และผบ.ทบ.แม่ทัพภาค 1 จะพูดอะไรต้องคิดให้มาก อย่าพูดเอามันหรือเอาใจใครบางคนให้มองคนทั้งประเทศ ไม่ใช่กองทัพบกจะมาผูกขาดความจงรักภักดีคนเดียวแล้วผลักประชาชนไปอยู่ฝ่าย ตรงข้าม หากใครผิดก็ให้ตำรวจดำเนินคดี ไม่ใช่ ผบ.ทบ.สั่งลูกน้องไปแจ้งความ ผบ.ทบ.ก็เท่ากับตบหน้า ผบ.ตร.ฉาดใหญ่ ที่สำคัญกองทัพควรเช็คเสียงเหล่าทัพให้ดี อย่าคิดว่าทหารจะเข้าข้างทั้งหมด กองทัพควรสร้างความสามัคคี ความยุติธรรม ไม่ใช่ให้กลุ่มนี้ทำได้กลุ่มนี้ทำไม่ได้ ส่วนผู้บังคับบัญชาควรไปดูแลทหารชั้นผู้น้อยที่ไม่ได้รับการเอาใจใส่ เพราะไม่ใช่สายบูรพาพยัคฆ์สายเดียวกับผู้นำ และทำเรื่องที่ประชาชนสงสัยว่าใครยิงประชาชนในการสลายการชุมนุมมากกว่า
นายจิรายุกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ วิพากษ์วิจารณ์ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และผู้ที่มีรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องมาสนใจเรื่องของพรรคเพื่อไทยว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าหรือใครจะอยู่ปาร์ตี้ลิสต์อันดับหนึ่ง จนเกิดอาการจิตตก แต่ทางที่ดีพรรคประชาธิปัตย์ควรกลับไปสนใจทำนโยบายของตัวเองให้ดี และแข่งขันกับพรรคเพื่อไทยเรื่องนโยบายมากกว่า ควรสนใจช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนคนเข้าใจว่าการให้มือสมัครเล่นมาทำงานการเมืองเป็นอย่างไร และพรรคประชาธิปัตย์ควรแก้ตัวกับประชาชนให้ได้ว่าเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วทำไม ไม่ยอมทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาปากท้อง การปราบปรามยาเสพติด หากรัฐบาลทำได้จริงอย่างที่ประกาศไว้ เช่น ถ้าปราบปรามเรื่องยาเสพติดให้ได้เดือนละ 1% คงลดปัญหายาเสพติดไปแล้วถึง 30% โดยไม่จำเป็นต้องตั้งกองกำลังพิเศษถึง 2,500 นายเข้ามาปราบปราม ให้เปลืองงบประมาณ แต่เมื่อจะเลือกตั้งกลับมาบอกว่าจะทำโน่นทำนี่
นายจิรายุกล่าวว่า สำหรับการเปิดนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าเป็นวันที่ 23 เม.ย.นี้ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยจะมีสมาชิกพรรคประมาณ 5,000 คนมาร่วมงาน และจะเปิดนโยบายต่างๆ ให้ประชาชนรับทราบ อย่างไรก็ตามในวันที่ 16 เม.ย.นี้ พรรคเพื่อไทยจะเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต แต่ก็ยังมีข่าวว่ามีมือที่มองไม่เห็นพยายามจะเสนอเรื่องการแบ่งเขตการเลือกตั้งเป็นแบบที่ 5 โดยแบ่งโซนเขตพระนครบางส่วนไปรวมกับฝั่งธนบุรี ซึ่งเป็นเรื่องแปลก และในวันที่ 19 เม.ย.นี้จะเปิดศูนย์เลือกตั้ง ส.ส.กทม.อย่างเป็นทางการ
เมื่อถามถึงว่าในการเปิดนโยบายวันที่ 23 เม.ย.นี้ จะเปิดตัวผู้มีรายชื่อเป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อันดับหนึ่งหรือไม่ นายจิรายุกล่าวว่า คิดว่าจะไม่มีการเปิดตัว เพราะเกรงว่าจะสับสนกับการเปิดนโยบาย แต่เชื่อว่าหลังจากประกาศยุบสภาจะเปิดตัวทันที ยอมรับว่าวันนี้ยังไม่นิ่ง ต่อข้อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคาะชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว ให้เป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับหนึ่ง นายจิรายุกล่าวว่า เรื่องนี้ในพรรคยังไม่มีใครพูด แต่เป็นการอ้างรายงานข่าวเท่านั้น มองว่าอะไรที่แน่นอนอาจจะไม่แน่นอน อะไรที่ไม่แน่นอนอาจจะแน่นอนก็เป็นได้ เมื่อถามถึงข่าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เตรียมเดินทางไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 16 เม.ย.นี้ นายจิรายุกล่าวว่า การเดินทางไปพบกันได้ทำเป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าถามว่าจะบินไปคุยเรื่องการเมืองหรือไม่นั้น ตนเชื่อว่าเวลา 5 ปี ที่เดินทางไปพบเจอกันนั้นมีการพูดทั้งเรื่องการเมือง เรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว และขณะนี้มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถสื่อสารกับพ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่จำเป็นต้องบินไปพบเพื่อพูดคุยเรื่องนโยบายหรอกหรือเรื่องใดโดยเฉพาะก็ สามารถทำได้
เมื่อ ถามว่าความไม่ชัดเจนเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย เกรงว่าจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในการหาเสียงหรือไม่ นายจิรายุกล่าวว่า เราไม่สนใจ แต่ที่มีข่าวเรื่องนี้หากพูดภาษาชาวบ้านเรียกว่าพรรครัฐบาลจะเอาเรื่องนี้ มาตีกินทางการเมืองมากว่า ที่ผ่านมาเราทำโพลถามประชาชนก็ไม่ได้สนใจเรื่องตัวหัวหน้าพรรค ส่วนใหญ่ประชาชนจะตอบว่าสนใจเรื่องนโยบายและผลงานงานมากกว่า แม้จะให้นายกฯ เป็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครักษ์สันติ หรือนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ประชาชนเขาก็ไม่สนใจ เราจึงไม่ตื่นเต้น แต่คนที่ตื่นเต้นคือพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า