“มาร์ค” จับเข่าคุย “เจ๊วา” ถกปัญหาสินค้าราคาแพง อ้อนเบรก ขึ้นราคาปุ๋ย หวั่นซ้ำเติมเกษตรกร ขอเสนอ ครม.หามาตรการรองรับ แจง เผยพร้อมตรึงราคาน้ำมันดีเซล ยาวเลยสิ้นเดือน เม.ย.รับ ใช้ภาษีสรรพสามิต อุ้ม ราค้ำมันดีเซลเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ชี้ ไม่กระทบรายได้รัฐ เพราะจัดเก็บรายได้สูงเกินเป้า
วันนี้ (7 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาราคาปุ๋ยที่กระทรวงพาณิชย์ เตรียมขยับราคาปุ๋ยขึ้น ว่า ได้คุยกับรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แล้วว่าก่อนที่จะให้มีผลการดำเนินการขึ้นราคา ควรดูมาตรการที่จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรพร้อมกันเสียก่อน ซักต่อว่า ขณะนี้เกษตรกรบางส่วนได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ การขึ้นราคาปุ๋ยจะเป็นการซ้ำเติมเกษตรกรมากไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากที่ได้เห็นข่าวระบุว่า จะมีการขึ้นราคาเลยนั้น ตนได้คุยกับรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งจะยังไม่ขึ้นตามนั้น ส่วนระยะเวลาที่จะชะลอได้อย่างน้อยที่สุด จะต้องมีการเสนอให้เป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น และความพร้อมเสียก่อน ว่ามาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้นับผลกระทบโดยเฉพาะผู้ที่เป็นเกษตรกร แต่ทา งรมว.พาณิชย์ แจงว่า เบื้องต้น นายกสมาคมชาวนาต่างๆ ได้ไปหารือแล้ว และยืนยันว่า ไม่มีปัญหา แต่ตนได้บอกไปว่าขอให้คณะรัฐมนตรีได้มีโอกาสดูก่อนว่ามีอะไรรองรับ และตัวเลขการใช้เป็นอย่างไร เพราะปุ๋ยแต่ละสูตรขึ้นไม่เท่ากัน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับราคาสินค้าชนิดอื่นที่มี่ราคาแพงขึ้น เพราะว่าต้นทุนทั่วโลกขึ้น ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ เพราะอะไรที่เราบริหารได้ก็บริหาร เช่น น้ำมันดีเซลนั้น กองทุนน้ำมันก็ยังทำการตรึงราคาอยู่ ตามที่เราได้ประมาณการไว้ และขณะนี้เงินเหลือใกล้ตัวเลข 1 หมื่นล้านบาท เข้ามาแล้ว จึงจะต้องคุยกันอีกรอบหนึ่ง ว่า จะดำเนินการอย่างไร ซักต่อว่า สำหรับกรอบเวลาการตรึงราคาน้ำมันดีเซลนั้นใกล้ครบวาระในสิ้นเดือนนี้ จะต้องมีการเคาะมาตรการอื่นมารองรับอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า จะนัดประชุมกับทางกระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทางเลือกที่จะนำเอาภาษีสรรพสามิตมาอุ้มราคาน้ำมันดีเซลนั้น ก็จะเป็นทางเลือกหนึ่ง เมื่อถามว่า มีการเสนอตัวเลขจะลดราคาน้ำมันดีเซล 1 บาท จะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า มีหลายทางเลือก ขณะนี้ทางรัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้เตรียมเอาไว้
เมื่อถามว่า ถ้าใช้มาตรการทางภาษีจะกระทบต่อรายได้ที่วางแผนในเรื่องของสมดุลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะขณะนี้การประเมินการจัดเก็บรายได้เกินเป้า เกินมากกว่าตอนที่นำเสนองบกลางปีด้วย เพราะงบกลางปีคิดว่าจะเกิน 1.2 แสนล้านบาท และทำงบกลางปีไว้ 1 แสนล้านบาท จึงมีบวกเข้ามาอีก 2 หมื่น ซึ่งขณะนี้มีสูงกว่านี้
เมื่อถามต่อว่า ตามหลักคิดของท่านนายกฯ ยังคิดว่า มีความจำเป็นตรึงราคาน้ำมันดีเซลต่อไป แม้จะเลยสิ้นเดือน เม.ย.ไปแล้วหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถูกต้องครับ ส่วนผลกระทบต่างๆ ที่จะกระทบต่อจีดีพีนั้น ขณะนี้ทางหน่วยงานได้ยืนยันประมาณการค่าจีดีพีเดิม และไตรมาสแรก สองเดือนแรกที่มีตัวเลขมาคิดว่าไตรมาสแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 2-3