ผบ.ทบ.ร่วมทำบุญสงกรานต์ ทบ.หลังเว้นมา 2 ปี วอนคนไทยกลับมารักกัน ลั่นสถาบันเป็นสิ่งที่ควรเคารพ ซัดพวกพาคนมาตายต้องรับผิด อัด “ไอ้ตู่” ส่อหมิ่น เชื่อพวกใส่ร้ายไม่มีวันเจริญ แนะชาวบ้านย้อนดูปี 52 ใครเริ่มเผาเมืองก่อน วอนประชาชนมาเลือกตั้ง ชี้ชะตาอนาคต ซัดพวกค้าน ม.112 ถ้าไม่ไปยุ่งจะถูกจับมั้ย วอน 60 ล้านคนช่วยดูแลอย่าให้มาทำร้ายไทยอีก
วันนี้ (12 เม.ย.) ที่กองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ว่า เป็นการทำบุญวันสงกรานต์ของกำลังพลหลังจากเว้นมา 2 ปี จากเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้น จึงน่าจะเป็นปีมงคล ขอพรให้คนไทยด้วยกัน ทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เดินตามแนวทางประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เรื่องเดิมขอให้ยุติกันไป ว่ากันด้วยกฎหมาย และต้องกลับมารักกันเหมือนเดิม ขอให้ทุกภาคส่วนดูแลสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ผ่านมาถือว่ามีบางกลุ่มพยายามนำสถาบันมาเกี่ยวข้อง ขอไว้ตั้งแต่สงกรานต์ปีนี้เป็นต้นไป เพราะพระองค์ท่านไม่มีโอกาสมารับสั่งกับพวกเรา
“การที่ทุกคนกล่าวอ้าง นำเรื่องนั้นไปผูกโยงกับเรื่องนี้ ทำให้สถาบันเสื่อมเสีย ผมขอรับประกันด้วยชีวิตของผมว่า สถาบันไม่เกี่ยวข้องกับทุกเรื่อง ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นขอให้ผู้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ก็จงไม่ประสบความสำเร็จ ผมคิดว่าในปีนี้เป็นปีมหามงคล สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ทำให้บ้านเมืองปลอดภัย สงบสุข อย่าเป็นเหมือนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ใครที่เป็นคนทำให้เกิดเรื่อง ในการใช้ความรุนแรง นำคนเข้ามาทำให้เกิดความเดือดร้อน บาดเจ็บ สูญเสีย น่าจะต้องรับผิดชอบ ผมว่าไม่น่าจะใช่เจ้าหน้าที่ เพราะถ้าไม่เกิดเหตุก็คงไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ออกไปปฏิบัติตามกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า ในการปราศรัย นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ออกมาระบุถึงที่มากระสุนของทหารที่ฆ่าประชาชนในเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค.53 หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คนทั้งประเทศต้องช่วยดูแล และขัดขวางไม่ให้คนกลุ่มน้อยพวกนี้ออกมาพูดจาให้ร้ายอีก ซึ่งพูดถึงทุกกลุ่มไม่ว่าใครก็แล้วแต่ สิ่งที่ทำไปนั้นจะสนองกลับโดยเร็ววัน พระองค์ท่านเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเราเคารพนับถือ การที่ท่านพูดจาไม่ชัดเจน แต่รู้ว่าท่านมุ่งหวังอะไร ถือว่าได้ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนเคารพนับถือ คิดว่าคนพวกนี้ไม่มีวันเจริญอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ให้ระวังตัวไว้ให้ดี ทั้งความผิดตามกฎหมาย และประชาชนจะต่อต้าน คนพวกนี้จะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาอยากจะเป็น ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด