แน่เสียยิ่งกว่าแน่ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร.ถ้าจะลงเล่นการเมืองในสมัยต่อไปหลังยุบสภา ต้องใส่เสื้อพรรคเพื่อไทย โดยจะมีชื่อลงในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทยแน่นอน
เหตุที่ “เสรีพิศุทธ์” จะตกลงปลงใจเข้าเพื่อไทย ว่ากันว่าได้รับการติดต่อเข้าพรรคเผาบ้านเผาเมืองมานานร่วมปีแล้ว ด้วยสายสัมพันธ์อันดีกับแกนนำเพื่อไทยหลายสาย ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีต ผบ.ตร.เจ้านายเก่า ที่อุ้มชูกันมาตั้งแต่ “ประชา” ยังไม่ได้ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของวงการสีกากี รวมถึง “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็จ๊ะจ๋ากันมานาน และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็คนกันเอง
เหล่าสายที่เชื่อมสัมพันธ์ดึง “เสรีพิศุทธ์” เข้าเพื่อไทย ถึงขั้นยื่นข้อเสนอให้ “เสรีพิศุทธ์” เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแทน ยงยุทธ วิชัยดิษฐ เลยด้วยซ้ำ
แต่ข้อเสนอนี้ถูกขวางจากแกนนำในเพื่อไทยอีกบางส่วน ที่เห็นว่า “เสรีพิศุทธ์” เองก็ยังบารมีไม่แก่กล้า และมีปัญหาเรื่องการยอมรับจากคนในสังคมบางส่วน หาไม่แล้วคงไม่โดนปลดจาก ผบ.ตร.
ข้างฝ่าย “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ถือว่ามีศักดิ์เป็นน้อง เพราะเป็นรุ่นน้อง “เสรีพิศุทธ์” สองปีที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ แม้ “ทักษิณ” ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ “เสรีพิศุทธ์” แต่ด้วยความที่เครือข่ายตำรวจรอบตัวทักษิณทั้งเพื่อนร่วมรุ่นและเครือญาติอย่าง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. พี่ชายสุดเลิฟ “หญิงอ้อ” พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตเมียรัก ก็ไม่ได้ปลื้มอะไร และไม่เห็นด้วยหากจะดัน “เสรีพิศุทธ์” เป็นหัวหน้าพรรค
ความไม่ชัดเจนเรื่องตำแหน่งแห่งหนในพรรค เป็นเหตุให้ “เสรีพิศุทธ์” ดึงเวลาในการเข้าเพื่อไทยล่าช้ากว่าที่ตั้งใจไว้ร่วมปี
เมื่อถึงตอนนี้ สัญญาณชัดว่าจะมีการยุบสภา มีการเลือกตั้งครั้งใหม่แน่ ทำให้ “เสรีพิศุทธ์” เริ่มขยับและส่งสัญญาณไปยังแกนนำเพื่อไทย บอกความต้องการจะเล่นการเมืองแน่นอน และพร้อมจะมาเพื่อไทย
ก่อนหน้านี้ ขณะเฝ้ารอดูสถานการณ์ “บิ๊กตู่-เสรีพิศุทธ์” มีทางเลือกอยู่หลายพรรค และกำลังชั่งใจว่าจะเอาพรรคไหนดี เพราะถูกทาบทามมาจากทั่วทุกทิศ เดิมทีก็ตั้งใจจะไปอยู่ พรรคชาติไทยพัฒนาของบรรหาร ศิลปอาชาและประชาธิปัตย์ ก็ส่งสายมาประกบ “บิ๊กตู่” ทุกย่างก้าว หมายล็อกคอไม่ให้ไปไหน เพราะถ้าได้คนนี้เข้าพรรคก็เหมือนได้ “นายทุนใหญ่” อีกกระเป๋ามาเสริมกำลังกระสุน
