xs
xsm
sm
md
lg

สงครามเลือกตั้ง-นาทีทองของพรรคขนาดกลาง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรหาร ศิลปอาชา
ผ่าประเด็นร้อน

นาทีนี้ถ้าพิจารณาตามรูปการณ์แล้ว คงไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ เชื่อว่าการเลือกตั้งคงต้องเกิดขึ้นไปตามกำหนดนั่นคือ การยุบสภาในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม และตามคำพูดของ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่แย้มให้ลูกพรรคฟังในงานครบรอบ 65 ปีพรรคประชาธิปัตย์ ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปลายเดือนมิถุนายนหรือต้นเดือนกรกฎาคม

ขณะเดียวกัน ล่าสุดบรรดาผู้นำเหล่าทัพก็ได้ออกมายืนเรียงแถวยืนยันเพื่อดับกระแสปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ยุ่งการเมือง ทำให้เริ่มนับถอยหลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งเต็มตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้ ที่ต้องบอกว่าทุกอย่างกำลังเดินเข้าสู่การเลือกตั้งก็คือ กฎหมายลูก 3 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งก็กำลังถูกผลักให้ผ่านสภา โดยล่าสุด พรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ก็มีมติให้โหวตสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว รวมไปถึงพรรคการเมืองอื่นๆ ด้วย ทำให้ร่างกฎหมายที่กำลังนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งเพื่อลงมติในวาระที่ 2-3 จะผ่านรวดเดียวหรือไม่เท่านั้นเอง

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากบรรยากาศรอบตัวในขณะนี้ ทำให้ต้องตัดภาพมาที่สถานการณ์การเลือกตั้ง โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวที่คาดว่าจะต้องเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง โดยมองข้ามช็อตไปในเรื่องการ “จับขั้ว” ตั้งรัฐบาลใหม่กันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี หากแบ่งขั้วการเมืองในเวลานี้ก็ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอยู่สองขั้วหลัก นั่นคือ ขั้วประชาธิปัตย์ กับขั้วของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทางฝ่ายแรกนั้นเป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะต้องเข็ญ “หนุ่มนักเรียนนอก” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงป้องกันแชมป์อีกรอบ

ขณะที่ฝ่ายหลัง แม้ว่าจะยังไม่เปิดตัว เนื่องจากความไม่พร้อมเรื่องตัวบุคคล ยังไม่กล้าผลีผลามเพราะหวั่นพรรคจะแตกวุ่นวายก่อนลงสนามทำให้ต้องรีรอไปก่อน อย่างไรก็ดีเท่าที่ติดตามข่าววงในก็พอเดาออกได้บ้างแล้วว่า ไม่น่าจะหนีไปจากชื่อ “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นแน่แท้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีชื่อของ “น้องสาวแม้ว” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่เชื่อว่าเมื่อมาคิดบวกลบคูณหารแล้วคงไม่คุ้มหากส่งลงไปตอนนี้ เพราะเอาไว้คุมถุงเงินและธุรกิจของครอบครัวต่อไปอีกดีกว่า อีกทั้งแม้ไม่ได้เป็นนายกฯโดยตรงแต่ก็สามารถคุมเกม “ชักใย” มิ่งขวัญ ซึ่งเปรียบเสมือน “เด็กในบ้าน” ได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลืองตัวออกหน้ามาเล่นเองโดยตรง

นั่นก็เป็นตัวแทนของสองขั้วการเมืองหลักที่จะลงชิงชัย แย่งกันเป็นรัฐบาล ซึ่งก็ต้องพิจารณากันไปตามเกมปกติกันก่อน โดยเฉพาะการตรวจสอบถึงความเป็นไปได้ด้วยว่าพรรคไหนได้เปรียบเสียเปรียบหรือมีโอกาสชนะการเลือกตั้งมากน้อยแค่ไหน