ตราบใดที่ยังมีความคิดแบบนี้อยู่ การต่อสู้ทางการเมืองอยากจะว่าใครก็ว่าไป แต่อย่าเอาสถาบันมาเกี่ยวข้อง พวกตนเป็นทหาร รับไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา ยังไม่มีใครที่ปราศรัยถูกตั้งข้อหาชัดเจนในประเด็นดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ ที่ผ่านมา มีกลุ่มหนึ่งถูกจับกุม มีการเดินขบวน ฟ้องร้องกันอยู่ เวลาทำไม่กลัว แต่พอโดนดำเนินคดีก็มีการเดินขบวนให้ยกเลิก มาตราโน่นมาตรานี้ หาคนหมู่มากมา ทำให้เกิดปัญหา ถามว่าประชาชนกี่หมื่นกี่แสนคนที่เข้ามาตั้งแต่ปีที่แล้ว ถึงปีนี้ มีแกนนำคนไหนที่บาดเจ็บ สูญเสีย แต่คนที่บาดเจ็บ สูญเสีย คือคนที่มาชุมนุม ทั้งนี้ ไม่อยากทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ แต่จำเป็นต้องพูดเตือนใจคนไทยที่เหลืออยู่ว่าทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ ถ้าท่านจะเรียกร้องเจ้าหน้าที่อย่างเดียวก็คงไม่ได้ทั้งหมด
“คนที่น่าสงสารคือคนต่างจังหวัด เป็นคนจน ที่เขามาเพราะเชื่อว่าอะไรจะดีขึ้น แต่ถามว่ามีอะไรดีขึ้นกว่าเดิม ผมว่าแย่กว่าเดิม เพราะชาวบ้านไม่ได้ทำไร่ทำนา ลูกเต้าไม่รู้ไปไหน ลองไปทบทวนว่าได้ประชาธิปไตยอย่างที่เรียกร้องหรือไม่ จริงๆ ประชาธิปไตยมีอยู่แล้ว มีการเลือกตั้ง จะถูกหรือไม่ถูก ใช่หรือไม่ใช่ ท่านก็พยายามเลือกกันไป เพราะมีตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เหมือนต่างประเทศ ที่เขามีความเจริญเติบโตเป็นประชาธิปไตยเป็นร้อยๆ ปี จนถึงวันนี้คนของเขาไม่มีทะเลาะกัน เดินประท้วงอยู่ในจุดที่ประท้วง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น คนเราต้องมีทั้งสิทธิ และ หน้าที่ ท่านมีสิทธิเดินขบวนได้ แต่ไม่ทำหน้าที่ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมคิดว่าไม่น่าจะมองด้านเดียว” ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า อยากให้ทุกคนกลับไปดูเหตุการณ์เมื่อปี 2552-2553 จะเห็นว่ากลุ่มใดเป็นคนเริ่มก่อน ทำให้บ้านเมืองเป็นทะเลเพลิง ตนไม่กลัวคนที่บอกว่าจะมาสู้รบ เพราะไม่ว่าใครก็ตาม จะมาสู้รบไม่ได้ ตนถือกฎหมายอยู่ อย่าผิดกฎหมายก็แล้วกัน ตนเป็นผู้บัญชาการทหารบก มีหน้าที่ดูแลกำลังพลในกองทัพบก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ท่านก็พยายามลากทหารไปเกี่ยวกับการเมืองมาโดยตลอด ทหารจำเป็นต้องทำงานกับรัฐบาล กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ถ้ารัฐบาลสั่งการชอบโดยกฎหมาย และมีกฎหมายคุ้มครองก็ต้องทำ รัฐบาลไม่เคยสั่งให้ไปฆ่าคน หรือให้ทหารไปฆ่าใคร แต่เป็นการจลาจล ขอให้ท่านไปทบทวน ตนไม่โทษใคร ไปดูในภาพว่าใครเป็นคนเริ่ม เพราะฉะนั้นต้องมีกระบวนการยุติธรรมเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่า ไม่รู้สึกเปลืองตัวหรือที่ออกแบบนี้และกลายเป็นเป้าโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถือว่าทำเพื่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะเป็นหน้าที่ เป็นทหารกลัวไม่ได้ ตนเองก็ไม่กลัว แต่ก็ไม่ได้ละเมิดสิทธิประชาชน