แต่ท้ายที่สุดก็มีข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า แนวโน้ม “เสรีพิศุทธ์” ตัดสินใจเข้าเพื่อไทย ที่เจ้าตัวก็ยอมรับว่าได้รับการติดต่อมาจริงและมีใบสมัครสมาชิกพรรคส่งมาให้แล้ว แต่ยังไม่ได้ตอบรับ
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ “เสรีพิศุทธ์” ตัดใจเลือกมาเพื่อไทย ก็น่าจะได้รับข้อเสนอที่มีเก้าอี้ รมต.รออยู่ข้างหน้า ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ระดับนี้ลงลุยการเมืองทั้งทีเป็น ส.ส.กระจอกๆ คงไม่เอาแน่ อย่างน้อยต้องเป็นรัฐมนตรีจึงจะสมศักดิ์ศรีอดีตเจ้าพ่อกรมปทุมวัน
และอีกเหตุก็เพราะหวังจะชำระแค้น เนวิน ชิดชอบ เพราะ “เสรีพิศุทธ์” เชื่อว่า คนที่ไปผลักดันให้ สมัคร สุนทรเวช สั่งปลดตัวเองออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ในช่วงสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีก็คือ เนวิน ที่มีบทบาทสูงในรัฐบาลสมัคร จากผลพวงเรื่องแค้นเก่า คดีซื้อเสียงทุจริตเลือกตั้งบุรีรัมย์ปี 39 จนทำให้เนวินได้รับฉายา ยี้ห้อยร้อยยี่สิบมาจนถึงทุกวันนี้
“เสรีพิศุทธ์” จึงเห็นว่า เมื่อคิดจะเอาคืนและสั่งสอนเนวิน ก็ต้องอยู่กับพรรคที่เป็นคู่ปรับสำคัญของเนวินและต้องสู้ให้ได้ด้วย ซึ่งก็ไม่มีพรรคไหนอีกแล้ว นอกจากเพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการจะสั่งสอน เนวิน คนทรยศในการเลือกตั้งรอบนี้
แค้นนี้จะชำระได้หรือไม่ ต้องติดตามดูกันต่อไป
เหตุที่ “เสรีพิศุทธ์” จะตกลงปลงใจเข้าเพื่อไทย ว่ากันว่าได้รับการติดต่อเข้าพรรคเผาบ้านเผาเมืองมานานร่วมปีแล้ว ด้วยสายสัมพันธ์อันดีกับแกนนำเพื่อไทยหลายสาย ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีต ผบ.ตร.เจ้านายเก่า ที่อุ้มชูกันมาตั้งแต่ “ประชา” ยังไม่ได้ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของวงการสีกากี รวมถึง “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็จ๊ะจ๋ากันมานาน และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็คนกันเอง
เหล่าสายที่เชื่อมสัมพันธ์ดึง “เสรีพิศุทธ์” เข้าเพื่อไทย ถึงขั้นยื่นข้อเสนอให้ “เสรีพิศุทธ์” เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแทน ยงยุทธ วิชัยดิษฐ เลยด้วยซ้ำ
แต่ข้อเสนอนี้ถูกขวางจากแกนนำในเพื่อไทยอีกบางส่วน ที่เห็นว่า “เสรีพิศุทธ์” เองก็ยังบารมีไม่แก่กล้า และมีปัญหาเรื่องการยอมรับจากคนในสังคมบางส่วน หาไม่แล้วคงไม่โดนปลดจาก ผบ.ตร.