หากพิจารณาจากผลสำรวจประเภทเปิดเผยจากสำนักต่างๆที่ออกมากันอย่างถี่ยิบ ผลยังออกมาในลักษณะ “สูสี” โดยที่พรรคประชาธิปัตย์ยังนำอยู่นิดๆ แต่ก็ที่น่าสนใจก็คือ เป็นการสำรวจก่อนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ทางภาคใต้ เพราะล่าสุดเมื่อสองวันก่อนผลออกมาว่าชาวใต้เริ่มไม่พอใจการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก เนื่องจากฐานเสียงหลักอยู่ที่ภาคใต้มาเป็นเวลานาน

ขณะที่ผลสำรวจในทางลับโดยหน่วยงานทางด้านความมั่นคงกลับมีรายงานออกมาอีกแบบนั่นคือเป็นพรรคเพื่อไทยที่ชนะการเลือกตั้ง แต่ถึงอย่างไรด้วยบรรยากาศที่เป็นอยู่ผลที่ออกมาไม่น่าจะแพ้ชนะ “กันขาด” นัก

ดังนั้น เมื่อคิดว่ารูปการณ์น่าจะออกมาแบบนี้ มันก็ย่อมเป็น “โอกาสทอง” ของพรรคการเมืองขนาดกลาง ที่จะเข้ามาเป็น “ตัวแปร” สำคัญที่จะสวิงเข้าร่วมกับขั้วไหน ขั้วนั้นก็ชนะได้เป็นรัฐบาล ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้บรรดา “เขี้ยวลากดิน” ทางการเมืองหรือ “นักลงทุนทางการเมือง” ต่างก็มีการเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก ทั้งประเภท “ซื้อ” กันโดยตรง “ควบรวมกิจการ” หรือแม้แต่จับมือเป็นพันธมิตรกันแบบ “เฉพาะกิจ” ต่อรองร่วมรัฐบาลเท่านั้น

นาทีนี้อย่าได้แปลกใจที่จะเห็นความเคลื่อนไหวของพรรคขนาดกลาง รวมไปถึงพรรคขนาดเล็กที่พยายามดิ้นรนให้เป็นพรรคขนาดกลาง ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยภายใต้การผลักดันของเนวิน ชิดชอบ และสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ตั้งเป้า ส.ส.เอาไว้ที่ 70 คน เพื่อที่จะไปจับมือกับขั้วไหนก็ตั้งรัฐบาลสองพรรค สามารถต่อรองได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนเดิม ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนาของ บรรหาร ศิลปอาชา ที่ตามไปจับมือกับเนวิน แบบ “ควบแน่น” เป้าหมายก็คือไม่ต้องการเป็นฝ่ายค้านให้อดอยากปากแห้ง

ส่วนพรรคอื่นๆที่น่าสนใจก็เห็นจะเป็นพรรครวมชาติพัฒนาของสุวัจน์ ลิปพัลลภ ที่ผนึกกำลังกับพรรคเพื่อแผ่นดินซีกของ “3 พี” ไพโรจน์ สุวรรณฉวี พินิจ จารุสมบัติ และ ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ ในนาม “ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” รวมก๊วนกันมาล่าสุด

เมื่อทุกอย่างเริ่มนับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง และยิ่งสถานการณ์ตั้งประจันกันระหว่างสองขั้วใหญ่ในลักษณะสูสีแบบนี้มันก็ยิ่งเปิดโอกาสให้พรรคขนาดกลางได้มีโอกาสเป็น “ตัวแปร” ที่จะสวิงไปข้างไหนข้างนั้นได้คุมอำนาจรัฐได้ทันที แต่มีข้อแม้ว่า พรรคขนาดกลางที่ว่านั้นน่าจะต้องไม่น้อยกว่า “สองพรรค” แน่นอน!!
สุวัจน์ ลิปพัลลภ
เนวิน ชิดชอบ
กำลังโหลดความคิดเห็น