ไม่เคยดูถูกความคิดของประชาชน หรือ ดูถูกราษฎร ดังนั้นประชาชนทุกคนต้องเป็นผู้มีเกียรติ มีสติ เพราะฉะนั้น ใครที่มาพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ก็ต้องพิเคราะห์ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ อย่าให้ใครดูถูกภูมิปัญญาของท่าน ทั้งนี้ ทุกคนมุ่งเน้นแต่สิทธิ อยากได้อะไรก็บีบบังคับกัน โดยปิดถนน ปิดเส้นทาง แล้วบ้านเมืองจะไปอย่างไร ทุกอย่างต้องแก้ด้วยกฎหมาย คนไทยอย่ากลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว อย่าไปกลัวคนไม่ดี
“คนอีก 60 กว่าล้านคนอยู่ที่ไหน อย่างน้อยท่านต้องออกมาเลือกตั้ง คนมิสิทธิเลือกตั้งอย่างน้อยก็น่าจะ 30-40 ล้านคน ต้องออกมาเลือกตั้งให้หมด จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศ เห็นระบอบประชาธิปไตยที่ท่านต้องการ ถ้าไม่แก้ที่ประชาชน ไม่มีวันแก้ได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่ 12 ล้าน หรือ 14 ล้านคน ต้องออกมาซัก 30 ล้านคน คิดว่าคนมีสิทธิเลือกตั้งน่าจะถึง ถ้าเป็นอย่างนี้น่าจะเปลี่ยนแปลงแน่นอน ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้อะไรดีขึ้น ผมไม่ได้ชี้นำพรรคไหน เอนเอียงให้ใคร ท่านต้องดูแลประเทศชาติด้วยตัวเอง ต้องตัดสินใจเอง ผมขอร้องว่าอย่าปล่อยให้ ทหาร ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ ต้องเป็นจำเลยสังคมอีก เพราะท่านดูแลกันไม่ได้ ใช้กลไกประชาธิปไตยกันไม่ได้ จนต้องมาใช้กลไกกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็ต้องออกมา เดือดร้อนกันไปหมด พันกันอยู่อย่างนี้ ประเทศก้าวไปไหนไม่ได้ สถาบันที่เคารพนับถือทั้งหมด ตั้งแต่ 4 ยุค พระมหากษัตริย์กี่พระองค์ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ทำอยู่” ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามว่า ทำไม ผบ.ทบ.ไม่ระบุให้ชัดเจนว่าคนใด หรือ กลุ่มใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้ ตนพูดอะไรต้องมีหลักฐาน เมื่อมีหลักฐานก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ฝ่ายกฎหมายกำลังตรวจสอบกันอยู่ ที่ผ่านมาก็จับไปหลายคนแล้ว เป็นเรื่องของการดำเนินคดี ทุกคนบอกว่ามีสิทธิ์ และก็มาคัดค้าน ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 (ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทจำคุกตั้งแต่ 3-5 ปี) เป็นคนละเรื่องกัน ซึ่ง ม.112 คนไทยยอมรับมาโดยตลอด ถ้าใครไม่ไปยุ่ง หรือแตะต้องท่าน แล้วจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ อยากถามว่า มาตรานี้ไปทำความเสียหายให้กับใคร ไปกล่าวอ้าง พาดพิงสถาบันทำให้เกิดความเสียหาย ทำให้ต่างชาติดูถูก หลายประเทศเขาถวายพระเกียรติ ในประเทศไทยก็มีอยู่ไม่กี่คนที่ทำเรื่องพวกนี้ ขอร้อง 60 กว่าล้านว่าขอให้ดูแล ไม่ให้คนกลุ่มนี้ออกมาทำร้ายประเทศไทย หรือ สถาบันได้อีกขอร้องในนามผู้บัญชาการทหารบกว่า คนไทยต้องออกมาปฏิเสธ และไม่เห็นด้วยเรื่องความรุนแรง อย่าออกมาในสีไหน แต่ออกมาปกป้องบ้านเมือง เคียงคู่กับทหาร ที่พร้อมดูแลประชาชน