xs
xsm
sm
md
lg

ทหารไม่ปฏิวัติ แต่บรรยากาศก็เหมือนปฏิวัติเงียบ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพบรรดาผู้นำเหล่าทัพทั้งผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และตัวแทนจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน โดยมี ผู้บัญชาการกองทัพไทย หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นคนนำแถลงยืนยันว่า ไม่มีรายการ “ปฏิวัติ” และทหารไม่ยุ่งการเมือง ได้สร้างความสนใจ และนำมาวิเคราะห์กันต่างๆนานา

เพราะภาพที่ปรากฏมีทั้ง พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และตัวแทนจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรายหลังสุดถือว่าเป็น “ตัวแถม” ไม่ต้องกล่าวถึงเพราะไม่มีความหมาย อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่า “แทงกั๊ก” ไม่อยากเปลืองตัว ในสถานการณ์ที่ยังไม่ชัวร์แบบนี้

แต่ที่น่าวิเคราะห์และควรแยกโฟกัสออกมาก็คือ ระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหลายที่มีผลต่อสถานการณ์ความเป็นไปข้างหน้า ทั้งต่อตัวเอง และต่อรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง

แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้นก็ต้องย้อนกลับมาที่สถานการณ์ก่อนหน้าสักเล็กน้อยเสียก่อนว่า ที่ผ่านมา “กระแสปฏิวัติ” ได้ถูกพูดถึงกันอย่างหนาหูทั้งในรูปแบบของการเคลื่อนไหวใช้กำลัง หรือมาในแบบไม่ใช้กำลังนั่นคือ การ “ปฏิวัติเงียบ” โดยฝ่ายกองทัพเป็นผู้กดดันบีบคั้นให้จัดตั้งรัฐบาลใน “สูตรพิเศษ”
หรือแม้กระทั่งความเชื่อที่ว่าจะ “ไม่มีเลือกตั้ง” กันเลยทีเดียว ซึ่งความเชื่อดังกล่าวถูกทำให้เป็นจริงเป็นจังมากขึ้นโดยบุคคลที่มีบทบาทในสังคม การเมือง ทั้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค อย่างพรรคเพื่อแผ่นดิน(ในขณะนั้น) กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) บางคน เช่น สดศรี สัตยธรรม รวมไปถึงการปล่อยตัว “หัวโจก” คนเสื้อแดงออกมา ซึ่งมีการมองกันว่านี่คือ “แผนยืมมือ” ต้านรัฐประหารของฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะจากพรรคประชาธิปัตย์

นี่ยังไม่นับการปั่นกระแสของบรรดาแกนนำคนเสื้อแดง อย่าง “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ตีปี๊บมานานหลายเดือน เช่นอ้างว่ามีการจับมือกันเรียกว่า “ปฏิญญา” นั่นปฏิญญานี่ หรือการแถลงของพรรคเพื่อไทยที่เหมือน “ดักคอ” การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเอาไว้ก่อน

นั่นเป็นความเคลื่อนไหวที่ปูพื้นให้เห็นภาพคร่าวๆถึงที่มาที่ไปเสียก่อน ว่าอย่างน้อยมันก็ต้องมีการพูดถึง มีการสร้างกระแสกันบางอย่าง จนนำไปสู่การแถลงปฏิเสธเรื่องการปฏิวัติ ยืนยันทหารไม่ยุ่งการเมือง
 
อย่างไรก็ดีถ้าพิจารณาให้ละเอียดก็จะพบว่ามันมีความหมายที่ซ่อนนัยบางอย่างที่ซับซ้อนอยู่ภายในหลายอย่าง เป็นการส่งสัญญาณไปถึง “บางคน” ในแบบ “เฉพาะเจาะ” จงเท่านั้น

เพราะถ้าสังเกตให้ดีก่อนเข้าเรื่องแถลงปฏิเสธการปฏิวัติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ได้เกริ่นนำกรณีการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าอยู่ภายใต้การอำนวยการของ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และทหารก็ต้องทำตามนโยบายของนายกฯ เหมือนกับต้องการชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์ในภาคใต้ที่เป็นอยู่เวลานี้หากจะกล่าวโทษก็อย่าชี้หน้ามาที่ทหารฝ่ายเดียว ต้องให้ฝ่ายการเมืองมาร่วมรับผิดชอบด้วย

หากตีความจากท่าทีและคำพูดดังกล่าวก็น่าจะเป็นวัตถุประสงค์หลักอีกเรื่องหนึ่งที่บรรดาผู้บัญชาการเหล่าทัพต้องออกมาเรียงหน้าแถลง ก็คือต้องการ “ชิ่ง” นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ละพรรคประชาธิปัตย์ ประเภท “เลิกอุ้ม” ทางใครทางมัน เพราะในระยะหลังมีเรื่องที่ต้อง “ขัดใจ” กันหลายเรื่องทั้งในกรณีปล่อยให้มีการสอบสวนพาดพิงมาถึงกองทัพต้องรับผิดชอบกรณี “กระชับพื้นที่” ขับไล่แดงเผาเมืองเมื่อเดือนเมษายนต่อเนื่องถึงพฤษภาคมปีที่แล้ว หรือกรณีปัญหาชายแดนที่เดินกันคนละทาง จนมาถึงปัญหาชายแดนใต้ที่ต้องการให้ “ร่วมรับผิดชอบ” ไม่ใช่ลอยตัว “เป็นพระเอก” เหมือนทุกวันนี้
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากรูปการทั้งหมดแล้ว ทั้งในเรื่องผลงานที่ “ห่วยแตก” พิสูจน์ได้จากการเกิดข้าวยากหมากแพง แก้ปัญหาอุทกภัยในภาคใต้ การแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ล้มเหลวไม่เป็นท่า ประกอบกับที่ดูแลเรื่องความมั่นคงเกี่ยวข้องด้านการข่าวย่อมมองสถานการณ์ในวันข้างหน้าออกว่าสถานการณ์ความมั่นคงของตัวเอง “อาจไม่ชัวร์” ทำให้ต้องแสดงท่าทีบางอย่างออกมาเพื่อ “เซฟตัวเอง” เอาไว้ก่อนใช่หรือไม่

ขณะเดียวกันถ้ามองจากภาพที่ออกมายืนเรียงแถวกันเป็นแผงของผู้บัญชาการเหล่าทัพดังกล่าว แม้ว่าภูมิหลัง ความเป็นมาแต่ละคนอาจมีรายละเอียดแตกต่างกัน แต่ภาพรวมๆที่เห็น เป็นภาพที่ “แพ็ก” กันแน่น บรรยากาศมันเคร่งเครียดไม่ต่างจาก “ปฏิวัติเงียบ” เป็นผู้กำหนดเกมหลังเลือกตั้ง หรืออย่างน้อยเมื่อมีแนวโน้มว่าการเมืองอาจ “พลิกขั้ว” ก็ “ขีดวง” ประกาศให้รับรู้กลายๆกันล่วงหน้าว่า “เมื่อทหารไม่ยุ่งการเมือง การเมืองก็อย่ายุ่งกับทหารก็แล้วกัน” อะไรประมาณนั้น เป็นการเตือนอีกครั้งให้ได้ยินไปถึงดูไบอีกด้วย !!
กำลังโหลดความคิดเห็น