ข้างฝ่าย “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ถือว่ามีศักดิ์เป็นน้อง เพราะเป็นรุ่นน้อง “เสรีพิศุทธ์” สองปีที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ แม้ “ทักษิณ” ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ “เสรีพิศุทธ์” แต่ด้วยความที่เครือข่ายตำรวจรอบตัวทักษิณทั้งเพื่อนร่วมรุ่นและเครือญาติอย่าง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. พี่ชายสุดเลิฟ “หญิงอ้อ” พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตเมียรัก ก็ไม่ได้ปลื้มอะไร และไม่เห็นด้วยหากจะดัน “เสรีพิศุทธ์” เป็นหัวหน้าพรรค
ความไม่ชัดเจนเรื่องตำแหน่งแห่งหนในพรรค เป็นเหตุให้ “เสรีพิศุทธ์” ดึงเวลาในการเข้าเพื่อไทยล่าช้ากว่าที่ตั้งใจไว้ร่วมปี
เมื่อถึงตอนนี้ สัญญาณชัดว่าจะมีการยุบสภา มีการเลือกตั้งครั้งใหม่แน่ ทำให้ “เสรีพิศุทธ์” เริ่มขยับและส่งสัญญาณไปยังแกนนำเพื่อไทย บอกความต้องการจะเล่นการเมืองแน่นอน และพร้อมจะมาเพื่อไทย
ก่อนหน้านี้ ขณะเฝ้ารอดูสถานการณ์ “บิ๊กตู่-เสรีพิศุทธ์” มีทางเลือกอยู่หลายพรรค และกำลังชั่งใจว่าจะเอาพรรคไหนดี เพราะถูกทาบทามมาจากทั่วทุกทิศ เดิมทีก็ตั้งใจจะไปอยู่ พรรคชาติไทยพัฒนาของบรรหาร ศิลปอาชาและประชาธิปัตย์ ก็ส่งสายมาประกบ “บิ๊กตู่” ทุกย่างก้าว หมายล็อกคอไม่ให้ไปไหน เพราะถ้าได้คนนี้เข้าพรรคก็เหมือนได้ “นายทุนใหญ่” อีกกระเป๋ามาเสริมกำลังกระสุน
แต่ท้ายที่สุดก็มีข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า แนวโน้ม “เสรีพิศุทธ์” ตัดสินใจเข้าเพื่อไทย ที่เจ้าตัวก็ยอมรับว่าได้รับการติดต่อมาจริงและมีใบสมัครสมาชิกพรรคส่งมาให้แล้ว แต่ยังไม่ได้ตอบรับ
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ “เสรีพิศุทธ์” ตัดใจเลือกมาเพื่อไทย ก็น่าจะได้รับข้อเสนอที่มีเก้าอี้ รมต.รออยู่ข้างหน้า ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ระดับนี้ลงลุยการเมืองทั้งทีเป็น ส.ส.กระจอกๆ คงไม่เอาแน่ อย่างน้อยต้องเป็นรัฐมนตรีจึงจะสมศักดิ์ศรีอดีตเจ้าพ่อกรมปทุมวัน
และอีกเหตุก็เพราะหวังจะชำระแค้น เนวิน ชิดชอบ เพราะ “เสรีพิศุทธ์” เชื่อว่า คนที่ไปผลักดันให้ สมัคร สุนทรเวช สั่งปลดตัวเองออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ในช่วงสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีก็คือ เนวิน ที่มีบทบาทสูงในรัฐบาลสมัคร จากผลพวงเรื่องแค้นเก่า คดีซื้อเสียงทุจริตเลือกตั้งบุรีรัมย์ปี 39 จนทำให้เนวินได้รับฉายา ยี้ห้อยร้อยยี่สิบมาจนถึงทุกวันนี้
“เสรีพิศุทธ์” จึงเห็นว่า เมื่อคิดจะเอาคืนและสั่งสอนเนวิน ก็ต้องอยู่กับพรรคที่เป็นคู่ปรับสำคัญของเนวินและต้องสู้ให้ได้ด้วย ซึ่งก็ไม่มีพรรคไหนอีกแล้ว นอกจากเพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการจะสั่งสอน เนวิน คนทรยศในการเลือกตั้งรอบนี้
แค้นนี้จะชำระได้หรือไม่ ต้องติดตามดูกันต่อไป