นายกฯ ควง รัฐมนตรีเกษตรฯ ตรวจเยี่ยมน้ำท่วม อ.สิชล นครฯ ให้กำลังใจผู้ประสบภัย ลั่นเร่งซ่อมเส้นทางคมนาคมให้เร็วที่สุด เล็งสำรวจชาวบ้านจะอยู่ที่เดิมหรือไม่ ก่อนไปดูฝายบ้านเผียน แล้วจึงไป อ.นบพิตำ วอนชาวบ้านแจ้งยอดตามความจริง จะได้ช่วยเหลือเร็วขึ้น
วันนี้ (9 เม.ย.) ที่ ขส.ทบ.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ และทีมงานรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ออกเดินทางด้วยเครื่องบินจากกองการบินกรมการขนส่งทหารบก กองทัพอากาศดอนเมือง ไปตรวจความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม พบปะประชาชนและแจกถุงยังชีพให้ชาวบ้านที่จังหวัดนครศรีธรรมและสุราษฎร์ธานี
ต่อมาเมื่อเวลา 09.20 น.นายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางถึงสนามบิน จ.นครศรีธรรมราช และได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ชีนุก ไปยังบ้านเผียนบน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยให้เฮลิคอปเตอร์บินวนเพื่อตรวจดูพื้นที่โดยรอบ อ.สิชล โดยเฉพาะที่เขาบ้านเผียน ซึ่งนายกฯชะโงกมองพื้นที่โดยรอบที่เป็นเขา และได้พบร่องรอยของดินถล่มบนเขาบ้านเผียนหลายจุด จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ได้ลงจอดที่สนามโรงเรียนบ้านเผียน ซึ่งเป็นศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ดินถล่ม โดยมีประชาชนจำนวนมากมารอพบนายกฯ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวกับประชาชนว่า ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา มีฝนตกหนักซึ่งวัดปริมาณได้เท่ากับฝนที่ตกทั้งปี เมื่อตนอยู่บนเฮลิคอปเตอร์มองลงมาข้างล่างเห็นร่องรอยดินถล่ม โคลนถล่ม บ้านเรือนเสียหายหลายหลัง ดังนั้น การช่วยเหลือประชาชน ทางรัฐบาลได้รีบดำเนินการโดยอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ส่วนบ้านเรือนทรัพย์สินที่เสียหายจะเร่งฟื้นฟู แม้ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว นอกจากช่วยเหลือเบื้องต้นครอบครัวละ 5,000 บาท จะเร่งสร้างเส้นทางคมนาคมที่ชำรุดเสียหายให้เสร็จโดยเร็ว ขณะนี้ถนนของกรมทางหลวงที่ถูกน้ำท่วมได้ซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเส้นทางของกรมทางหลวงชนบท ทางหลวงท้องถิ่นยังต้องเร่งซ่อมแซม ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลังต้องสำรวจว่าประชาชนต้องการอยู่ในพื้นที่ เดิมหรือไม่ ถ้ายังยืนยันจะอยู่ที่เดิม ทางรัฐบาลจะสร้างบ้านน็อคดาวน์ให้อยู่ก่อน แต่บ้านเรือนที่เสียหายบางส่วนจะให้เจ้าหน้าที่ทหารพัฒนาเข้ามาช่วยซ่อมแซม ส่วนพื้นที่เกษตรจะเร่งสำรวจและช่วยเหลือโดยเร็ว ตนขอเป็นตัวแทนประชาชนทั่วประเทศให้กำลังผู้ประสบภัยในครั้งนี้ทุกคน
จาก นั้นเวลา 10.20 น.นายกฯและคณะ เดินทางโดยรถยนต์ไปยังฝายบ้านเผียน ซึ่งเป็นฝายที่ก่อสร้างมาประมาณ 1 ปี ถูกโคลนและหินถล่มจนพังเสียหายทั้งหมด โดยเหลือเพียงพื้นที่ที่เป็นทรายและหินก้อนใหญ่ กว้างกว่า 100 เมตร และมีบ้านเรือนใกล้เคียงที่ถูกน้ำซัดโคลนถล่มหายไปทั้งหลังทันที 6 หลัง ทั้งนี้ นายกฯ ได้พูดคุยให้กำลังใจชาวบ้านที่บ้านเรือนเสียหายด้วย
ด้าน นายชนินทร์ โพธิ์แก้ว เจ้าของบ้าน 1 ใน 6 หลังที่ถูกน้ำซัดโคลนถล่มหายไปทั้งหลัง บอกกับนายกฯ ว่า ในช่วงที่เกิดเหตุ ตนได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ตนไม่ได้อยู่ในบ้านเนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้รับคำเตือนจากราชการให้อพยพไปอยู่ที่ศูนย์ ซึ่งน่ากลัวมาก และวันนี้ได้แจ้งความประสงค์ว่าจะไม่ขออยู่ที่เดิมอีก ขอให้รัฐหาที่อยู่ใหม่ให้ด้วย
ขณะที่ นายสงวน มีคล้าย ชาวบ้านเผียน ที่บ้านเสียหายบางส่วน กล่าวว่า ตนต้องการอยู่ในพื้นที่เดิม แต่ขอให้ทางราชการสร้างฝายกั้นน้ำถาวรอาจจะเป็นผนังหินเพื่อกันถล่มอีกครั้ง
จากนั้นเวลา 10.45 น.นายกฯ และคณะได้เดินทางไปยังโรงเรียนนบพิตำ อ.นบพิตำ เพื่อพบปะประชาชนและแจกถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่อยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยนายกฯ กล่าวกับประชาชนว่า จะเร่งให้การช่วยเหลือ แต่ขอให้ประชาชนที่เดือดร้อนช่วยแจ้งขอความช่วยเหลือตามความเป็นจริง เนื่องจากเมื่อครั้งที่มีภัยพิบัติคราวก่อนมีการแจ้งยอดที่ไม่เป็นจริงสูงกว่า 10,000 ราย ทำให้การช่วยเหลือล่าช้า คราวนี้จึงขอให้แจ้งด้วยข้อเท็จจริง การช่วยเหลือได้รวดเร็วทั่วถึง เพราะเห็นใจคนที่เดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายกฯ ได้เดินทางมาที่สะพานคลองกลาย บ้านพังหรัน อ.นบพิตำ ซึ่งเป็นสะพานที่ขาด ไม่สามารถใช้การได้ เมื่อนายกฯดูความเสียหายแล้วได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ซ่อมแซมเพื่อให้ชาวบ้าน ได้ใช้สัญจรไปมาโดยเร็ว